ความปลอดภัยในพื้นที่โรงงานและคลังสินค้า

บริษัท แมททีเรียล เวิลด์ จํากัด
Material World Co., Ltd.
sales@materialworld.co.th

Full article TH-EN 

ปัจจุบันการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงแนวโน้มความไม่ปลอดภัยในพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากความประมาทของบุคลากร หรือแม้แต่เครื่องมือที่ใช้ไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงาน ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากองค์กรที่ขาดการสนับสนุนการดำเนินงานด้านความปลอดภัยอย่างจริงจัง ทั้งทางด้านการให้ความรู้แก่บุคลากร งบประมาณ และเวลา ทำให้งานด้านความปลอดภัยไม่สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่ผู้บริหาร และเจ้าของกิจการจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ในการกำหนดนโยบาย เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานด้านการจัดการความปลอดภัยในพื้นที่โรงงานและคลังสินค้า ให้เป็นไปตามมาตรฐาน

หัวใจสําคัญของการสร้างความปลอดภัยในการทำงานในพื้นที่โรงงาน และคลังสินค้า สามารถแบ่งได้ตามรูปแบบของการปฎิบัติงาน คือ การทํางานโดยวิธีการป้องกัน (Passive หรือ Prevention) และการปกป้อง (Active หรือ Protection)

Currently, an accident and unsafe trend in a factory and warehouse area have been increased due to the negligence of human or even a tool that is not conducive to work. One of main reasons is the lack of serious support on security procedure from the organization, in terms of educating their human resources, budget, and time. As a result, the security measure cannot be carried out continuously and effectively. This is a crucial agenda for the management and the owner, who will play a significant role to draw a policy in order to promote safety management in factory and warehouse areas to meet the safety standards.

Key to create safety in factory and warehouse areas could be divided in accordance to the form of operations are Passive or Prevention Measure and Active or Protection Measure.

การตลาดเครื่องดื่ม…เริ่มต้นจากตรงไหน?

By: Mydrinkbeverages.com

Translated by: กองบรรณาธิการ
นิตยสาร ฟู้ด โฟกัส ไทยแลนด์
Editorial Team
Food Focus Thailand Magazine
editor@foodfocusthailand.com

Full article TH-EN 

อันดับแรกผู้ประกอบการต้องเข้าใจก่อนว่าตลาดเครื่องดื่มมีกลไกอย่างไร มีการแข่งขันมากน้อยอย่างไร และอะไรคือความสามารถของผู้ประกอบการทั้งประสบการณ์ต่างๆ ที่สั่งสมมาและเรื่องการเงิน โดยอุตสาหกรรมทุกวันนี้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา และอะไรก็ตามที่เป็นไปได้เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาก็อาจจะแตกต่างกันกับปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งระดับความสามารถในการแข่งขันก็มีเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน นั่นเพราะการจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่กลายเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมากขึ้น เราจึงได้เห็นแบรนด์ใหม่ๆ มากมายปรากฏขึ้นในตลาดเครื่องดื่มทั่วโลก นอกจากนี้ สำหรับแบรนด์เล็กๆ แล้วมีการใช้นวัตกรรมได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทใหญ่ๆ ในขณะที่ผู้ค้าปลีกและผู้บริโภคก็เปิดรับนวัตกรรมเหล่านั้นมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ในด้านหนึ่งของผู้ค้าปลีกก็ไม่อาจทนรอสินค้าได้อย่างแต่ก่อน เนื่องจากผู้ค้าปลีกมีแหล่งสินค้าให้เลือกมากมาย ผู้ประกอบการรายใหม่ๆ อาจจะได้รับช่วงเวลาสั้นๆ ที่จะประสบความสำเร็จในตลาดค้าปลีกเหล่านั้น หรือไม่สินค้าของพวกเขาก็อาจจะถูกแทนที่ด้วยสินค้าจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ก็ได้ และจำไว้ว่าผู้ประกอบการรายใหม่ไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทใหญ่ๆ ได้บนพื้นฐานของงบประมาณการตลาดที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการรายใหม่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ได้ว่าสินค้าของคุณนั้นจะสามารถขายได้

At first, you must understand how the beverage market works, how competitive it is, what are your capabilities, both experience-wise and financial. The industry is evolving like everything around us, and what was possible 20 years ago is completely different today. The level of competitiveness is higher than ever. That is because to launch a new product became much easier, and we can see tons of new small brands appearing all over the globe. And because it is much easier for small brands to innovate compared to huge companies, retailers and consumers are more open to those innovations. Well, there’s another side to it too – retailers are not as patient as they used to be because they have what to choose from. You will get a very short amount of time to succeed in their market, or your product will be replaced by others. And keep in mind that you cannot compete with big companies, based on different marketing budgets. And somehow you still have to make sure that your product will be selling.

ตลาดผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้แปรรูปในประเทศไทย

By: สถาบันอาหาร
National Food Institute
Ministry of Industry
www.nfi.or.th

Full article TH-EN

ในปี 2560 ที่ผ่านมา ตลาดผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้แปรรูปในประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2,100 ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 2.7 จากปีก่อนหน้า ปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตนี้มาจากการที่กลุ่มคนทุกเพศทุกวัยหันมาใส่ใจกับสุขภาพของตนเองและศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับโภชนาการอาหารมากขึ้น เพราะต้องการหลีกหนีจากโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ผักและผลไม้เป็นจึงตัวเลือกที่ขาดไม่ได้สำหรับกลุ่มคนรักสุขภาพที่ต้องการบริโภคอาหารเพื่อประโยชน์ต่อร่างกาย ส่งผลให้ผักและผลไม้แปรรูปเกาะกระแสความต้องการนี้ไปด้วย ประกอบกับสังคมในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคไม่มีเวลาในการประกอบอาหารหรือเลือกซื้อผักและผลไม้สดมารับประทานก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้ผู้บริโภคเลือกซื้อผักผลไม้แปรรูปแทน

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้แปรรูปในประเทศไทยยังไม่สูงนัก เนื่องจากมีสินค้าทดแทนในกลุ่มสุขภาพอยู่ในท้องตลาดค่อนข้างมาก เช่น อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อาหารออร์แกนิก อาหารกลุ่ม Free From หรือแม้แต่ผักและผลไม้สดที่หาซื้อได้ง่ายและเป็นที่คุ้นเคยของคนไทยมายาวนาน ดังนั้นผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องมีการปรับตัวด้วยการเร่งพัฒนาสินค้าหรือการสร้างจุดเด่นของสินค้า เช่น ความสะดวกในการเก็บรักษาและสามารถรับประทานได้ตลอดทั้งปี หรือชูจุดเด่นในเรื่องของสุขภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับตลาดสินค้าทดแทน

ผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้แปรรูปสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
1. กลุ่มผักและผลไม้แปรรูปที่เก็บในอุณภูมิห้อง (Shelf Stable Fruit and Vegetables) คือผักหรือผลไม้ที่ผ่านการฆ่าเชื้อและสามารถเก็บรักษาได้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลานาน มีมูลค่าอยู่ที่ 1,533 ล้าน
2. กลุ่มผักและผลไม้แปรรูปแช่แข็ง (Frozen Processed Fruit and Vegetables) มีมูลค่าอยู่ที่ 567 ล้าน

In 2018, market for processed fruit and vegetables in Thailand value around 2.1 billion baht, expanded 2.7% from the previous year, due to the interest in health and nutrition from people of every gender and generation to avoid illness from unhealthy food. Fruit and vegetables have become an important option for health-loving people who seek beneficial food, which drives the increasing demand. With hasty lifestyle these days, fresh fruit and vegetables may take time to prepare, which makes many people turn to processed fruit and vegetables.

However, growth for processed fruit and vegetables products in Thailand is not significant, as there are many healthy products available in the market such as organic food and drinks, free-from food, and fresh fruit and vegetables many are familiar with. Therefore, entrepreneurs must adjust by developing the products to make them notable for example; make the food easy to restore and edible for the whole year or focus on their health benefits to challenge with substitutional products.

Processed fruit and vegetables products can be divided into 2 types;
1. Shelf Stable Fruit and Vegetables – these products have been sterilised and can be stored at room temperature for a long time. The market value for this type of products is 1,533 million bath.
2. Frozen Processed Fruit and Vegetables – this type has the market value of about 567 million baht.

