MULTIVAC Thailand Strengthens Its Presence in Thailand with a Modern and Sustainable Facility

MULTIVAC Thailand เปิดตัวสำนักงานแห่งใหม่ เสริมความแข็งแกร่งในตลาดไทยด้วยโซลูชันที่ทันสมัยและยั่งยืน

Continue reading “MULTIVAC Thailand Strengthens Its Presence in Thailand with a Modern and Sustainable Facility”

ยกระดับอย่างยิ่งใหญ่ตามเสียงของลูกค้ากับ METTLER TOLEDO LAB DAY FAIR งานแสดงผลิตภัณฑ์และสัมมนาสำหรับห้องปฏิบัติการ

          จากการเปิดบ้าน LAB DAY ของแผนกเครื่องมือในห้องปฏิบัติการไปแล้วถึง 2 ครั้งในต้นปี พ.ศ. 2568 จึงค้นพบว่า LAB DAY ไม่ใช่งานสัมมนาทั่วไป แต่คือโอกาสสำคัญที่บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกท่าน ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่มาของการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่กับงาน METTLER TOLEDO LAB DAY FAIR งานแสดงผลิตภัณฑ์และสัมมนาสำหรับห้องปฏิบัติการ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 4-5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ จังหวัดระยอง

          งานครั้งนี้ได้มอบประสบการณ์พิเศษที่แตกต่างจากงานสัมมนาทั่วไป ด้วยโซนแสดงสินค้าให้ทุกท่านได้มีโอกาสมาเห็น มาสัมผัส มาลองดูโซลูชันที่มากถึง 7 Station ได้แก่ Smart Lab Solution, Water Analysis Showcase, Water and Moisture analyzer, Thermal analysis, Rainin pipette and Smart check, Beyond Weighing และ Automation Lab Reactor นอกจากนี้ ในส่วนการสัมมนา บริษัทฯ ได้รับเกียรติจากวิทยากรสุดพิเศษ ผศ.สุชาดา ไชยสวัสดิ์ ที่ปรึกษาศูนย์การจัดการด้านพลังงานสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และอาชีวอนามัย มาร่วมบรรยายในหัวข้อ Sustainability Lab แนวทางพัฒนาห้องปฏิบัติการอย่างยั่งยืน ซึ่งบรรยากาศในห้องบรรยายเป็นไปอย่างน่ารักและครึกครื้น เนื่องจากผู้เข้าร่วมสามารถสอบถามและพูดคุยกับอาจารย์ได้โดยตรง เรียกได้ว่าได้รับความรู้ดีๆ ไปอย่างเต็มอิ่ม นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสุดพิเศษ! เพื่อเพิ่มสีสันในงานกับการลุ้นรับของรางวัล Big Surprise เป็นเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับห้องปฏิบัติการจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นตุ้มน้ำหนักพร้อมใบ Certificate รับรอง ชุดเซ็ทสารละลายบัฟเฟอร์ และไมโครปิเปตต์! ซึ่งทุกคนต่างลุ้นร่วมกันอย่างสนุกสนาน รวมถึงยังได้รับของที่ระลึกจากงานเป็นต้นไม้รักโลกคนละ 1 ต้น หลังจบงานสัมมนาอีกด้วย

          ด้วยการตอบรับอย่างท่วมท้นจากผู้เข้าร่วมมากกว่า 100 ท่าน ทางบริษัทเมทเล่อร์ โทเลโด ขอขอบคุณผู้เข้าร่วมงานทุกท่านที่ให้เกียรติมาเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ร่วมกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะได้รับประโยชน์จากงานสัมมนาครั้งนี้เพื่อพัฒนาห้องปฏิบัติการของทุกท่านได้อย่างแท้จริง

Continue reading “ยกระดับอย่างยิ่งใหญ่ตามเสียงของลูกค้ากับ METTLER TOLEDO LAB DAY FAIR งานแสดงผลิตภัณฑ์และสัมมนาสำหรับห้องปฏิบัติการ”

อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ไทยมุ่งสู่ interpack 2026: เชื่อมโยงนวัตกรรม ความยั่งยืน และโอกาสระดับโลก

            งานแสดงสินค้าระดับโลกด้านกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์ interpack 2026 เตรียมกลับมาจัดขึ้นอีกครั้ง ณ เมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 7–13 พฤษภาคม พ.ศ. 2569 โดยจะมีผู้แสดงสินค้ากว่า 2,800 รายจากกว่า 60 ประเทศเข้าร่วมงาน

            เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ณ โรงแรม นิกโก้ กรุงเทพฯ ได้มีการจัดงาน interpack 2026 Presentation เพื่อให้ผู้ประกอบการและสมาชิกจากอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ การแปรรูป และการพิมพ์ในประเทศไทยได้ร่วมอัปเดตแนวโน้มสำคัญของงาน interpack 2026 ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า งานนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง Messe Düsseldorf และสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย โดยมีการบรรยายพิเศษจากคุณ Thomas Dohse ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการระดับโลกของ interpack และคุณวิวัฒน์ อุตสาหจิต นายกสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย ผู้ถ่ายทอดมุมมองของอุตสาหกรรมไทย

เวทีระดับโลกที่มีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย

           งาน interpack 2026 จะเน้นนำเสนอเมกะเทรนด์ที่กำลังพลิกโฉมระบบนิเวศของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ทั่วโลก ตั้งแต่ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ วัสดุที่ยั่งยืน ห่วงโซ่มูลค่าแบบหมุนเวียน ไปจนถึงทักษะแรงงานแห่งอนาคต  

          “อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และกระบวนการผลิตกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อน” คุณ Thomas Dohse ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการระดับโลกของ interpack กล่าว “interpack 2026 จะเป็นเวทีที่ผู้นำและนักนวัตกรรมจากทั่วโลกมาร่วมกันแก้ไขความท้าทายสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นความยั่งยืน ประสิทธิภาพ และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล สำหรับผู้ประกอบการไทย นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในการสร้างเครือข่ายกับพันธมิตรระดับโลก และรับข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ

บทบาทของประเทศไทยในเครือข่ายนวัตกรรมระดับโลก

          คุณวิวัฒน์ อุตสาหจิต นายกสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย กล่าวในช่วงเปิดงานว่า อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ของไทยได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรม ความยืดหยุ่น และความร่วมมือ พร้อมทั้งกล่าวว่า “ประเทศไทยได้รับการยอมรับในฐานะศูนย์กลางระดับภูมิภาคที่ให้บริการแก่ทั้งแบรนด์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแบรนด์ระดับโลกที่มองหาคุณภาพ ความรวดเร็ว และความยั่งยืน งาน interpack 2026 คือก้าวสำคัญต่อไป โดยจะเป็นเวทีระดับโลกที่กำหนดทิศทางเทคโนโลยี ขับเคลื่อนพันธสัญญาด้านความยั่งยืน และสร้างความร่วมมือเพื่ออนาคตในทศวรรษหน้า

สิ่งที่รอคุณอยู่ใน interpack 2026

          ภายในพื้นที่จัดแสดงกว่า 18 ฮอลล์ ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสเทคโนโลยีด้านการผลิตและบรรจุภัณฑ์ที่ครบวงจรที่สุดในโลก ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องจักรอาหารและเครื่องดื่ม ไปจนถึงภาคเภสัชภัณฑ์ เครื่องสำอาง สินค้าอุปโภคบริโภค และบรรจุภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยมี “ความยั่งยืน” และ “ดิจิทัลไลเซชัน” เป็นธีมหลักของงาน

สำหรับผู้ประกอบการไทย interpack 2026 ถือเป็นประตูสำคัญสู่ความร่วมมือระดับโลก และเป็นแหล่งเรียนรู้แนวโน้มล่าสุดที่จะช่วยยกระดับศักยภาพการแข่งขัน ความยั่งยืน และความพร้อมด้านการส่งออก

