EEC – A New Flagship for Thailand in Global Stage

ชูธงอีอีซี…นำไทยสู่เวทีโลก

Full article (TH-EN)

โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor; EEC) มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เมื่อญี่ปุ่น จีน รัสเซีย และสิงคโปร์ ต่างให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนใน EEC เป็นอย่างมาก เพื่อเป็นฐานการผลิตป้อนตลาดเอเชียและตลาดโลก

ญี่ปุ่นแสดงความสนใจอย่างชัดเจนเป็นพิเศษ โดยเมื่อวันที่ 11-13 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา ได้มีคณะผู้บริหารระดับสูงและซีอีโอจากบริษัทแม่ รวมทั้งเจโทร ฟูกูโอกะ และนิเคอิ กว่า 570 คน นำโดยนายฮิโรชิเกะ เซโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ-การค้าและอุตสาหกรรม (METI) ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยมีเป้าหมายหลักเป็นการศึกษาความพร้อมของโครงการ EEC ในภาคตะวันออกของไทย ทางคณะให้ความสนใจลงทุนใน 4 สาขาอุตสาหกรรม คือ 1. อุตสาหกรรมยานยนต์ การบิน ศูนย์ซ่อมอากาศยาน 2. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หุ่นยนต์ 3. อุตสาหกรรมการแพทย์ การเกษตร อาหาร เป็นต้น 4. อุตสาหกรรมบริการ การค้า ค้าปลีก โลจิสติกส์ เป็นต้น

ความสนใจอย่างกระตือรือร้นของนักลงทุนญี่ปุ่นเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับที่จีนเปิดเกมรุกในการลงนามทำความตกลงด้านการลงทุนรถไฟความเร็วสูงกับ สปป.ลาว อินโดนีเซีย และประเทศไทย ภายใต้อภิมหาโปรเจคท์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road) ที่ครอบคลุมไปทั่วโลก ซึ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือระเบียงเศรษฐกิจตามแนวเส้นทางดังกล่าว และจะมาเชื่อมกับระเบียงเศรษฐกิจ EEC เป็นที่น่าสังเกตว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีชาวจีนโพ้นทะเลมากเป็นอันดับ 1 ของโลกจำนวน 9.39 ล้านคน รองลงมาเป็นมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และอินโดนีเซีย จำนวน 6.65, 4.95 และ 2.83 ล้านคน ตามลำดับ สะท้อนให้เห็นถึงความน่าสนใจของประเทศไทยที่มีต่อคนจีน

ในอีกด้านหนึ่ง ความเปลี่ยนแปลงด้านภาวะโลกร้อนกลับกลายเป็นโอกาสใหม่ที่จะช่วยให้รัสเซียกลายเป็นคู่ค้าสำคัญรายใหม่ของไทย การละลายของน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือเป็นผลให้เกิดเส้นทางเดินเรือเส้นใหม่ ซึ่งก็คือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของรัสเซีย พาดผ่านขั้วโลกเหนือเชื่อมรัสเซีย-อาเซียนที่ใช้เวลาน้อยลงมากถึงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับเส้นทางอื่น และไม่ต้องใช้เรือตัดน้ำแข็งนำร่องทำให้ต้นทุนลดลงด้วย ล่าสุดเมื่อกลางปี 2560 บริษัทซอฟคอมฟลอต (Sovcomflot) ของรัสเซียได้ประเดิมเดินเรือในเส้นทางนี้เป็นรายแรกด้วยเรือคริสทอฟ เดอ มาร์เจอรีบรรทุกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มายังเกาหลีใต้

ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจไทย-รัสเซียได้พัฒนามากขึ้นเป็นลำดับ ปัจจุบันรัสเซียมีนโยบายหันหน้าสู่ตะวันออก (Turn to the East) ที่ต้องการพัฒนาภาคตะวันออกไกลของรัสเซียเชื่อมโยงกับอาเซียนและเอเชียแปซิฟิกที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

ความสนใจของทั้ง 3 ประเทศในการเข้ามาลงทุนในไทยแสดงให้เห็นในแง่มุมหนึ่งว่า พลวัตรของเศรษฐกิจโลกกำลังเคลื่อนตัวสู่อาเซียนและเอเชียมากยิ่งขึ้น โดยธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียได้ระบุว่า GDP ของอาเซียนจะมีสัดส่วนร้อยละ 40 และร้อยละ 52 ของ GDP โลกในปี 2573 และ 2593 ตามลำดับ โดยแนวโน้มดังกล่าวมีความเป็นจริงอยู่ไม่น้อย เนื่องจากปัจจุบันขนาดเศรษฐกิจของอาเซียน +4 (รวมญี่ปุ่น จีน อินเดีย และเกาหลีใต้) มีสัดส่วนใน GDP โลกถึงร้อยละ 30 เข้าไปแล้ว

Good Manufacturing Practice

จากกระบวนการผลิตถึงผู้บริโภคอย่างปลอดภัย

By: Material World Co., Ltd.