FHT งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจบริการอาหาร และโรงแรม

By: Food Focus Thailand Magazine

Full article TH-EN

งาน Food & Hotel Thailand (FHT) 2018 เป็นงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมอาหารและบริการระดับนานาชาติ ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยเป็นครั้งที่ 26 ภายในงานครอบคลุมในหลายกลุ่มธุรกิจ อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม โรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟและเบเกอรี่ อุปกรณ์ครัวและงานบริการด้านอาหาร เทคโนโลยีด้านผลิตภัณฑ์และด้านการบริหารงานโรงแรม ฯลฯ โดยในปีนี้งาน Food & Hotel Thailand 2018 ได้ขยายพื้นที่จัดงานไปยังฮอลล์ 102-104 บนพื้นที่กว่า 1800 ตรม. จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-8 กันยายน 2561 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ

พลาดไม่ได้กับการได้พบกับสินค้าและบริการระดับ 5 ดาว ทั้งจากผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการด้านอุตสาหกรรมอาหารและโรงแรมทั้งไทยและนานาชาติกว่า 1500 แบรนด์ โดยในปีนี้มีผู้เข้าร่วมจัดแสดงงานกว่า 30 ราย จากกว่า 30 ประเทศ และ 7 พาวิลเลียนจาก จีน อิตาลี ญี่ปุ่น โปแลนด์ และแอฟริกาใต้

สำหรับไฮไลท์การจัดงานฯ ในปีนี้ ประกอบด้วยหลายส่วนสำคัญ อาทิ งานสัมมนาประจำปีของสมาคมโรงแรมไทย การแข่งขันประกวดทำอาหารแห่งประเทศไทย โดยสมาคมเชฟประเทศไทย การแข่งขันศิลปะตกแต่งบนแก้วกาแฟ และการแข่งขันการสร้างสรรค์เครื่องดื่มจากกาแฟ โดย สมาคมบาริต้าไทย การประชุมของสมาคมภัตตาคารไทย การประกวดไวน์นานาชาติ โดย สมาคมอาหารและเครื่องดื่มแห่งประเทศไทย การประชุมและการแข่งขันแม่บ้านโรงแรม การประชุมชมรมผู้บริหารงานวิศวกรรมในโรงแรมและอาคารพาณิชย์ การสัมมนาไวน์ งานสัมมนาจากวิทยาลัยดุสิตธานี เวิร์คชอปไอศรีมเจลาโต้ และ งานสัมมนาอื่นๆ อีกมากมาย

The 26th successful edition of Food & Hotel Thailand (FHT) 2018 takes place 5 to 8 September at BITEC, now expanding to new 3 halls – 102 to 104 and covering over 18,000sqm. FHT is Thailand and the region’s leading premier international food & hospitality trade event.

Asia’s 5 Star Food & Hospitality Event presents premium products and services from international and local suppliers and will feature over 1500 brands, over 300 participants from over 30 countries and 7 International Pavilions from China, Italy, Japan x3, Poland and South Africa.

Working together with these leading industry associations FHT2018 presents many activities, conferences and seminars including; Thailand 20th Hospitality Industry Congress by the Thai Hotels Association, Thai Restaurant Association Seminar, Hotels & Building Chief Engineering’s Club Seminar, Wine Seminars, Dusit Thani College Seminars, Thai Spa Operators Association Seminar, Innolab Forum Food Allergen Management for Food Retail, Food Services & Food Catering, Wine Master Class 2018, Wine Seminars 2018, Thailand’s 24th International Culinary Cup (TICC2018), The Best Sommelier in French Wines and Thai Wines 2018, National Thailand Latte Art Championship 2019, Thailand National Coffee in Good Spirits Championship, Thailand National Culinary Team for Culinary World Cup Luxembourg 2018, Gelato Workshops by Carpigiani Gelato University, The 14th FBAT International Wine Challenge and Executive Housekeeper Workshop, Seminar and Competition.

