FOOMA JAPAN 2024 งานแสดงเครื่องจักรและเทคโนโลยีแปรรูปอาหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระดับโลก 4 – 7 มิถุนายน 2567 ณ Tokyo Big Sight กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

‘ผู้ร่วมจัดแสดงงานกว่า 1,000 บริษัท พร้อมด้วยโซลูชันมากกว่า 5,000 รายการ

ซึ่งจะจัดขึ้น ณ กรุงโตเกียว ในเดือนมิถุนายนที่กำลังจะถึงนี้

ความยิ่งใหญ่ของ FOOMA JAPAN ในครั้งนี้ นับว่าเป็นหนึ่งในงานแสดงสุดยอดเครื่องจักรแปรรูปอาหารระดับโลกซึ่งมีพื้นที่จัดแสดงงานขนาดมหึมา ครบครันด้วยความหลากหลายของผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องจักรแปรรูปอาหาร ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศญี่ปุ่น สำหรับคอนเซ็ปต์ของงานในครั้งที่ 47 นี้คือ Breakthrough FOOMA” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะเป็นผู้รับผิดชอบอนาคตของอุตสาหกรรมอาหาร โดยมีโซลูชันที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตอาหารมากที่สุดในโลก เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้ค้นพบและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ของวงการอาหาร และก้าวไปสู่การสร้างสรรค์ธุรกิจอาหารในอนาคต

FOOMA JAPAN เท่านั้นที่เปิดพื้นที่จัดแสดงกระบวนการผลิตอาหารทั้งหมดตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

ภายในงานจัดแสดงแบ่งออกเป็น 21 หมวดหมู่ และโซนของสตาร์ทอัป โดยงานในครั้งนี้ไม่เพียงแค่นำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เทคโนโลยีล้ำสมัย และบริการที่จำเป็นสำหรับกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารอย่างครบครันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแนวคิดการนำ Digital Transformation (DX) มาใช้สำหรับโรงงานผู้ผลิตอาหารผ่านการแปรรูปที่ทันสมัย โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI, IT, IoT และ Robotics ซึ่งสิ่งที่ดึงดูด
ความสนใจจากผู้เข้าชมงานจากต่างประเทศ นั่นคือ การเปิดตัวหุ่นยนต์เพื่อการผลิตรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งจะมาจัดแสดงในงาน FOOMA JAPAN แห่งแรกในโลก เนื่องจากกระแสความนิยมของอาหารญี่ปุ่น รวมถึงเทคโนโลยีการผลิตอาหารแบบอัตโนมัติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย FOOMA JAPAN 2024 ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ทั้งการบำรุงรักษาที่ง่ายและประหยัดพลังงาน ดังนั้น จึงมีเครื่องจักรสำหรับผลิตอาหารจากประเทศญี่ปุ่นจำนวนมากที่สามารถใช้งานได้ง่าย และช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับการสร้างธุรกิจใหม่

FOOMA JAPAN ช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับระบบอาหารซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุด จากประเทศญี่ปุ่นและได้รับความสนใจจากทั่วโลก!

คุณสามารถเข้าถึงเทรนด์เกี่ยวกับ “เทคโนโลยีอาหาร (FoodTech)” ซึ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากแนวคิดใหม่ๆ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยแก้ปัญหาวิกฤตอาหารโลกจาก FOOMA JAPAN นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงานยังได้รับสิทธิพิเศษในการพูดคุยกับบริษัทสตาร์ทอัป ซึ่งเป็นผู้สร้างสรรค์ไอเดียและเทคโนโลยีนวัตกรรม เช่น เทคโนโลยีเพื่อความความอร่อยและกลมกล่อม (อูมามิ) สำหรับผลิตภัณฑ์อาหาร โดยใช้เทคโนโลยีการหมักสาหร่ายทะเลอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ควบคุมด้วยระบบ AI รวมถึงผู้เข้าชมงานยังได้เรียนรู้เทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่นที่เรียกว่า “Agri-tech” ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการเกษตรระดับโลก โดยเสียงตอบรับจากผู้เข้าชมงานจำนวนมากจากต่างประเทศเห็นตรงกันว่า “อุตสาหกรรมอาหารของประเทศญี่ปุ่นถือเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม” ซึ่งหากได้เห็นเครื่องจักรจริงก็จะทำให้เข้าใจถึงกระบวนการทำงานได้ในทันที โดยผู้เข้าชมงานสามารถค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือบริษัทที่ร่วมจัดแสดงงานกับ FOOMA JAPAN ได้ผ่านทางเว็บไซต์ โดยสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนเข้าชมงานได้อย่างสะดวก ซึ่งท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์

  

เตรียมสัมผัสประสบการณ์ด้านนวัตกรรมในงาน “Breakthrough FOOMA”  ณ Tokyo Big Sight และทางเว็บไซต์: https://www.foomajapan.jp/int/ นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามช่องทางใหม่ผ่านทาง YouTube: https://youtu.be/FztZ85b4gkA ได้อีกด้วย

What makes FOOMA JAPAN incredible, and one of the world’s top food manufacturing exhibitions, is its immense scale and the diverse array of leading Japanese food production machinery and equipment manufacturers that are present there. The theme of this 47th installment of the exhibition is “Breakthrough FOOMA” The theme reflects the desire of food industry innovators—those responsible for the future of the food industry—to bring together the world’s best solutions for food production so that visitors can discover and experience new trends in the food area, and make breakthroughs toward the creation of next-generation food businesses.

FOOMA JAPAN is the only place where you will find all parts of the food production process—from upstream to downstream—represented.

Exhibits will be comprised of 21 categories, plus a start-up zone. These will not only feature all of the cutting-edge products, technologies, and services necessary in the food production process, but also ideas for implementing even more advanced DX solutions in food factories, through state-of-the-art manufacturing lines that employ AI, IT, IoT, and robotics technologies. Attracting a great degree of interest from overseas is the world debut of the latest models of various global robot manufacturers, as well as—due to the growing popularity of Japanese food globally—Japanese food production automation technologies. FOOMA JAPAN 2024 was established with a focus on user-friendly technologies that are easy to maintain and eco-friendly. As such, it features numerous Japanese food production machines that are easy to implement, and that will help facilitate the creation of new businesses.