Full article (TH-EN)

ความเสี่ยงในกระบวนการผลิตเพื่อการบริโภคที่แปรผันตามระบบการจัดการแต่ละองค์กรซึ่งมีความเข้มงวดที่ไม่เหมือนกัน ผู้บริโภคควรจะต้องมั่นใจในกระบวนการผลิตที่ได้รับมาตรฐาน Good Manufacturing Practice (GMP) ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ผู้ผลิตสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคควรจะต้องมี

ทำไมถึงต้องมี GMP?

GMP คือ การปฏิบัติที่ดีในการผลิตอาหาร เป็นระบบประกันคุณภาพที่มีการปฏิบัติในการผลิตอาหาร เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และมั่นใจต่อการบริโภค หลักการของ GMP จึงครอบคลุมตั้งแต่สถานที่ตั้งของสถานประกอบการ โครงสร้างอาคาร ระบบการผลิตที่มีความปลอดภัย มีคุณภาพ และได้มาตรฐานทุกขั้นตอน นับตั้งแต่เริ่มต้นวางแผนการผลิต ระบบควบคุมตั้งแต่วัตถุดิบระหว่างการผลิต การจัดเก็บ การควบคุมคุณภาพ และการขนส่ง มีระบบบันทึกข้อมูล ตรวจสอบและติดตามผลคุณภาพผลิตภัณฑ์ รวมถึงระบบการจัดการที่ดีในเรื่องสุขอนามัย (Sanitation and Hygiene)

นอกจากนี้ GMP ยังเป็นระบบประกันคุณภาพพื้นฐานก่อนที่จะพัฒนาไปสู่ระบบประกันคุณภาพอื่นๆ ต่อไป เช่น HACCP (Hazard Analysis Critical Control Point) และ ISO 9000 เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ท้องตลาดทั่วโลก

เราจะพบความเสี่ยงอะไรได้บ้างจากกระบวนการผลิต ปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบต้องคำนึงถึง คือ

1. ความเสี่ยงในกระบวนการผลิต: การสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคถือเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ผลิตควรคำนึงถึง ตั้งแต่การใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับพนักงานและลดอันตรายจากอุบัติเหตุ หรือการบาดเจ็บขณะทำงาน รวมไปถึงความเป็นสุขอนามัยในพื้นที่การผลิตด้วย

2. ความเสี่ยงหลังจากกระบวนการผลิต: หากเราพูดถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์ (Packaging Management) หรือกระบวนการ หรือวิธีการในการดูแล ห่อหุ้มสินค้า เพื่อการขนส่งที่ปลอดภัยไปยังผู้บริโภคคนสุดท้าย ในสภาวะแวดล้อมต่างๆ หรืออาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการขนส่ง ความเสี่ยงที่เราทุกคนอาจจะมองข้ามไป และมองว่าจะต้องลดต้นทุนเพียงอย่างเดียว

ท้ายที่สุดแล้วหากกระบวนการผลิตดี แต่การบริหารจัดการด้านบรรจุภัณฑ์และการขนส่งขาดประสิทธิภาพก็คงยากในการลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นภายใต้ข้อจำกัดของเวลาและต้นทุนรวมที่จะเกิดขึ้นจากความเสียหายในการแข่งขันทางธุรกิจได้

Frozen Bakery Market Forecast for 2018

คาดการณ์แนวโน้มผลิตภัณฑ์เบเกอรี่แช่แข็งปี 2561

Full article (TH-EN)

2-3 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมทั่วโลกมีการเติบโตขึ้นมาก อันเนื่องมาจากวิถีชีวิตที่รีบเร่งและผู้คนมีความตระหนักเรื่องข้อมูลด้านโภชนาการกันมากขึ้น เป็นผลให้ตลาดเติบโตอย่างมาก และคาดว่าจะยังคงเติบโตต่อไปในอนาคต

ธุรกิจเบเกอรี่ขยายตัวเพิ่มขึ้นทั่วโลกจากการที่ผู้บริโภคนิยมเลือกซื้อเบเกอรี่แช่แข็งเนื่องจากมีราคาสมเหตุสมผลกว่าฟาสท์ฟู้ดประเภทอบอื่นๆ โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือและยุโรปยิ่งเห็นความเติบโตอย่างเด่นชัด เบเกอรี่แช่แข็งสามารถเก็บไว้ได้นาน ทั้งยังเป็นทางเลือกที่โดนใจในเรื่องความสะดวกสบายผลิตภัณฑ์เบเกอรี่แช่แข็งจึงยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อไป และเปิดโอกาสให้กับผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ใหม่ๆ ที่มีความพิเศษ และเน้นนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพ

ตลาดเบเกอรี่แช่แข็งทั่วโลกคิดเป็นเกือบร้อยละ 8 ของตลาดอาหารแช่แข็งทั้งหมด และยังคงเฟื่องฟูเนื่องจากมีการพัฒนาที่หลากหลาย เนรมิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนและดีต่อสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้บริโภคยุคนี้มีความตระหนักเรื่องสุขภาพ ส่งผลให้มีความต้องการส่วนผสมอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น จึงคาดว่าในอนาคตส่วนผสมอาหารระดับพรีเมียมจะช่วยเพิ่มมูลค่าตลาดเบเกอรี่แช่แข็งได้อย่างแน่นอน