อุปกรณ์และเครื่องติดฉลาก

By: Processing & Packaging Machinery Association (PPMA)
United Kingdom

Translated by: Editorial Team
Food Focus Thailand Magazine
editor@foodfocusthailand.com

Full article TH-EN

เครื่องติดฉลากเป็นเครื่องมือสำหรับติดฉลากและป้ายต่างๆ เพื่อติดลงบนบรรจุภัณฑ์ พื้นที่แสดงข้อมูลของสินค้า พื้นที่ ณ จุดขาย และพัสดุภัณฑ์ทุกประเภท

ฉลากที่ติดลงบนผลิตภัณฑ์ทุกประเภทมีหน้าที่แสดงยี่ห้อหรือแบรนด์ของสินค้า ประดับตกแต่ง และให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภค นอกจากหน้าที่ทั้งสามประการที่กล่าวมา ฉลากหลายชนิดยังมีบาร์โค้ดที่สามารถแสดงข้อมูลหมายเลขแบทช์สินค้า สต๊อกของสินค้า และราคาสำหรับผู้ค้าปลีกและผู้บริโภคอีกด้วย

เครื่องบางประเภทสามารถพิมพ์ฉลากได้ทันที พร้อมแสดงข้อมูลราคาต่อน้ำหนักได้ด้วย มักใช้กับสินค้าสดหรือสินค้าที่เน่าเสียง่าย ซึ่งแต่ละหีบห่อมีน้ำหนักแตกต่างกัน หรือใช้กับการขนส่งสินค้าหรือพัสดุก็ได้ การพิมพ์และติดฉลากประเภทนี้มักทำในร้านค้าหรือคลังสินค้า

นอกจากนี้ ฉลากยังมีหน้าที่ป้องกันสินค้าจากการถูกรบกวนอีกด้วย (ฉลากบ่งชี้ร่องรอยการเปิด/แกะ) ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าส่งถึงมือผู้บริโภคในสภาพสมบูรณ์ ไม่ถูกเปิดมาก่อน

ตลาดที่กำลังเติบโตในขณะนี้ คือ ฉลากความปลอดภัย (Security labels) ซึ่งนอกจากจะช่วยปกป้องสินค้าและป้องกันการขโมยแล้ว ยังช่วยรับรองความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ด้วย ฉลากประเภทนี้ ได้แก่ ฉลากอิเล็กทรอนิกส์คลื่นวิทยุ ฉลากอัจฉริยะ ฉลากโฮโลแกรมกันการปลอมแปลง ฉลากบ่งชี้ร่องรอยการแกะ ฉลากป้องกันการปลอมแปลง และป้ายระบุแหล่งที่มา

Labelling machines apply labels and decoration onto all types of packaging containers, display, point-of-sale and transit packs.

Labels are used on every kind of product to brand, decorate or provide information for the consumer. Many labels do all three functions and can contain, for example, pre-printed bar codes supplying, batch, stock and price information to the retailer and consumer.

Other machines provide print on demand and weigh/price labels, usually for fresh or perishable products where the weight of item varies from pack to pack or for transit purposes. Many of these labels are printed and applied in the store or warehouse.

Labels are also used to provide protection against tampering (tamper evident) to ensure the product reaches the consumer without interference and unopened.

A growing market is security labelling to counter fraud and theft, and give brand protection and authentication. These include RFID and smart labels, holographic labels, tamper evidence, counterfeit deterrence and source tagging. Other machines are used to apply Leaflet labels – multi-page labels that provide space for large amounts of consumer information e.g. in pharmaceutical applications.

โซเดียม – มัจจุราชมืดระดับโลก

By: Jason Cummings
General Manager – SE Asia / Pacific Regions
NuTek Food Science
info@nuteksalt.com

Full article TH-EN

ทำอย่างไรจึงจะสร้างสรรค์รสชาติอาหารให้อร่อยและทุกคนสามารถบริโภคได้โดยที่อาหารนั้นจะต้องยกระดับการกินดีอยู่ดีและเสริมสร้างสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคทั่วโลก? หนึ่งในคำตอบนี้ก็คือการปรับสมดุลเกลือเพื่อเสริมสร้างโภชนาการและสุขภาพ โดยเกลือโพแทสเซียมนั้นมีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั่วไปสำหรับการผลิตเบเกอร์รี เนื้อสัตว์ สัตว์ปีก ชีส นม เครื่องดื่ม ซุป และซอส เป็นต้น