FOOMA JAPAN: Allows access to information on innovative food systems that are based in Japan and have garnered worldwide interest!

     At FOOMA JAPAN, you can learn about the latest trends in “food tech,” an area of food production that focuses on the development of food products and technologies using new ideas, in order to help solve the global food crisis. Visitors will also have the privilege of encountering start-ups developing innovative new technologies and ideas, such as an “umami flavor” food product technology that utilizes a proprietary AI-based algae fermentation technology. Through these experiences, they will be able to learn about the Agri-tech technologies in Japan, the world’s Agri-tech leader. Many overseas visitors have said that the Japanese food products industry is a leader in innovation, and this is clearly evident in the actual machinery presented at this exhibition. The official website allows you to search for companies exhibiting at FOOMA JAPAN, as well as information about their products, and whether they handle exports. Pre-registering for your visit is easy. See the official website for details.

We cannot wait for “Breakthrough FOOMA,” and the innovation it will allow us to experience, both through its website and the real-life exhibition venue. Do you know FOOMA? – YouTube channel “FOOMA JAPAN channel” is launched! Watching the videos is recommended to get a feel for FOOMA JAPAN.

For more information:

https://www.foomajapan.jp/int/

อัปเดตงานสัมมนาออนไลน์เดือนพฤษภาคม 2567 ของ METTLER TOLEDO

ขอเชิญพบกับสัมมนาออนไลน์ทั้งหมด 8 หัวข้อแบบอัดแน่นตลอดเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้ และเพิ่มทักษะในการใช้งานเครื่องมือ รวมถึงอัปเดตนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมให้กับธุรกิจของคุณ โดยหัวข้อสัมมนาจะครอบคลุมโซลูชันตั้งแต่ต้นจนถึงท้ายกระบวนการผลิต

ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับ

-เครื่องมือในห้องปฏิบัติการ (pH Meter, Titrator)
-เครื่องมือวิเคราะห์ออนไลน์/อินไลน์ (ISM Sensor)
-เครื่องชั่งน้ำหนักในกระบวนการผลิต (เครื่องชั่งเตรียมส่วนผสม เครื่องชั่งรถบรรทุก)
-วิธีการอ่านใบรายงานผลการสอบเทียบและการสอบเทียบเครื่องชั่งถังแบบใหม่ RapidCal™

และเตรียมตัวพบกับ METTLER TOLEDO ในงาน PROPAK ASIA 2024 ที่บูธ AJ06 ซึ่งจะมีการจัดแสดงเครื่องมือเพื่อให้ทุกท่านได้ไปลองสัมผัสและทดสอบกันด้วยตัวเอง

ลงทะเบียนสำรองสิทธ์การเข้าร่วม #สัมมนาออนไลน์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในหัวข้อที่คุณสนใจ
คลิก Link : www.mt.com/webinars


สามารถติดตามข้อมูลทาง Line Official Account @mtth, www.mt.com และทุกช่องทางของ Food Focus Thailand

มุ่งสู่เทคโนโลยีการผลิตเนื้อสุกรอย่างครบวงจรและระบบไฮยีนที่ได้มาตรฐาน

          บริษัท โอนเนอร์ ฟู้ดส์ แมชชีนเนอรี่ จำกัด ร่วมกับ บริษัท เอ็กโคแล็ป จำกัด และบริษัท เอเชี่ยน บี ฟู้ด จำกัด ได้จัดงานสัมมนาในหัวข้อ “เทคโนโลยีการแปรรูปสุกร มาตรฐานโรงงานแปรรูปสุกรและระบบไฮยีนที่ได้มาตรฐาน” ในวันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ บริษัท โอนเนอร์ ฟู้ดส์ แมชชีนเนอรี่ จำกัด เพื่อส่งเสริมกระบวนการผลิตเนื้อสุกรอย่างปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ครบวงจรและมาตรฐานการผลิตที่ถูกสุขลักษณะแก่ผู้ประกอบการชำแหละ ตัดแต่ง และแปรรูปเนื้อสุกร

          งานนี้ได้รับเกียรติจาก คุณศิโรตน์ นุกูลธรรม กรรมการ บริษัท โอนเนอร์ ฟู้ดส์ แมชชีนเนอรี่ จำกัด หรือ OFM กล่าวเปิดงาน พร้อมแนะนำเทคโนโลยีการชำแหละ ตัดแต่งและแปรรูป จากบริษัทฯ พร้อมพาร์ทเนอร์ที่ได้มีการนำเครื่องจักรจาก OFM มาใช้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในกระบวนการชำแหละสุกรมาอย่างยาวนาน โดย OFM เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องจักรในโรงเชือดและโรงตัดแต่งสุกรแบบครบวงจรมากว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นเครื่องช็อตสุกร 3 จุดที่ช่วยลดกระดูกแตกและจุดเลือด ราวแขวนหมูอัตโนมัติ เครื่องปั่นขน เครื่องเลื่อยกระดูก และเครื่องจักรอื่นๆ พร้อมบริการหลังการขายอย่างดีเยี่ยม รวมถึงบริษัทในเครือฯ ได้แก่ บริษัท ทะเลเทคโนโลยี่ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรแปรรูปเนื้อสัตว์ และบริษัท ชบาโฮลดิ้ง จำกัด ผู้ให้บริการด้านการออกแบบและรับเหมาก่อสร้างอาคารและโรงงานอย่างครบวงจร (Turnkey Project Solution) นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอระบบบริหารจัดการโรงชำแหละสุกร (Wisdom Technology) ซึ่งเป็นระบบซอฟต์แวร์ที่แสดงผลแบบเรียลไทม์และถูกออกแบบมาให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการไทย

 