ทาง Research & Market ได้จัดหมวดหมู่ของตลาดทั่วโลกโดยอิงจากประเภทของสินค้า ช่องทางการกระจายสินค้า และลักษณะทางภูมิศาสตร์ โดยประเมินความต้องการของทั้งตลาดโลกและตลาดระดับภูมิภาค รายงานนี้ได้วิเคราะห์ตลาดอย่างครอบคลุม พบว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเนื่องจากผลิตภัณฑ์มีความหลากหลาย โดยฐานพิซซ่าแช่แข็งมีส่วนแบ่งการตลาดถึงร้อยละ 32.2 ของตลาดรวมทั้งหมด ขนมปังแช่แข็งมีส่วนแบ่งเกือบร้อยละ 25.5 ตามมาด้วยเพสทรีแช่แข็ง ร้อยละ 15.5

ยุโรปเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเบเกอรี่แช่แข็ง คาดการณ์กันว่าในช่วงปี 2556-2561 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ร้อยละ 6.9 รองลงมาคือ อเมริกาเหนือ ซึ่งคาดว่าจะมีความต้องการอาหารแปรรูปเพิ่มขึ้น และผู้คนจะมีวิถีชีวิตที่รีบเร่ง สำหรับเอเชียแปซิฟิกซึ่งผู้บริโภคเพิ่งจะรู้จักสินค้าเบเกอรี่แช่แข็งได้ไม่นานนักมีการเติบโตอย่างรวดเร็วถึงร้อยละ 7.7 ในช่วงปี 2556-2561 นับเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตสูงที่สุด

อัตราการเติบโตดังกล่าวนี้ เนื่องมาจากความต้องการอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและดีต่อสุขภาพ ตลอดจนความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้น โดยสหรัฐอเมริกาเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในธุรกิจเบเกอรี่แช่แข็ง

Snack Trends Products

แนวโน้มของผลิตภัณฑ์อาหารมื้อว่าง

 Translated By:  Editorial Team

Food Focus Thailand Magazine

Full article (TH-EN) 

ข้อมูลจาก Nutraceuticalsworld ระบุว่า ผู้บริโภคกำลังมองหาคุณสมบัติเชิงบวกของผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว และส่วนผสมอาหารเพียงไม่กี่ชนิด ประหนึ่งว่าง่ายๆ แต่มีคุณค่า

ชาวอเมริกันใส่ใจกับสุขภาพของตนเองมากขึ้น จึงสนใจส่วนผสมในอาหารที่บริโภคว่ามีและไม่มีอะไรบ้าง พวกเขามองหาผลิตภัณฑ์คลีนลาเบล และเริ่มเป็นผู้อ่าน (ฉลาก) ที่ดี โดยอ่านข้อมูลของส่วนผสมอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น

Darren Seifer กรรมการบริหารของกลุ่มบริษัท NPD ณ พอร์ท วอชิงตัน รัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า ผู้คนกำลังมองหาความบริสุทธิ์และความแน่แท้ พวกเขาจะกวาดสายตามองรายการส่วนผสมบนฉลากอย่างรวดเร็ว เพื่อดูว่ามีส่วนผสมอะไรที่ไม่รู้จัก หรือรู้จักแต่ไม่ได้มาจากธรรมชาติบ้าง นั่นเพราะต้องการส่วนผสมอาหารที่เรียบง่ายและคุ้นเคย

 

 เทรนด์โดนๆ ของผลิตภัณฑ์อาหารมื้อว่างเพื่อสุขภาพ

 

⋅แนวคาวๆ เข้ามาเยือน

ปัจจุบันกลุ่มชาวอเมริกันที่ตระหนักในเรื่องสุขภาพต่างหันหลังให้กับความหวานจากน้ำตาล ผู้ผลิตเริ่มรับรู้ความต้องการของผู้บริโภคด้วยการผลิตขนมหวาน ขนมขบเคี้ยว ที่ใช้น้ำตาลในสูตรลดลง และเพิ่มรสเผ็ดหรือมีรสชาติของอาหารคาวมากขึ้น ดังเช่น Kashi นำเสนอขนมขบเคี้ยวในรูปแบบแท่งหรือบาร์ 2 รสชาติ คือ ​Basil White Bean & Olive Oil และ Quinoa Corn & Roasted Pepper ทางด้าน Larabar เปิดตัวบาร์ซูเปอร์ฟู้ดออร์แกนิก มาใน 3 รสชาติเผ็ดร้อน คือ Coconut Kale Cacao, Hazelnut Hemp Cacao และ  Turmeric Ginger Beet

 ‎บริษัทขนาดย่อมลงมาก็ยังหันมาเล่นในตลาดนี้ อย่างเช่น Mediterra นำเสนอผลิตภัณฑ์บาร์หลากหลายรสชาติ ได้แก่ Kale and Pumpkin Seeds, Bell Peppers and Green Olives และ Sundried Tomato and Basil ด้าน Ginger’s Healthy Habits เปิดตัว Veggie trail mix ออกมา 2 รสชาติ เป็นการนำผัก ถั่ว และเมล็ดธัญพืชมาผสมกัน