Continue reading “อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ไทยมุ่งสู่ interpack 2026: เชื่อมโยงนวัตกรรม ความยั่งยืน และโอกาสระดับโลก”

KOTRA เปิดยุทธศาสตร์สร้างอาหารเกาหลี เป็นวัฒนธรรมกระแสหลักของโลก ชูจุดแข็ง รสชาติ-สุขภาพ-วัฒนธรรม ผสานความนิยม K-Culture ผ่านงาน SEOUL FOOD in Bangkok 2025 พร้อมชูไทยเป็นศูนย์กลาง K-Food ในอาเซียน

             สำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย (KOTRA) เผยยุทธศาสตร์อาหารเกาหลี (K-Food) สู่วัฒนธรรมอาหารกระแสหลักของโลก ผสานจุดแข็งรสชาติ สุขภาพ และวัฒนธรรม ผ่านความนิยม K-Culture, K-POP และ K-Drama ได้เตรียมจัดงาน SEOUL FOOD in Bangkok 2025 ระหว่างวันที่ 26–28 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมดันไทยเป็นศูนย์กลาง K-Food อาเซียน

 

             นาย ยงซอง คิม ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย (Korea Trade-Investment Promotion Agency : KOTRA Bangkok (โคทรา กรุงเทพฯ)) ซึ่งเป็นองค์กรรัฐภายใต้กระทรวงการค้า อุตสาหกรรมและพลังงาน ของประเทศเกาหลีใต้ กล่าวถึงการส่งเสริมอาหารเกาหลีให้เป็นวัฒนธรรมกระแสหลักของโลกว่า วันนี้อาหารเกาหลีกำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาจากการผสานจุดแข็งด้านรสชาติ สุขภาพ และวัฒนธรรม ผนวกเอกลักษณ์ภูมิปัญญาดั้งเดิม นำเสนอใหม่ให้เป็นที่สนใจของผู้บริโภค เช่น การนำอาหารหมักและเทคนิคการหมักแบบดั้งเดิมที่ทำให้เกิดโพรไบโอติกส์ในรูปแบบอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งสื่อสารไปยังผู้บริโภคผ่าน K-Culture, K-POP และ K-Drama ทำให้เกิดการรับรู้และความนิยมในวงกว้าง ซึ่งจุดแข็งของ K-Food นอกจากอาหารหมักดั้งเดิมอย่างกิมจิและซอสต่างๆ แล้ว ยังรวมถึงอาหารพร้อมรับประทาน ขนม-ของหวาน อาหาร-เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกด้วย ส่วนการพัฒนาอาหารเกาหลีต่อไปนั้น มีเป้าหมายในการเป็นสัญลักษณ์ของอาหารคุณภาพ สุขภาพ และมีความคิดสร้างสรรค์ โดยเน้นไปที่กลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม (Functional Wellness Foods & Beauty Supplements) เช่น เยลลีคอลลาเจน เครื่องดื่มสมุนไพรหมัก โทนิคโสมและเครื่องดื่มโปรตีน อาหารสะดวกพร้อมรับประทาน (Smart Convenience Meals) เช่น เกี๊ยวเกาหลีพรีเมียม (Korean Premium Dumpling) ผัดวุ้นเส้นเกาหลีแช่แข็ง (Korean Frozen Japchae) และข้าวถ้วยสำเร็จรูปและข้าวผัดหอยเป๋าฮื้อที่ใช้เทคโนโลยีรีทอร์ตและโซ่ความเย็นขั้นสูง อาหารพืชและบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน (Plant-Based & Sustainable K-Food) เช่น เกี๊ยวเกาหลีวีแกน (Korean Vegan Dumpling) กาแฟหมักจากสโคบี้ และ อาหารเกาหลีดั้งเดิมในรูปแบบทันสมัย (Modernized Korean Traditions) เช่น ต๊อกบกกี น้ำมันงาและน้ำเชื่อมขิงแบบร่วมสมัย