          จากนั้น ผศ.น.สพ.ดร. สุเจตน์ ชื่นชม ที่ปรึกษาสมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรไทย และที่ปรึกษาสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้อัปเดตกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับโรงงานแปรรูปสุกรและการผลิตสุกรที่มีคุณภาพและปลอดภัย ซึ่งปัญหาที่มักพบในธุรกิจชำแหละเนื้อสุกร เช่น โรคปากเท้าเปื่อย สารเร่งเนื้อแดง (กลุ่มเบต้า-อะโกนิสต์) สารปฏิชีวนะและโลหะหนัก ซึ่งแนวทางป้องกันปัญหาต้องเริ่มจากการที่ฟาร์ม โรงงานอาหารสัตว์ โรงงานฆ่าสัตว์ โรงงานตัดแต่งเนื้อสัตว์และโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ ต้องมีการจัดทำระบบไม่ว่าจะเป็น GAP GMP และ HACCP เพื่อให้สามารถสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาต่างๆ ได้ พร้อมปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเนื้อสุกร ได้แก่ พรบ. โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2559 พรบ. ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 มาตรฐานฟาร์มสุกร พ.ศ. 2566 และพรบ. ควบคุมการฆ่าและจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำไปถึงผู้ประกอบการที่กำลังจะเริ่มประกอบธุรกิจโรงเชือดสุกรว่าต้องมีการวางแผนการตลาดให้รอบคอบ ก่อนที่จะกลับมาวางโครงสร้างภายใน เพื่อคำนึงถึงต้นทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขนาดโรงฆ่าสุกร จำนวนสุกรเข้าเชือด เงินทุน เครื่องจักรและอุปกรณ์ การขออนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการจัดทำระบบมาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

 

          คุณวีระยา เตชะรัตน์พงษ์ บริษัท เอ็กโคแล็บ จำกัด และคุณกัญญาวีร์ บุเงิน บริษัท เอเชี่ยน บี ฟู้ด จำกัด ได้กล่าวถึงความสำคัญของการจัดการด้านสุขลักษณะที่ดีในโรงงานแปรรูปสุกรแบบมาตรฐานครบวงจร ด้วยการปฏิบัติตามข้อกำหนดของประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 420 พ.ศ. 2563 เรื่อง วิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาอาหาร ทั้งนี้ จึงได้เน้นย้ำถึงกระบวนการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบริเวณพื้น ฝาผนังและเพดาน รวมถึงระบบแอร์และระบบระบายอากาศ ด้วยการคำนึงถึง 4 ปัจจัย ได้แก่ ชนิดและความเข้มข้นของสารเคมี อุณหภูมิ ระยะเวลา และแรงขัดถู รวมถึงการทำความสะอาดด้วยระบบโฟมและการเลือกสารทำความสะอาดให้เหมาะสม เช่น INCIMAXX DES N ซึ่งเป็นกรดเปอร์อะซิติก สำหรับฆ่าเชื้อโรคปากเท้าเปื่อยในคอกสุกร และ TOPAX DUO 2 IN 1 เป็น Amine-based ไม่มีส่วนผสมของควอท สำหรับใช้ทำความสะอาดและขจัดคราบไขมันบนพื้นผิว ผนังและอุปกรณ์ในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงฆ่าสัตว์ และโรงแปรรูปเนื้อสัตว์ ซึ่งสามารถลดขั้นตอนในการทำความสะอาดจาก 5 ขั้นตอนเหลือ 3 ขั้นตอน จึงช่วยประหยัดต้นทุนการผลิตให้ผู้ประกอบการได้มากขึ้น เป็นต้น

 

       

          ในช่วงบ่ายผู้เข้าร่วมสัมมนายังได้เยี่ยมชมเครื่องจักรและเทคโนโลยีจากบริษัท โอนเนอร์ ฟู้ดส์ แมชชีนเนอรี่ จำกัด พร้อมชมการสาธิตเทคโนโลยีการล้างและทําความสะอาด จาก บริษัท เอ็กโคแล็บ จํากัด รวมถึงเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์จากบริษัท เอเชี่ยน บี ฟู้ด จำกัด อีกด้วย

METTLER TOLEDO ประชาสัมพันธ์ตารางงานสัมมนาออนไลน์ประจำเดือน เมษายน 2567

เมทเล่อร์-โทเลโด ประเทศไทย รวบรวมและคัดสรรงานสัมมนาออนไลน์ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 มาให้คุณแล้ว กับ 5 หัวข้อพิเศษที่จะมาช่วยเสริมความรู้ สร้างความเข้าใจ เพิ่มเทคนิคการใช้งาน และการดูแลรักษาเครื่องมือให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยงานสัมมนาทั้ง 5 หัวข้อที่เราจัดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับเครื่องมือวิเคราะห์ออนไลน์/อินไลน์ (Process Analytics) เครื่องมือวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ (Laboratory Instrument) เครื่องตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ (Product Inspection) ซึ่งเนื้อหาสัมมนาที่ได้จัดเตรียมไว้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับทุกอุตสาหกรรมที่มีเครื่องมือดังกล่าว โดยได้รับเกียรติจากทีมวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญ ความชำนาญและมีประสบการณ์ด้านเครื่องมือชนิดนั้นๆ มาบรรยายและตอบข้อซักถามให้ผู้เข้าฟังสัมมนาทุกท่าน

นอกจากสาระความรู้ ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกลุ้นชิงรางวัลมากมายและผู้ที่เข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ยังได้รับใบรับรองการเข้าร่วมอบรมอีกด้วย

หากคุณสนใจโปรแกรมงานสัมมนาออนไลน์ของเมทเล่อร์-โทเลโด สามารถคลิก
https://www.mt.com/th/th/home/events/live-webinars.html

ลงทะเบียนสำรองสิทธ์การเข้าร่วมสัมมนาตามหัวข้อที่คุณสนใจ


หรือสามารถติดตามข้อมูลทาง
Line Official Account: @mtth
Website: www.mt.com

ถึงเวลายกระดับการผลิตแบบอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีการวัดจากวีก้า อินสตรูเมนท์