สำหรับคนรักเนื้อ ทาง Wild Zora นำเสนอ Meat & Veggie Bars หลายรสชาติ เช่น Mediterranean Lamb with Spinach และ Rosemary & Turmeric ส่วน Wilde Boldr มีบาร์ที่ผลิตจากเนื้อวัว เนื้อไก่งวง และเนื้อไก่ ที่ย่างให้สุกอย่างช้าๆ ทำจากส่วนผสมที่หาได้ในครัวของคุณเอง

 

ว่าด้วยผลไม้ล้วนๆ

KIND เปิดตัวผลิตภัณฑ์บาร์ 4 ชนิด ภายใต้ชื่อ Pressed by Kind ซึ่งผลิตจากผลไม้ และยังมีผลิตภัณฑ์ That’s It has That’s It bars ที่เป็นผลไม้ล้วนๆ

Jordan Rost รองประธานฝ่ายข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคแห่ง Nielsen กล่าวว่า แม้ผู้บริโภคจะพยายามหลีกเลี่ยงน้ำตาล แต่น้ำตาลในผลไม้ก็เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ไม่มีอะไรที่จะแย่โดยสิ้นเชิง และผู้บริโภคก็ยอมรับว่าผลิตผลสดเป็นแหล่งที่ดีของสารอาหาร

 

ทางเลือกแบบชิพๆ

ผลิตภัณฑ์บาร์ไม่ใช่รูปแบบเดียวของนวัตกรรมขนมขบเคี้ยว ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบแผ่นหรือชิพ (Chip) ตลอดจนรสชาติใหม่ๆ ก็ยังร้อนระอุในเส้นทางของทางเลือกนี้ด้วย อย่างเช่น ป๊อบคอร์นสำเร็จรูป (Pre-popped popcorn) ซึ่งขายดิบขายดีใน 4 ปีที่ผ่านมา จากข้อมูลของ Nielsen พบว่าในเดือนตุลาคม 2560 มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากปี 2559 โดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 12 ของปีก่อนหน้า

NatureBox นำเสนอ Pop Pops ป๊อบคอร์นที่ทำให้พองบางส่วน มี 2 รสชาติให้เลือก ส่วนแบรนด์ Open Road Snacks ก็เปิดตัว Poplets ซึ่งทางบริษัทกล่าวว่า ส่งมอบความพึงพอใจ และรสชาติเยี่ยมของข้าวโพดที่มีส่วนผสมของไฟเบอร์มากขึ้น และไขมันกับแคลอรีที่ลดลงในเดือนตุลาคม Ips Snack ได้วางจำหน่ายป๊อบคอร์น 2 รสชาติ ในชื่อ Ips Pop ซึ่งเพิ่มเวย์โปรตีนเข้าไปด้วย

ด้วยความห่วงใยในปัญหาสุขภาพอย่างโรคอ้วนและโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นแรงผลักดันให้ผู้บริโภคเพิ่มความระมัดระวังในการเลือกซื้ออาหารทานเล่นมากขึ้นด้วย นี่เป็นผลดีที่ทำให้ขนมขบเคี้ยวทางเลือกที่ทำจากถั่วชิกพีได้รับความสนใจMr.Vierhile อธิบาย

Pre Show – FRUIT LOGISTICA 2018

FRUIT LOGISTICA Berlin – Fresh Business Opportunities
7-9 February 2018

Full article TH-EN

รู้ลึก รู้จริงแห่งอนาคตของธุรกิจผักและผลไม้สดไปกับงานแสดงสินค้า FRUIT LOGISTICA 2018
ค้นหาทางออกในการจัดจำหน่ายผักและผลไม้สดเมื่อร้านค้ากลายเป็นความจำเจไปเสียแล้ว

การสื่อสารแบบดิจิตอลได้ปฏิวัติวิธีการเสพข้อมูลของผู้คนไปแล้ว และตอนนี้ก็กำลังเปลี่ยนวิธีการบริโภคผักและผลไม้ของเราด้วยเช่นกัน การเข้ามาของเทคโนโลยีนั้นรบกวนและเปลี่ยนสภาพจากที่เคยเป็นอยู่โดยกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งในทุกส่วนของห่วงโซ่อุปทานของการผลิตผลิตสด เนื่องจากวิธีการสื่อสารและการจัดจำหน่ายมีความละเอียดอ่อน ซับซ้อน และเชื่อมต่อถึงกันมากขึ้น

วิทยากรด้านคอมพิวเตอร์อย่างปัญญาประดิษฐ์นี้อาจเข้ามามีบทบาทอย่างมากมายในกิจกรรมบางส่วนของการดำเนินธุรกิจของเรา เมื่อเดือนที่ผ่านมามีธุรกิจสตาร์ทอัพรายใหม่ “Farmstead” ในซานฟรานซิสโก ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าในไม่ช้าความก้าวหน้าแห่งเทคโนโลยีจะสร้างนวัตกรรมให้กับโมเดลหลักอย่างซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าด้วยการใช้ระบบการวิเคราะห์แบบอัตโนมัติ เพื่อบริหารจัดการธุรกิจการจัดส่งอาหารจากฟาร์มไปยังตู้แช่ตามร้านภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
FRUIT LOGISTICA 2018: Expert insight on the future of the fresh produce business
Where will fruit and vegetables be sold if stores become redundant?