 

   

             สำหรับการส่งเสริมความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีและไทยถือว่าเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่น ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ประเทศไทยยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของโลจิสติกส์และเป็นผู้นำในการบริโภคที่มีอิทธิพลต่อภูมิภาคอาเซียน ดังนั้น KOTRA จึงได้เตรียมจัดงาน SEOUL FOOD in Bangkok 2025 ขึ้น ระหว่างวันที่ 26-28 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งงาน SEOUL FOOD เป็น 1 ใน 4 งานแสดงสินค้าอาหารสำหรับมืออาชีพที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย และไทยถือเป็นประเทศแรกที่ได้รับเลือกให้จัดงานนี้ขึ้นในต่างประเทศ โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้พบกับการจัดแสดงสินค้าที่มีการนำเสนอทั้งนวัตกรรมเทคโนโลยีอาหารที่ผสานแนวคิดด้านสุขภาพและความยั่งยืน การเปิดประสบการณ์ในวัฒนธรรมเกาหลีที่แท้จริง ชิมอาหารเกาหลีที่หลากหลาย พร้อมชมการสาธิตการทำอาหารจากเชฟที่ได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมเกาหลี ภายใต้แนวคิด K-Food นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต: ก้าวล้ำด้วยเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพที่ดีและความยั่งยืนของโลก” (K-Food Innovation: Smart, Healthy & Sustainable)

             ซึ่งคาดว่ามูลค่าการค้าและการเจรจาธุรกิจที่เกิดขึ้นในงานฯ จะอยู่ที่ 8,196 ล้านบาท ดังนั้นงาน SEOUL FOOD in Bangkok 2025 นอกจากจะเป็นงานแสดงสินค้าที่สำคัญแล้ว ยังเป็นกลไกในการวางรากฐานความร่วมมือระยะยาวด้านอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเกาหลี–ไทย เพื่อสร้าง “ระบบนิเวศ K-Food” ที่มีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขยายสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการเข้าสู่ตลาด การส่งเสริมความร่วมมือด้านนวัตกรรม การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี การสร้างแบรนด์ การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม รวมถึงการสร้างการเติบโตร่วมกันของทั้งวัฒนธรรมอาหารเกาหลี อาหารของไทยและอาเซียนอีกด้วย

             งาน SEOUL FOOD in Bangkok 2025 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจรายละเอียดและลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าได้ที่  www.seoulfood-bangkok.com

กรมปศุสัตว์ยืนยัน น้ำนมโคสดไทยปลอดภัยทุกหยด คุมเข้มตั้งแต่ฟาร์มถึงผู้บริโภค

            อธิบดี​กรมปศุสัตว์ยืนยัน “น้ำนมดิบไทย” ปลอดภัยทุกหยด ภายใต้การตรวจสอบ​และรับรอง​มาตรฐาน​การผลิต​ทุกขั้นตอน​ เดินหน้า​ส่งเสริมการบริโภคผลิตภัณฑ์นมคุณภาพ และยกระดับอุตสาหกรรมโคนมไทยให้แข่งขันได้ในระดับสากล

            นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้เปิดเผยถึงกระแสข่าวเรื่องน้ำนมโคที่มีการผสมสารอื่นๆ ซึ่งอาจกระทบต่อสุขภาพผู้บริโภค ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า “น้ำนมดิบ” ที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากกรมปศุสัตว์ ปลอดภัยตามมาตรฐานสากลทุกขั้นตอน โดยกรมปศุสัตว์​ร่วมมือกับสหกรณ์ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบและภาคเอกชน ดูแลคุณภาพน้ำนมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ดื่มนมสดแท้ สะอาด และมีคุณค่าทางโภชนาการ

 