บริษัท วีก้า อินสตรูเมนท์ จำกัด ได้จัดงานสัมมนาในหัวข้อ “Measurement Technology: The Power of Incremental Accuracy and Efficiency in Process Automation” ในวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพฯ เพื่อเสริมอาวุธทางการแข่งขันให้ระบบการผลิตแบบอัตโนมัติ ทั้งการเลือกใช้เซนเซอร์อัจฉริยะ แนวทางการใช้ระบบซอฟต์แวร์ รวมถึงการออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์การวัดระดับตามข้อกำหนดทางด้านสุขอนามัย

งานนี้ได้รับเกียรติจาก คุณสมบัติ ตันติวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีก้า อินสตรูเมนท์ จำกัด กล่าวเปิดงาน พร้อมแนะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีวัดระดับล่าสุดจาก VEGA และ Mr. Juan Garcia ได้กล่าวถึงแนวทางการประยุกต์ใช้ระบบ Bus system ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ เพื่อเพิ่มความสะดวกของการตรวจวัดในกระบวนการผลิตแบบอัตโนมัติ

คุณอังกูร รุจิพงศ์วาที ได้กล่าวถึงปัญหาและความท้าทายที่ต้องพบเจอในระบบการผลิตแบบอัตโนมัติ รวมถึงแนวทางการป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมแนะนำถึงแนวทางในการเลือกใช้เซนเซอร์อัจฉริยะ ทั้งเซนเซอร์วัดระดับและแรงดันให้เหมาะสมกับกระบวนการผลิต กรณีศึกษาต่างๆ ที่น่าสนใจ เพื่อลดความสูญเสียในการผลิตและวัดระดับได้อย่างแม่นยำมากขึ้น พร้อมก้าวไปสู่การผลิตอัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันต่อไป

รศ.ดร. ทวีพล ซื่อสัตย์ และ รศ.ดร. นวภัทรา หนูนาค จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และประธานโครงการ EHEDG ประจำประเทศไทย ได้ถ่ายทอดแนวทางปฏิบัติ ของการออกแบบอุปกรณ์การวัดตามมาตรฐานยุโรป EHEDG รวมถึงหลักการในการผลิตและติดตั้งอุปกรณ์อย่างถูกสุขลักษณะที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่มและยา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปนเปื้อนในระหว่างกระบวนการผลิต ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคมากขึ้น

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมสัมมนายังได้เยี่ยมชมนวัตกรรมและเทคโนโลยีการวัดจากบริษัท วีก้า อินสตรูเมนท์ จำกัด ได้แก่

1.myVEGAYour personal customer portal ซึ่งเป็น Station สำหรับแพลตฟอร์มของ VEGA เพื่อให้สามารถดูข้อมูลต่างๆ ได้ เช่น ใบ Certificate, Config Devices โดยผู้ใช้งานสามารถสั่งซื้อออนไลน์ รวมถึงดูประวัติการสั่งซื้อย้อนหลัง และสำรองข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ไว้บนระบบคลาวด์ได้อีกด้วย

2.IO-Link – 360 Degree status display for level, point level and pressure sensor ด้วยเทคโนโลยี IO-Link ที่ช่วยให้การสั่งการเซนเซอร์อัจฉริยะนี้เป็นเรื่องง่าย ยืดหยุ่นกับการใช้งานร่วมกับระบบอัตโนมัติในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่ง Station นี้แสดงอุปกรณ์ของ VEGA รุ่น Compact ที่ใช้ในการวัดระดับและแรงดัน มาพร้อมกับไฟ LED ที่สามารถมองเห็นได้ 360 องศา เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานและสะดวกในการแจ้งสถานะต่างๆ โดยสามารถตั้งค่าสีได้ถึง 256 เฉดสี

3.Radar on pump station – Radar sensor ซึ่งเป็น Station ในการจำลองและติดตั้งการใช้งาน Pro Radar 6X บนถังกวน ซึ่งเป็นเรดาห์ตรวจจับสัญญาณที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกรูปแบบ

4.CIP Process – All around instruments on CIP process เป็นการจำลองระบบ CIP ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงยา ซึ่งสามารถติดตั้งเซนเซอร์วัดแรงดันได้

หากท่านสนใจเทคโนโลยีเซนเซอร์อัจฉริยะ ติดต่อได้ที่ บริษัท วีก้า อินสตรูเมนท์ จำกัด

โทร 02-700-9240 หรือ E-mail: info.th@vega.com

และเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ที่เว็บไซต์ www.vega.com

Health & Nutrition Asia 2024

เชิญเข้าร่วมงานแสดงสินค้าสำหรับอุตสาหกรรมสุขภาพสัตว์-โภชนาการสัตว์แห่งภูมิภาคเอเชีย

หากธุรกิจของคุณเกี่ยวข้องกับสุขภาพ โภชนาการ อาหารสัตว์ นี่คืองานแสดงสินค้าที่คุณไม่ควรพลาด!!

Health & Nutrition Asia 2024 | 12-14 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 10:00-18:00 น. ณ EH 100-102 BITEC กรุงเทพฯ

ลงทะเบียนเข้าชมงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้ที่ https://www.databadge.net/viah2024/reg/?card=10010382 / https://vivhealthandnutrition.nl

งานแสดงสินค้าสำหรับอุตสาหกรรมสุขภาพสัตว์-โภชนาการสัตว์แห่งภูมิภาคเอเชีย มุ่งเน้นการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องในภูมิภาคเอเชีย จัดโดยทีมงานเดียวกับ VIV Asia งานปศุสัตว์อันดับ 1 ของภูมิภาค จัดพร้อมกันกับงาน VICTAM Asia งานแสดงสินค้าและการประชุมชั้นนำระดับโลกด้านอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์