Digital communication has already revolutionised the way we consume information, and now it’s changing the way we consume fruit and vegetables. By disrupting and changing the status quo, it’s provoking a remarkable transformation in all parts of the fresh produce supply chain as methods of communication and distribution become more sophisticated, complex and interconnected.

Artificial intelligence, for example, could render some of our most established business practices redundant. Farmstead, a new startup launched in San Francisco last month, says it will reinvent the supermarket model and bypass real stores by using automated, analytical technology to manage food delivery from farm to fridge within the space of an hour.

Post Show – Food Focus Thailand Roadmap # 41: Drinking Edition

10 November 2017 @ Jupiter Room, Challenger Hall, IMPACT

Full article TH-EN

อุตสาหกรรมเครื่องดื่มนับเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มาแรง ดังจะเห็นได้จากมีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มรูปแบบใหม่ๆ ออกสู่ตลาดทั้งจากผู้เล่นหน้าใหม่และหน้าเก่า เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ในอุดมคติที่สามารถนำมาจับขัดสนิม แต่งตัวใหม่ และสร้างลูกเล่นได้อย่างหลากหลาย

จับตาทั่วโลก
จากข้อมูลยอดขายในเชิงปริมาณของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มทั่วโลก พบว่าในปี 2552 มียอดขายประมาณ 700 พันล้านลิตร และได้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยคาดว่าจะแตะยอด 1,000 พันล้านลิตรในปี 2561

จากข้อมูลของมินเทล (Mintel) พบว่า น้ำผลไม้มีอัตราการเติบโตสูงสุด (+ ร้อยละ 14.85) รองลงมาเป็นเครื่องดื่มสำหรับนักกีฬาและเครื่องดื่มให้พลังงาน (+ ร้อยละ 13.64) เครื่องดื่มอัดก๊าซ (+ ร้อยละ 13.25) เครื่องดื่มร้อน (+ ร้อยละ 11.67) น้ำเปล่า (+ ร้อยละ 10.88) เป็นต้น และกลุ่มที่มีอัตราชะลอตัว เช่น ชาพร้อมดื่ม (- ร้อยละ 2.35)

การกล่าวอ้างที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ร้อยละ 27.35) ปราศจากวัตถุเจือปนอาหารและสารกันบูด (ร้อยละ 15.63) ลด/ปราศจากน้ำตาล (ร้อยละ 11.10) ลด/ปราศจากสารก่อภูมิแพ้ (ร้อยละ 10.78) เป็นต้น

ด้านกลิ่นและรสชาติที่มาแรง ได้แก่ ถั่ววนิลลา (+ ร้อยละ 600) เลมอน (+ ร้อยละ 500) ข้าวกล้อง (+ ร้อยละ 400) ข้าว (+ ร้อยละ 400) เป็นต้น

The beverage industry is on fire. Many new beverage products are launching into the market from both old and new players. Beverage product is “evergreen” and can be rusted away, redressed, and creative.

Global Trend
Quantitative sales data revealed that 700 billion liters of beverage was sold in 2009. The trend is on the rise, and expected to reach 1 trillion liters in 2018.

Data from Mintel found that juice gains the highest growth (+14.85%), followed by sports and energy drinks (+13.64%), carbonated soft drinks (+13.25%), hot beverages (+11.67%), and water (+10.88%). However, some drinks are in decline such as RTDs (-2.35%).

Popular claims are “eco-friendly package” (27.35%), “no additives and preservatives” (15.63%), “low/no/reduced sugar” (11.10%), and “low/no/reduced allergens” (10.78%).

Prevalent flavors and tastes are vanilla bean (+600%), lemon (+500%), brown rice (+400%), and rice (+400%), to name a few.

Penetrating Asia-Pacific Market
According to information from Mintel (Q4 of 2016 to 2017), hot beverages expanded the most (+12.22%), followed by juice (+7.91%), sports and energy drinks (+0.86%). On the other hand, some beverages faced decreasing popularity, for example, RTDs (-17.48%), alcoholic beverage (-16.45%), and carbonated soft drinks (-12.23%).

Meanwhile, claims that are most popular are “eco-friendly package” (23.91%), “no additives and preservatives” (18.00%), “halal” (15.05%), “vegetarian” (14.06%), “low/no/reduced sugar” (10.21%), for instance.

Favorite tastes and flavors are apricot (+800%), orange (+300%), grapefruit (+300%), root beer (+300%), mango (+300%), and cherry (+267%).