ในการใช้เกลือโพแทสเซียมที่ได้รับการจดสิทธิบัตร1 ทดแทนเกลือโซเดียมนั้น จะทำให้เราได้รับสิ่งที่ต้องการมากขึ้น และลดสิ่งที่เราไม่ต้องการลงโดยไม่ทำให้เกิดการสูญเสียรสชาติที่ดีของอาหาร คุณค่าทางสารอาหาร หรือความปลอดภัยแต่อย่างใด โดยเกลือโพแทสเซียมที่ได้รับการจดสิทธิบัตร1 นี้สามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ผลิตอาหารได้ในทุกๆ ขั้นตอน โดยการปรับสัดส่วนปริมาณเกลือได้มากถึงร้อยละ 50 หรือมากกว่าด้วยการนำเสนอโพแทสเซียมคลอไรด์ซึ่งมาจากทั้งสารละลายที่ให้ผลึกแบบกลุ่มและแบบเดี่ยว ซึ่งเกลือโพแทสเซียมที่ได้รับการจดสิทธิบัตร1 นี้ช่วยให้รับรสชาติความเค็มได้เทียบเท่ากับเกลือโพแทสเซียมแบบธรรมดาทั่วๆ ไป แต่จะไม่ให้ความรู้สึกถึงรสชาติขม เฝื่อน ซึ่งคุณลักษณะดังกล่าวนี้เป็นลักษณะเฉพาะที่ช่วยสร้างโอกาสของเรื่องคลีนลาเบลได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ตัวช่วยในการปรับรสชาติที่มีราคาแพงหรือสารที่เติมเพื่อลดความขมอีกต่อไป เกลือโพแทสเซียมที่ได้รับการจดสิทธิบัตร1 ยังเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพคุ้มค่าสำหรับการใช้ทดแทนเกลือโซเดียมได้มากถึงร้อยละ 50 หรือมากกว่านั้น

1ผลิตภัณฑ์ Salt for Life®

How to create great-tasting and affordable foods that enhance global health and wellness? One of the answers is to balance salt to improve nutrition and health. Potassium salt is used in a wide range of applications including bakery, meat, poultry, cheese, dairy, beverages, soups and sauces.

By using patented potassium salt1 instead of sodium salt, you’ll be getting more of what you need and less of what you don’t without sacrificing flavor, functionality or food safety. The patented potassium salt 1 has a solution to meet food manufacturers every step of the way by re-balancing the salt content up to 50% or more through our offerings of commodity KCl, Combined Crystal and Single Crystal solutions. The patented potassium salt1 achieves taste parity while eliminating the bitter, metallic after-taste commonly associated with traditional potassium-based salt alternatives. Its unique attributes offer clean label opportunities by removing the need for expensive flavor maskers or bitter blockers. The patented potassium salt1 can provide a cost-effective solution for sodium reduction of up to 50% or more.

1 Salt for Life®

อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทย และโอกาสในตลาดโลก

By: Editorial Team
Food Focus Thailand Magazine
editor@foodfocusthailand.com

Full article TH-EN

อุตสาหกรรมอาหารในภาพรวมปี 2560 “ขยายตัว” ทั้งด้านการผลิต การจำหน่ายภายในประเทศการส่งออก และการนำเข้า โดยด้านการผลิต และการจำหน่ายภายในประเทศในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ย. 2560 ขยายตัวที่ร้อยละ 3.71 และ 6.31 (%yoy) ตามลำดับ จากการเพิ่มขึ้นของความต้องการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าปศุสัตว์แปรรูป ประมงแปรรูป และอาหารสัตว์ รวมถึงความต้องการบริโภคของประเทศคู่ค้าหลักที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับด้านการส่งออกขยายตัวที่ร้อยละ 10.34 (%yoy) จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลัก ทำให้ประเทศคู่ค้าหลักมีความต้องการสินค้าอาหารของไทยเพิ่มมากขึ้นในทุกกลุ่มสินค้าอาหาร โดยเฉพาะปศุสัตว์แปรรูป และผักผลไม้แปรรูป อีกทั้งด้านการนำเข้า ขยายตัวที่ร้อยละ 6.62 (%yoy) มีสาเหตุสำคัญจากการเพิ่มขึ้นของระดับราคาปลาทูน่าสดแช่เย็นแช่แข็งที่ไทยต้องนำเข้าจากประเทศคู่ค้าเนื่องจากผลผลิตประมงภายในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้มูลค่านำเข้าในภาพรวมเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน

Overall food industry situation in 2017 was “expanded” in all sectors including manufacturing, domestic sale, export and import. The manufacturing sector and domestic sale during January to September 2017 was up by 3.71 percent and 6.31 percent (%yoy), respectively, due to rising consumption demand in domestic, especially for processed livestock products, processed fishery products, and feedmeal, as well as higher consumption demand by major trading partner countries. The export sector grew by 10.34 percent (%yoy), thanks to recovering economic growth of major trading partner countries resulting in higher demand for Thai food products in all food categories, in particular processed livestock and processed fruits and vegetables. The import sector also increased 6.62 percent (%yoy) due mainly to higher price of frozen and chilled fresh tuna, which Thailand needs to import from trading partners following inadequate supply in domestic causing higher import value in overall compared to the same period last year.