ไฮไลท์สำคัญที่คุณไม่ควรพลาด

  • พบ 250+ ผู้ประกอบการ มากกว่า 400 แบรนด์ พร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ล่าสุด อาทิ การดูแลสัตว์ในฟาร์มผ่านระบบอัตโนมัติ เพื่อได้รับสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม / การผสมพันธุ์และพันธุศาสตร์เพื่อตัดแต่งต่อเติมและเพิ่มความแข็งแกร่งของสายพันธุ์ / สารเติมแต่งอาหารและส่วนผสมอาหารสัตว์เพื่อทดแทนและเสริมสารอาหารที่จำเป็นต่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพ / เทคโนโลยีขั้นสูงด้านสุขภาพสัตว์ / อุปกรณ์ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ / เภสัชกรรม กระบวนการผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์และสัตวแพทยศาสตร์ ฯลฯ
  • รวมสุดยอดแบรนด์ชั้นนำจากนานาชาติไว้ในที่เดียว อาทิ
  •   

    China Animal Husbandry Industry Co., Ltd. (China), Amorvet, Aniamor Nutrition, BiomiXin, Buhler, Catalysis S.L., Daesung Microbiological Labs Co., Ltd., EW Nutrition Pacific Pte. Ltd., Famsun , Green Cross Veterinary Product Co., Ltd., Huali, Intracare B.V., Korea Thumvet Co., Ltd., Median Diagnostics, MK Bio Science Co., Ltd., Solton Biochem Inc., Union Pharma Lab Pvt. Ltd., Vetnostrum Animal Health Co., Ltd., Yantai Oriental Protein Tech Co., Ltd., Zoeuticals LLC และอีกมากมาย

    ค้นพบโอกาสทางธุรกิจใหม่จากหน่วยงานสมาคมทั้งในไทยและต่างประเทศเพื่อหาคู่ค้าให้ตรงความต้องการ อาทิ Korea Animal Health Products Association (KAHPA) and Korea Feed Ingredients Association (KFIA), Animal Health Products Association (AHPA), Thailand, Faculty of Veterinary Medicine (KU), Federation of Asian Veterinary Association (FAVA), National Bureau of Agricultural Commodity and Food Standards (ACFS), National Science and Technology Development Agency (NSTDA), Thai Society of Animal Nutrition ฯลฯ เช็ครายชื่อผู้ประกอบการได้ที่ https://www.viv.net/events/38a3a1c4-a91d-4c15-a586-4475e6e375d1?tab=companies

     

    • เต็มอิ่มไปกับงานประชุม งานสัมมนา งาน Networking และงาน Business Pitching มากกว่า 50+ หัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ

    12 มีนาคม 2567

    – Experience in Conducting Research on Thai Herbal Medicine Trials in the Swine Industry- By LiLy FoodAnSci Ltd

    – Probiotics, Prebiotics and Beyond as Substitutes of Antibiotics – By: AFOB and TSB

    – FAVA’s One Health Approach on Sustainable Food Security in Asia Pacific – By: FAVA-TVMA

    – Healthier Farms for Healthier Futures: Towards a More Resilient Livestock Value Chain – By: FAO

    – TCA-NSI, an Ideal Quality Indicator of Fermented Soybean Meal – By: DaBomb Protein Biotech Corp

    13 มีนาคม 2567

    – Introducing Axxess XY: Full Flexibility for Feed Performance – By EW Nutrition

    – The Most Accurate, Portable, and Cost-Effective NIR Spectrometer Solutions – The All-In-One Platform For All Feed Mills

    – Climate Journey: Steering Collaborative Change along the Animal Protein Value Chain – By: UOB

    – Build My Feedmill Conference – By: Perendale Publishers Ltd.

    – Insects for Health and Nutrition: Updates from the Asian Industry by Asian Food and Feed Insect Association (AFFIA)

    – Feed Strategy Seminar: Sustainable Feed, Nutrition Solutions to Support Antibiotic Reductions – By: WATT Global Media

    14 มีนาคม 2567

    – Health and Nutrition Asia 2024 Start-Up Pitching by VNU-KUVA

    ** สำรวจตารางงานสัมมนาเพื่อจับจองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ https://vivhealthandnutrition.nl/visit/conference-program **

    ห้ามพลาดโอกาสที่จะอัปเดตความรู้และเทรนด์ที่สำคัญของอุตสาหกรรม

    ลงทะเบียนเข้าชมงานโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ที่ https://www.databadge.net/viah2024/reg/?card=10010382  และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ https://vivhealthandnutrition.nl / โทร. 02-1116611 ต่อ 330/335 แล้วพบกันที่งาน Health & Nutrition Asia 2024 | 12-14 มีนาคม 2567 ณ EH 100-102 BITEC กรุงเทพฯ จัดโดย VNU Asia Pacific#VIV

    สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) จัดเวทีแลกเปลี่ยนมุมมองจากภาครัฐและเอกชน ผ่านการเสวนาเชิงวิชาการ “ความมั่นคงทางอาหารในบริบทการค้าไทย”

              เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) ร่วมกับ สมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย สำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) กรมการค้าต่างประเทศ และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร จัดการเสวนาเชิงวิชาการ เรื่อง “ความมั่นคงทางอาหารในบริบทการค้าไทย” (Food Security in the Context of Thai Trade) ณ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ แกรนด์ สุขุมวิท

              ในงานเสวนานี้ ได้รับเกียรติจาก คุณสุภกิจ เจริญกุล ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา เป็นผู้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการเสวนา และดร.ชุมเจธว์ กาญจนเกษร ผู้จัดการทั่วไป สำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three Emergency Rice Reserve; APTERR) บรรยายพิเศษ เรื่อง “สถานการณ์ความมั่นคงทางอาหารของประเทศไทยเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน” ซึ่งจากข้อมูลของ 5 สินค้าเกษตร (Commodities) หลัก อันได้แก่ ข้าว ถั่วเหลือง มันสำปะหลัง อ้อย และข้าวโพด ที่ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการนำเข้าและส่งออกภายในภูมิภาคอาเซียน พบว่าสินค้าที่มีบทบาทมากที่สุดอย่าง “ข้าว” ของประเทศไทยนั้นมีปริมาณการผลิต 22 ล้านตัน (ข้อมูลถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566) ซึ่งเป็นอันดับที่ 3 รองจากประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ตามลำดับ โดยมีปริมาณการส่งออกกว่า 8 ล้านตัน น้อยกว่าประเทศเวียดนามเพียง 3 แสนตัน