Meat Expo China 2017

เฉลิมฉลองความสำเร็จที่สถานที่แห่งใหม่
Refrigeration Industry Summit Forum 2017 เปิดพื้นที่การพูดคุยสำหรับธุรกิจ

Full article TH-EN

Meat Expo China 2017 ที่จัดขึ้นเมื่อระหว่างวันที่ 14-17 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา โดยมีบริษัท เมสเซอ แฟรงก์เฟิร์ต (เซียงไฮ้) จำกัด และ Circulation Industry Promotion Center (CIPC) หน่วยงานภายใต้กระทรวงพาณิชย์ของจีน ทีปิดฉากลงอย่างสวยงาม ทั้งนี้ยังจัดขึ้นพร้อมกับงาน China Food & Catering Expo (CFCE) ซึ่งมีกระทรวงพาณิชย์ของรัฐบาลมณฑลหูหนานเป็นผู้สนับสนุนร่วมกันอีกด้วย ซึ่งงานทั้งสองงานนี้นับเวทีกลางระดับนานาชาติที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมงานได้รับศึกษาและชมนิทรรศการ ผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยี ทั้งในเรื่องของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนอุตสาหกรรมการจัดเตรียมอาหารอย่างครบครันไปพร้อมๆ กัน

ตลอด 4 วันเต็มของงาน กับอีกกว่า 1,200 บริษัท จาก 14 ประเทศและภูมิภาคที่เข้าร่วมจัดแสดงบนพื้นที่ราว 54,000 ตารางเมตร 2 เวทีกลางระดับนานาชาตินี้ได้ต้อนรับผู้เข้าชมมากถึง 31,806 คน รวมทั้งนักธุรกิจมืออาชีพจาก 41 ประเทศและภูมิภาค โดยบริษัทชั้นนำที่ร่วมจัดแสดงในงาน Meat Expo China ได้แก่ Changsha Shunfeng Refridgeration, Chuyinh, Dongguan Dachang, New Wellful, Shanghai Elemotion Technology, Shuanghui, Suzhou Huide Foodstuff Machinery Engineering, และ TRS group เป็นต้น

ริชาร์ด หลี่ ผู้จัดการทั่วไปจากบริษัท เมสเซอ แฟรงก์เฟิร์ต (เซียงไฮ้) จำกัด กล่าวว่า “ผมพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ และ การร่วมมือกับ CFCE ถือเป็นความสำเร็จ โดยงานนี้เป็นเหมือนประตูเชื่อมโยงอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และอุตสาหกรรมการจัดเตรียมอาหารของจีนเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะในตลาดเนื้อสัตว์ในมณฑลหูหนานที่กำลังเติบโต ซึ่งเราได้จัดแสดงระบบการผลิตทั้งหมดทั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผู้เข้าชมงานไม่เพียงแต่จะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าจากเนื้อสัตว์เท่านั้น แต่ยังได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้วย ผมเชื่อว่างานแสดงสินค้าครั้งนี้จะขยายขึ้นในอนาคตในฐานะกิจกรรมของอุตสาหกรรมชั้นนำ”

Meat Expo China 2017, organised by Messe Frankfurt (Shanghai) Co Ltd and Circulation Industry Promotion Center of Ministry of Commerce (CIPC), recently drew to a successful close. The fair was held in conjunction with the China Food & Catering Expo (CFCE), which is jointly supported by the Ministry of Commerce and the People’s Government of Hunan Province from 14 – 17 September 2017. The two events provided a one-stop sourcing platform for the meat, related products and catering industries.

During the four-day run, the two shows gathered 1,200 companies from 14 countries and regions. The exhibitors occupied 54,000 sqm of exhibition space and recorded 31,806 visits of professional buyers from 41 countries and regions. Exhibitors in Meat Expo China included Changsha Shunfeng Refrigeration, Chuying, Dongguan Dachang, New Wellful, Shanghai Elemotion Technology, Shuanghui, Suzhou Huide Foodstuff Machinery Engineering, TRS group, and more.

Mr Richard Li, General Manager of Messe Frankfurt (Shanghai) Co Ltd, was satisfied with the result: “The collaboration with CFCE was a success. The fair was a gateway to the Chinese meat and catering industry, especially in the burgeoning meat market of Hunan, showcasing the entire meat processing supply chain. Visitors not only could access to the meat products, but related technology too. I am convinced that the show will continue to grow as a leading industry event.”

Innovative Green Beverage Packaging

นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสิ่งแวดล้อม

Full article TH-EN

จากการเพิ่มขึ้นของการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม การใช้พลาสติกชีวภาพจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับ ขวดน้ำ Bio-PET เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมจากการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
ในปัจจุบันนี้ผู้บริโภคได้ให้ความสนใจและตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการรณรงค์การลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) หรือการลดปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบ ซึ่งล้วนเป็นพลังงานที่ไม่สามารถสร้างทดแทนได้ (Non-renewable resources) หนึ่งในทางเลือกในการแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างยั่งยืนและเป็นที่รู้จักกันดี คือ การใช้พลาสติกชีวภาพ (Bioplastics) เพื่อทดแทนพลาสติกโภคภัณฑ์แบบเดิมที่มาจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี (Petroleum-based plastics)
กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารถือได้ว่าเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมแรกที่พลาสติกฐานชีวภาพได้เข้าไปมีบทบาทสำคัญอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบของบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึงการประยุกต์ใช้พลาสติกชีวภาพกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ใช้แล้วทิ้งที่สัมผัสกับอาหารได้ เช่น ช้อน-ส้อม แก้วน้ำ ขวดน้ำ ถาดใส่อาหาร เป็นต้น

From increasing participation in breaking through environmental concerns, using bioplastic is an acceptable alternative today. Bio-PET bottle is another innovation from technology development to serve the global environmental sustainability.