กรณีศึกษา:ความร่วมมือของผู้ค้าปลีกและซัพพลายเออร์ด้านการขนส่งสินค้าผักและผลไม้สด

 

By: Oliver Wyman
www.oliverwyman.com
Fruit Logistica
fruitlogistica@messe-berlin.com

Translated by: กองบรรณาธิการ
นิตยสาร ฟู้ด โฟกัส ไทยแลนด์
Editorial Team
Food Focus Thailand Magazine
editor@foodfocusthailand.com

Full article TH-EN

เมื่อก่อนการซื้อขายสินค้าผักและผลไม้สดระหว่างร้านค้าปลีกและซัพพลายเออร์นั้นมักจะติดต่อซื้อขายกันเองที่หน้าร้านโดยตรง ดำเนินธุรกิจแบบธรรมดาและใช้วิธีการเจรจาตกลงกันเอง การใช้เทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์เพื่อการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปในรูปแบบเดียวกันบนรากฐานที่แตกต่างกันของผู้ค้าปลีกและซัพพลายเออร์นั้นจะทำให้เกิดการพัฒนาหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ร่วมกันซึ่งจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการสร้างผลประโยชน์โดยสมบูรณ์ ความคาดหวังของพวกเขาจึงอยู่ที่ความพยายามร่วมมือกันครั้งใหม่เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้นในทุกส่วนของซัพพลายเชนและได้รับผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย

เมื่อผู้ค้าปลีกและซัพพลายเออร์ได้เคยมีแนวทางการเจรจาต่อรองกันมาอยู่ก่อนแล้ว พวกเขาสามารถสานสัมพันธ์ทางธุรกิจบนพื้นฐานของความไว้วางใจต่อกันได้ เมื่อก้าวเข้าสู่กิจกรรมทางซัพพลายเชนจึงสามารถสร้างความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน โดยทั้งสองฝ่ายต่างจะได้แสดงทัศนวิสัยทางธุรกิจตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งกิจกรรมทางซัพพลายเชนเหล่านี้จะทำให้ผู้ค้าปลีกและซัพพลายเออร์สามารถทำงานร่วมกันเพื่อวิเคราะห์หาจุดที่ไม่มีประสิทธิภาพและหาทางแก้ไขให้ถูกต้องที่สาเหตุได้

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นยังทำให้ผู้ค้าปลีกได้ลดเวลาสูญเปล่าในขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้าโดยการส่งคำสั่งซื้ออย่างมีขอบเขตได้ล่วงหน้า ดังนั้น ข้อมูลการสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าจากผู้ค้าปลีกจึงถูกใช้เป็นตัวกำหนดของซัพพลายเออร์ในการแสดงข้อมูลและดำเนินการส่งสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง การประเมินปริมาณสินค้าล่วงหน้านี้ก็เพื่อให้การดำเนินงานในขั้นตอนต่อไปมีความแน่นอนมากยิ่งขึ้น

In the past, the relationship between retailers and fresh produce suppliers has often been
confrontational, shaped by regular and tough negotiations. Taking the opportunity to place
one such relationship on a different footing, two businesses – a retailer and a supplier – jointly developed a strategic partnership with the objective of producing mutual benefits. Their hope was that this new, collaborative effort would create additional value all along the supply chain, with both partners benefiting.

Once the retailer and supplier had set aside their long tradition of negotiation, they were able
to start the process of building a relationship based on trust. They set out on this journey by
first ensuring full, end-to-end visibility across both partners’ businesses when it came to all
of their supply chain activities. This enabled them to work together to detect where the
existing inefficiencies were located, and then to systematically correct the root causes.

As a result, the retailer has reduced idle times in the ordering process by transmitting orders
marginally earlier, so they can be factored into the supplier’s earlier pick-and-pack iteration.
Volume forecasts are now being shared early in the process to bring forward certain process
steps.