     

              นอกจากนี้ในช่วงเช้ายังมีการร่วมเสวนาโดย คุณธรรศ ทังสมบัติ นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย และคุณกนกวรรณ ขับนบ หัวหน้างานสนับสนุนทุนวิจัยด้านอาหาร สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ในหัวข้อ “ความมั่นคงและความยั่งยืนทางอาหารในมุมมองของอาหารอนาคตไทย” ซึ่งพบว่า แม้ประเทศไทยจะมีความพร้อมในภาคการเกษตรสูง แต่การขับเคลื่อนอาหารอนาคตไทยสู่ความสำเร็จนั้นยังต้องอาศัยความร่วมและการพัฒนาในทุกภาคส่วน ทั้งการเชื่อมโยงงานวิจัยให้เกษตรกรสามารถนำมาใช้ได้จริง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ปรับตัวทันตามความต้องการของตลาด การสร้างความตระหนักรู้และสื่อสารกับผู้บริโภค ตลอดจนการผลักดันผลงานวิจัยต่างๆ ไปสู่การจำหน่ายในท้องตลาด

     

              ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจมีผลต่อการส่งออก อาทิ กำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศคู่ค้าที่กำลังชะลอตัว การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ วิกฤตราคาอาหารแพง มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ตลอดจนนโยบายป้องกันตัวเองของหลายประเทศ ที่ “จำกัด-ห้าม” ส่งออกอาหารบางชนิดเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร และช่วงบ่ายได้มีการเสวนาในหัวข้อ “ถกแถลงแนวทางการส่งออกสินค้าอาหารในภาวะวิกฤต” โดยได้รับเกียรติจาก คุณอรรัตน์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองบริหารการค้าข้าว กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ คุณหิรัญญา สระสม ผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจการเกษตรระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คุณสุกัญญา ใจชื่น กรรมการสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และคุณวิมล ปั้นคง รองผู้อำนวยการ (วิชาการ) สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา เพื่อแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับแนวทางในการบริหารจัดการด้านต่างๆ หากประเทศไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าวมากขึ้น

     

     

     

     

    LAB Future & BIO Expo 2024 ขับเคลื่อนไบโอเทค การแพทย์อีสาน โชว์นวัตกรรมเครื่องมือแล็บจากทั่วโลก สร้างเศรษฐกิจมูลค่าสูงรับ NeEC

              เมื่อเร็วๆ นี้ ขอนแก่นอินโนเวชั่นเซ็นเตอร์ โดยบริษัท แอดลิบ แมเนจเม้นท์ จํากัด และโกลว์ฟิช ขอนแก่น ร่วมกับ สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หอการค้าจังหวัดขอนแก่น ศูนย์นวัตกรรมและการวิจัยมิตรผล (ศูนย์ขอนแก่น) มหาวิทยาลัยขอนแก่น สมาคมเทคโนโลยีชีวภาพแห่งประเทศไทย สมาคมเทคนิคการแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวเตรียมการจัดงาน LAB Future & BIO Expo ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 9 – 10 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนเเก่น (ไคซ์) ภายใต้แนวคิด พลิกอีสานสู่เศรษฐกิจมูลค่าสูง โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน มากกว่า 3,500 คน และการเจรจาธุรกิจมูลค่ามากกว่า 350 ล้านบาท

     

              ภายในงานแถลงข่าว คุณธีรยุทธ์ ลีลาขจรกิจ ผู้อํานวยการ บริษัท แอดลิบ แมเนจเม้นท์ จํากัด และโกลว์ฟิช ขอนแก่น ได้กล่าวว่า ภาคอีสาน เป็นภาคที่มีอัตราการขยายตัวของตลาดเครื่องมือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีมูลค่าการตลาดรวมเฉลี่ยกว่า 30,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจระหว่างระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Northeastern Economic Corridor หรือ NeEC) และเขตเศรษฐกิจในประเทศลุ่มนํ้าโขง (Greater Mekong Sub region; GMS) โดยเฉพาะเขต NeEC 4 จังหวัด คือ นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย ที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินการลงทุนเข้ามาสูงสุดในภาคอีสาน และส่งผลให้เกิดการลงทุนห้องปฏิบัติการและงานวิจัยต่างๆ รวมทั้งศูนย์การแพทย์ ศูนย์วิเคราะห์ทดสอบ ศูนย์นําเข้าและส่งออก ศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้า ฯลฯ

              ด้วยเหตุนี้เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาของภาคอีสานในอนาคต งาน LAB Future & BIO Expo 2024 จึงได้รวบรวมผู้ผลิตและผู้จัดจําหน่ายเครื่องมือห้องปฏิบัติการทั้งในและต่างประเทศมาร่วมแสดงกว่า 80 บริษัท พร้อมงานประชุมต่างๆ อาทิ งานประชุมนานาชาติไบโอเทคอีสาน หรือ ISAN BIOTECH Conference 2024 การประชุมด้านการแพทย์และสาธารณสุข อาทิ ISAN Health & Medical Conference และ การประชุมด้าน Phenomics Conference นอกจากนี้ ภายในงาน ยังได้จัดให้มี ISAN Innovation Pavilion รวบรวมนวัตกรรมของผู้ประกอบการภาคอีสานและNeEC ที่พร้อมต่อยอดและลงทุนด้านงานวิจัยและพัฒนามาจัดแสดงในงานด้วย

     