Currently, consumer awareness of environmental issue continues to grow as seen from various campaigns for reducing carbon dioxide (CO2) emission or reducing consumption of natural gas and fossil fuel, which totally come from non-renewable resources. One of well-known alternatives to overcome the problem with sustainability is using bioplastics to replace general commodity plastics from petrochemical industry.

Transforming Useless Raw Material into Valuable Products

เนรมิตวัตถุดิบด้อยค่า…ให้เป็นสินค้ามีคุณค่า สมราคา

โดย: สหัส รัตนะโสภณชัย
Sahas Ratanasoponchai
Assistant Vice President: Hygiene Business
Betagro Group
sahas@betagro.com

Full article TH-EN

กระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มักประสบปัญหาเรื่องของวัตถุดิบเหลือใช้ วัตถุดิบตกขนาดหรือข้อกำหนดหรือคุณภาพบางประการที่ไม่เป็นที่ต้องการของลูกค้า ทำให้ต้องทิ้งและเสียเวลาคัดเกรดวัตถุดิบเหล่านี้ อีกทั้งยังทำให้มีโอกาสเป็นแหล่งปนเปื้อน เพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในสินค้าแก่ผู้บริโภคมากขึ้น
การคัดแยกวัตถุดิบดังกล่าว อาจแยกได้ดังนี้
1. วัตถุดิบที่มีคุณภาพและข้อกำหนดเดิมทุกประการ แต่เหลือจากกระบวนการผลิต ซึ่งถือเป็นการสูญเสียอย่างมาก เศษวัตถุดิบนี้จึงยังมีคุณค่ามหาศาล เพียงแต่ว่าเราจะนำไปแปรรูปอย่างไร หลายโรงงานจึงนำไปทำเป็นสินค้าใหม่ที่เพิ่มมูลค่า โดยต้องมีการเสริมสารหรือกระบวนการผลิตอย่างอื่นลงไป เช่น การผลิตน้ำผลไม้ให้มีหลากหลายรสชาติ มีส่วนผสมของน้ำผลไม้หลากหลายชนิด แต่ยังคงคุณค่าไว้ครบถ้วนทุกประการ
2. วัตถุดิบที่มีคุณภาพ แต่เป็นเศษที่ไม่ได้ขนาดตามข้อกำหนดบางประการ สามารถนำไปแปรรูปเป็นรูปแบบอื่นๆ เพื่อให้ได้คุณภาพตามความต้องการของลูกค้าหรือผู้บริโภค เช่น การแปรรูปเนื้อสดที่ไม่ได้ขนาด มารวมกันปั้นเป็นสินค้าใหม่ เช่น ลูกชิ้น หรือไส้กรอก เพื่อให้ได้สินค้ารูปแบบใหม่ตามใจผู้บริโภค แต่มีคุณค่าครบถ้วน
3. วัตถุดิบที่มีคุณภาพ แต่เป็นส่วนที่ไม่ต้องการในกระบวนการผลิตนั้น การนำแนวคิดใหม่ๆ เพื่อพัฒนาสินค้าให้มีความแตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่นจึงเป็นทางเลือกในการสร้างคุณค่าสินค้าใหม่ เช่น นำคางกุ้งมาแปรรูปเป็นสินค้าเฉพาะชนิด เฉพาะกลุ่มลูกค้า หรือการแปรรูปไข่ขาวหลอดให้เป็นแบบเฉพาะกับกลุ่มลูกค้านักกีฬาที่ต้องการโปรตีน
4. วัตถุดิบที่ด้อยคุณภาพไม่ได้ตามข้อกำหนด ซึ่งสามารถแยกได้เป็น 2 ประเด็น คือ
4.1 วัตถุดิบด้อยคุณภาพ แต่ยังคงมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ได้แก่ วัตถุดิบที่ไม่ได้ตามข้อกำหนดลูกค้า การคัดเกรดเพื่อนำไปแปรรูปให้กับกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ เช่น ลดความเข้มข้นลงในน้ำผลไม้ หรือการผลิตเป็นเนื้อไก่คาราเกะที่ยังคงความปลอดภัยต่อผู้บริโภค
4.2 วัตถุดิบด้อยคุณภาพ แต่ไม่มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค สถานการณ์นี้แท้จริงแล้วคือ การต้องคัดทิ้ง ไม่สามารถนำมาใช้แปรรูปได้ เพราะจะเป็นความเสี่ยงเกินไป เช่น การพบเชื้อจุลินทรีย์เกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ แม่ว่าการใช้ความร้อนจะทำลายเชื้อจุลินทรีย์ได้ แต่ไม่มีใครทราบถึงอันตรายที่อาจเกิดจากการทำลายได้ไม่หมด หรือมีสารพิษจำพวกท็อกซินตกค้างอยู่ได้

One recurring problem facing most productions in large-scale factories is the problem concerning raw materials, whether it be the leftover raw materials, undersized materials or materials that don’t meet with customers’ requirements. These raw materials are not only a waste of money, but also a waste of extra screening time. Besides, they can also be sources of contamination that post risks on the products’ sanitation and safety.