              คุณสุวิภา วรรณสาธพ ผู้อํานวยการศูนย์นวัตกรรมเเละการวิจัยมิตรผล (ศูนย์ขอนแก่น) กล่าวว่า ภาคอีสานเป็นทั้งพื้นที่ของผู้พัฒนาและผู้ใช้นวัตกรรมในขณะเดียวกัน โดยมีความตื่นตัวของการนําเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจและอุตสาหกรรมของตนมาได้นานสักระยะหนึ่งแล้ว โดยหลายธุรกิจได้แสวงหาความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย รวมทั้งศูนย์นวัตกรรมและการวิจัยมิตรผลที่ขอนแก่น เพื่อพัฒนางานวิจัยต่อยอดธุรกิจร่วมกัน นอกจากนี้ โอกาสความพร้อมของอุตสาหกรรมด้าน Bio-based ในภาคอีสาน ที่พัฒนาไปสู่เศรษฐกิจมูลค่าสูงได้ อาทิ Food, Feed, Fuel, Pharma และ Digital จึงรู้สึกยินดีมากที่การจัดงาน LAB Future & BIO Expo 2024 จะได้มี ISAN Innovation Pavilion ที่เป็นทั้งผู้แสดงและผู้ซื้อเทคโนโลยีและเครื่องมือเพื่อไปพัฒนาธุรกิจของตนต่อไป

     

              สําหรับการพัฒนาและโอกาสการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของอีสาน รศ.ดร.ประสงค์ แคนํ้า กรรมการสมาคมเทคนิคการแพทย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มิติทางด้านสุขภาพ ถือเป็นพื้นฐานของการขับเคลื่อนในมิติอื่นๆ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยเข้าสู่ยุคประเทศไทย ๔.๐ ได้อย่างมีแบบแผน โดยเฉพาะองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางห้องปฏิบัติการเทคนิคการแพทย์ ที่มีบทบาทสําคัญอย่างยิ่งในการให้ข้อมูลผลการตรวจวิเคราะห์ต่างๆ แก่แพทย์หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการวินิจฉัย ติดตามรักษา หรือควบคุมโรคต่างๆ ตลอดจนการดูแลสุขภาพ ให้มีความแม่นยําและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อขยายโอกาสการเรียนรู้ เปิดช่องทางธุรกิจและสร้างความพร้อม ผนึกกําลังส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคร่วมกัน การเข้าร่วมจัดสัมมนาในงาน LAB Future & BIO Expo 2024 จึงเป็นต่อยอดองค์ความรู้ในวิชาชีพเทคนิคการแพทย์กับภาคีเครือข่ายภาคอีสานได้เป็นอย่างดี

     

              สําหรับแนวโน้มและความพร้อมของภาคอีสานต่อการพัฒนาไบโอเทคนั้น รศ.ดร.ประกิต สุขใย อุปนายก
    สมาคมเทคโนโลยีชีวภาพแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อีสานสามารถพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านไบโอเทคด้านอาหารและเกษตรของประเทศได้ ด้วยศักยภาพการเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ เช่น ข้าว นํ้าตาล มันสําปะหลัง ตลอดจนงานวิจัยด้านไบโอเทคที่มีอยู่จํานวนมากในภาคอีสาน โดยมองว่าการเชื่อมต่อกับกลุ่มประเทศลุ่มนํ้าโขงที่เป็นแหล่งวัตถุดิบดิานการเกษตรเช่นเดียวกัน จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาองค์ความรู้ด้านไบโอเทคที่จะมีส่วนเสริมธุรกิจหรืออุตสาหกรรมอีสานให้มีมูลค่าสูงขึ้นได้ ทั้งนี้ สมาคมเทคโนยีชีวภาพแห่งประเทศไทย จึงได้จัดประชุม ISAN Biotech Conference ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน BIO Expo 2024 ในครั้งนี้

     

              ผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าเยี่ยมชมงาน LAB Future & BIO Expo 2024 ในวันที่ 9 – 10 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนเเก่น (ไคซ์)  ล่วงหน้าได้ที่ https://www.labfutureexpo.com/

     

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ บริษัท แอดลิบ แมเนจเม้นท์ จํากัด คุณกมลแก้ว ศรีนวล โทร 091 445 3116 หรือ Kamonkaeo@glowfishevents.com

    SIAL Asia Pacific 2024 Events Pre-Launch

              เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โปรโมซาลงส์ ประเทศไทย หอการค้าฝรั่งเศส-ไทย และบริษัท Comexposium ได้จัดงานแถลงข่าว SIAL Asia Pacific 2024 Events Pre-Launch ณ โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ กรุงเทพฯ โดยได้รับเกียรติจาก MR. Henri Tan ประธานผู้จัดงาน South East Asia Comexposium กล่าวเปิดงาน รวมถึงวิทยากรพิเศษที่มาร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาด ภาพรวมความสำเร็จหลังการจัดงานแสดงสินค้าที่ผ่านมา รวมถึงการคาดการณ์ตลาดในปี พ.ศ.2567 โดยได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดเอเชียแปซิฟิกที่มีศักยภาพสูง อาทิ จีน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น

              จากการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดในประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก และมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจถึงร้อยละ 5 อีกทั้งยังมีการฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์โควิดอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าจะมีอัตราการบริโภคต่อคนในปีพ.ศ. 2566-2571 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 จึงส่งผลให้จีนมีความต้องการอาหารที่มีคุณภาพจากทั่วโลกเพิ่มขึ้นซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของผู้บริโภคชนชั้นกลางในประเทศจีน โดยเมืองเซี่ยงไฮ้ถือว่าเป็นเมืองที่มีศักยภาพขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของโลกซึ่งคิดเป็นมูลค่านำเข้าและส่งออกถึงร้อยละ 20 ของประเทศ รวมถึงเป็นกลุ่มเมืองขนาดใหญ่ที่ร่ำรวยที่สุดในจีนซึ่งเป็นแหล่งรวมที่ตั้งของศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทต่างชาติจากทั่วโลกอีกด้วย และจากภาพรวมความสำเร็จของการจัดงาน SIAL เมืองเซี่ยงไฮ้ ในประเทศจีนที่ผ่านมา พบว่าผักเกล็ดหิมะ (South African Ice Plant Vegetable) ได้มีการจำหน่ายครั้งแรกและได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศจีน นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากงาน SIAL ที่ผ่านมา อาทิ ไอเบอริโกแฮม (Jamon iberico) จากสเปน อะโวคาโด รวมถึง Italian S.Pellegrino sparkling water และเนื้อสัตว์จากพืช นอกจากนี้ ได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดของเมืองเซินเจิ้น ในมณฑลกวางตุ้งซึ่งเป็นมณฑลที่มีอัตราการเติบโตของตลาดอาหารร้อยละ 15 ของทุกปี และเซินเจิ้นถือเป็นเมืองนวัตกรรมที่อยู่ในโครงการเศรษฐกิจพิเศษตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจีน และมีประชากรวัยทำงานที่มีอายุระหว่าง 15-59 ปี ถึงร้อยละ 79.53 โดยพบว่าการจัดงาน SIAL ในเมืองเซินเจิ้นที่ผ่านมานั้น มีอัตราผลตอบแทนการลงทุนที่สูงจากการหาคู่ค้าทางธุรกิจที่มีศักยภาพอีกด้วย นอกจากนี้ งาน SIAL Interfood 2023 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียที่ผ่านมา ก็ได้ตอกย้ำถึงความสำเร็จด้วยความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมจัดแสดงสินค้า และมีความสนใจที่จะเข้าร่วมงานอีกครั้งในปีหน้าถึงร้อยละ 98

              หากผู้ประกอบการไทยต้องการเพิ่มโอกาสในการหาคู่ค้าทางธุรกิจ ประชาสัมพันธ์สินค้า รวมถึงสำรวจตลาดที่น่าสนใจ งาน SIAL 2024 งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกนี้ คือคำตอบของคุณ โดยงาน SIAL ได้ขยายเครือข่ายมาสู่ตลาดเอเชียแปซิฟิกแล้ว และมีกำหนดงานแสดงสินค้าในปี พ.ศ.2567 ดังนี้

    – จีน (เซี่ยงไฮ้): 28-30 พ.ค. 2567 (ไทยพาวิลเลียน)

    – มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์): 2-4 ก.ค. 2567

    – จีน (เซินเจิ้น): 2-4 ก.ย. 2567 (ไทยพาวิลเลียน)

    – อินโดนีเซีย (จาการ์ตา): 13-16 พ.ย. 2567

    หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อทีมงาน Promosalons Thailand ได้ทางpromosalons@francothaicc.com หรือติดต่อ 02-650-9613 ต่อ 140

    Resilient and Innovative Food Systems งานสัมมนาระดับนานาชาติ เพื่อตอกย้ำถึงความสำคัญของระบบอาหารที่มุ่งเน้นเพื่อแก้ปัญหาด้านความมั่งคงอาหารในทุกมิติ

         จากความตระหนักด้านระบบอาหารในปี พ.ศ. 2564 ที่งาน UN Food Systems Summit ซึ่งได้นำเสนอเกี่ยวกับความเปราะบางของระบบอาหารทั่วโลก จนส่งผลต่อความไม่มั่นคงของอาหาร (Food Insecurity) อันเกิดจากหลากหลายปัญหาทั้งโรคระบาด สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและความขัดแย้ง เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านอาหารสำหรับอนาคต ตลอดจนเสริมสร้างความมั่นคงและความน่าเชื่อถือให้แก่ระบบอาหารเพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของประชากรโลกที่เพิ่มสูงขึ้น

           

    ทาง International Union of Food Science and Technology (IUFost) จึงร่วมกับองค์กรด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์อาหารมากมายจากทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่ องค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) องค์การอนามัยโลก (WHO) คณะกรรมาธิการโครงการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (CODEX) สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหารแห่งประเทศไทย (FoSTAT) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช. หรือ NXPO) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข. หรือ PMUC) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และองค์กรอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อจัดงานสัมมนา “Resilient and Innovative Food Systems” ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2565  ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) เพื่อให้เกิดพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้หรือแนวทางที่จะช่วยส่งเสริมระบบอาหารและการเกษตรเพื่อความยั่งยืนในทุกด้าน และเกิดการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น โดยงานสัมมนาครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจากนักวิจัย ผู้บริหาร และสื่อที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องอุตสาหกรรมอาหารตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อร่วมรับรู้และหารือถึงแนวทางที่เหมาะสมเกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพด้านความมั่งคงอาหารและการเกษตรในระดับประเทศและระดับโลก

         

    ภายในงานได้แบ่งเป็นหัวข้อต่างๆ จากการแสดงให้เห็นถึงที่มาและความสำคัญของการมีระบบอาหารที่มั่นคงและยั่งยืน พร้อมกับกรณีศึกษาที่น่าสนใจจากต่างประเทศที่ได้นำนวัตกรรมอาหารเข้าไปช่วยให้อาหารมีความยั่งยืนมากขึ้น เช่น ประเทศสิงค์โปร์ที่ได้เปิดตัวและกำหนดมาตรการในการจำหน่ายเนื้อสัตว์จากห้องทดลอง (Cultured Meat) เป็นประเทศแรกๆ ของโลก แสดงให้เห็นถึงการเปิดรับนวัตกรรมการผลิตอาหารที่ช่วยให้สามารถผลิตอาหารได้มากขึ้น โดยมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสวัสดิภาพสัตว์น้อยลง เป็นต้น

        

    นอกจากนี้ ยังมีหัวข้อบรรยายจากนักวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแหล่งโปรตีนทางเลือก ทั้งแมลง ไข่ผำ หรือเทมเป้ ที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบอาหาร และแนวทางการกำหนดกฎหมาย ความปลอดภัยเกี่ยวกับอาหารใหม่ชนิดต่างๆ ตลอดจนการอภิปรายที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เสนอแนะแนวทางและสอบถามข้อสงสัยตลอดงานสัมมนาครั้งนี้