These problematic raw materials can be classified as:

1. Raw materials leftover from production process that are still of good quality and specification. To throw away these valuable materials would be a huge waste of money, so many factories, by ways of adding other substances or further processes, turned them into new value-added products such as multi-flavored drinks with multiple fruit juices, with all the nutrition fully preserved.

2. Raw materials that are of good quality but not at the required or specified sizes. These raw materials can be processed differently and turned into new products that meet with customers’ or consumers’ demand, with all the nutritional values intact. For example, undersized meat of different kinds can be used to make meatballs or sausages.

3. Unwanted or unused parts of good-quality raw materials that are casted away from production process. New ideas were brought into developing new products that are different and distinctive, to be the new interesting alternatives for consumers. For example, shrimp chins were modified and processed into a new product for niche market, or egg white tube that was developed for the athlete consumer group that needs protein from egg whites.

4. Low-quality raw materials that are not up to the requirements can be categorized into 2 groups:
4.1 Low quality but safe. These raw materials are safe for consumers but are screened off for not meeting customers’ requirements. Additional sorting is needed to be done before these raw materials can be further processed into new products, e.g. a new, less-concentrated fruit juice or chicken karaage that is safe for the consumers.

4.2 Low quality and unsafe. These raw materials have to be discarded right away; no further use can be made of them, for hygiene and safety reasons. For example, raw materials that are found to contain microorganisms exceeding the standard level, though can be destroyed by heat may still carry some unknown harmful toxin.

Food Packaging Fraud for Food Industry

การปลอมบรรจุภัณฑ์อาหารในอุตสาหกรรมอาหาร

โดย: สมพงศ์ นิลมณี
Sompong Nilmanee
Food Product Manager
SGS (Thailand) Limited
Sompong.Nilmanee@sgs.com

Full article TH-EN

ในปัจจุบันนี้เราทราบกันดีว่าทั่วโลกมีความสนใจในเรื่องอาหารปลอมกันมากขึ้น เนื่องจากปัญหาการปลอมเนื้อม้าในผลิตภัณฑ์เนื้อวัว จึงส่งผลให้ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ของโลกจำเป็นต้องตระหนักเรื่องความปลอดภัยและความโปร่งใสตลอดทั้งห่วงโซ่อาหาร

ดังนั้น สมาคมผู้ค้าปลีกจึงได้รวมกันเพื่อออกกฎระเบียบมาบังคับผู้ผลิตตลอดทั้งห่วงโซ่อาหาร กฎระเบียบที่ออกมานั้นได้ควบคุมผ่านข้อกำหนด GFSI โดยในปัจจุบัน GFSI ได้ประกาศเป็นฉบับที่ 7.1 เนื้อหาใจความสำคัญที่น่าสนใจ คือ การปลอมอาหาร รวมถึงการปลอมของบรรจุภัณฑ์อาหารและวัตถุดิบของบรรจุภัณฑ์ โดยมุ่งเน้นต่อบรรจุภัณฑ์ที่สัมผัสกับอาหารทั้งทางตรงและทางอ้อม และความสมบูรณ์ของผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ซึ่งแรงจูงใจที่ก่อให้เกิดการปลอมนั้นอาจจะมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การแข่งขันที่สูงขึ้น และการลดปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม

ข้อกำหนดของ GFSI ได้ให้คำนิยามของการปลอมอาหารตาม GFSI Guidance Version 7.1 ไว้ว่า กิจกรรมต่างๆ ที่ตั้งใจกระทำ อันได้แก่ การแทนที่ การเติมสาร การปลอมแปลงหรือการบิดเบือนของอาหาร อาหารสัตว์ วัตถุดิบอาหาร วัตถุดิบอาหารสัตว์ หรือบรรจุภัณฑ์อาหาร บรรจุภัณฑ์อาหารสัตว์ ฉลาก การให้ข้อมูลสินค้า หรือการกล่าวอ้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค ดังนั้น ในการประยุกต์เพื่อให้สอดคล้องตามมาตรฐานของ GFSI โรงงานที่ผลิตบรรจุภัณฑ์จะต้องมีการประเมินความเสี่ยงและกำหนดมาตรการควบคุม

Today we know that there is a growing interest in food fraud worldwide due to the problem of beef substituted with horsemeat. As a result, major global retailers need to be aware of safety and transparency throughout the food supply chain.

Therefore, retailer association has combined to regulate manufacturers throughout the food supply chain. The rules governing the Global Food Safety Initiative (GFSI) are now controlled by the GFSI. GFSI had launched currently version 7.1. The interested main content is food fraud, including the fraud of food packaging and packaging materials. It focuses on packaging that is exposed to food both directly and indirectly and the integrity of the product affects the safety of consumers. The incentives for packaging fraud may be due to increased productivity, increased competition and reduced environmental problems.

Requirement of GFSI introduce definition of food fraud according to GFSI guidance version 7.1 is collective term encompassing the intentional substitution, addition, tampering or misrepresentation of food/feed, food/feed ingredients or food/feed packaging, labelling, product information or false or misleading statements made about a product for economic gain that could impact consumer health. Therefore, in order to comply with GFSI standards, the factory producing the packaging will need to have a risk assessment and control measures.