            กรมปศุสัตว์ได้ส่งเสริมและตรวจสอบคุณภาพน้ำนมดิบในทุกระดับ เริ่มจากการดูแลสุขภาพและการเลี้ยงโคนมในฟาร์ม โดยเกษตรกรได้รับคำแนะนำและบริการวัคซีนป้องกันโรคระบาดประจำปี รวมทั้งพัฒนาโคนมพันธุ์ “ทรอปิคอลโฮลสไตล์” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของไทยที่ทนต่อสภาพอากาศร้อนและแมลง อีกทั้งยังให้น้ำนมที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง พร้อมส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชอาหารสัตว์และผลิตอาหารโคนมคุณภาพดีในประเทศ

            ก่อนรีดนมทุกครั้ง ได้แนะนำ​ให้​เกษตรกร​ตรวจสุขภาพแม่โคเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากเต้านมอักเสบ เมื่อน้ำนมดิบถูกส่งไปยังศูนย์รวบรวม จะมีการตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียด ทั้งการปนเปื้อนของยา สารเคมี เชื้อโรค และค่ามาตรฐานทางกายภาพ ก่อนส่งต่อไปยังโรงงานแปรรูป ซึ่งทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้ระบบรับรองมาตรฐานของกรมปศุสัตว์

 

            อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวย้ำว่า กรมปศุสัตว์​มีหน้าที่กำกับ ดูแล และส่งเสริมให้เกษตรกรโคนมทั่วประเทศผลิตน้ำนมที่มีมาตรฐานและปลอดภัย โดยเป็น​ไปตามนโยบาย​ของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งส่งเสริมการบริโภคผลิตภัณฑ์นมคุณภาพ และยกระดับอุตสาหกรรมโคนมไทยให้แข่งขันได้ในระดับสากล​ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค และยกระดับรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน พร้อมย้ำว่า “น้ำนมโคทุกหยดจากฟาร์มเกษตรกร​ไทย สะอาด ปลอดภัย และมีคุณภาพสูง”

Continue reading “กรมปศุสัตว์ยืนยัน น้ำนมโคสดไทยปลอดภัยทุกหยด คุมเข้มตั้งแต่ฟาร์มถึงผู้บริโภค”

Kerry Showcased Next-Generation Food Innovation at Fi Asia 2025, Inspiring the Future of Sustainable Nutrition

Kerry นำเทรนด์อาหารยุคใหม่ ขับเคลื่อนอนาคตสุขภาพและความยั่งยืนในงาน Fi Asia 2025

               Kerry นำเสนอโซลูชันด้านอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แนวคิด “Reformulate for Impact” ที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านส่วนผสมผ่านงานวิจัยและข้อมูลเชิงลึก พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่ผสานรสชาติอร่อย เข้ากับคุณค่าด้านโภชนาการและความยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยภายในงาน Food Ingredient Asia 2025 ที่ผ่านมา ทาง Kerry ได้รับเกียรติจาก ดร. วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย ในการเข้าเยี่ยมชมงานอีกด้วย

ไฮไลท์ของงาน / Highlights

– สาธิตการทำอาหารคาว โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ทดลองชิมผลิตภัณฑ์ฉลากสะอาดและนวัตกรรมกลิ่นควันจาก Kerry ผ่านเมนูสุดสร้างสรรค์ ทั้งไก่ป๊อปที่มีรสชาติบาร์บีคิวเมเปิล บูลโกกิสไตล์เกาหลี และไส้กรอกรสโคล่า

– โซลูชันเพื่อสุขภาพบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ด้วยนวัตกรรมวัตถุดิบ ProActive Health1 ที่รังสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกัมมี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่เสริมฟังก์ชันต่างๆ ทั้งสุขภาพของผู้หญิง ผิว ลำไส้และระบบภูมิคุ้มกัน โภชนาการสำหรับทารก และการทำงานของสมอง นอกจากนี้ ยังได้เยี่ยมชมนวัตกรรมด้านส่วนผสมที่ผ่านการรับรองทางคลินิก เช่น BC30™, Wellmune®, Sensoril®, Plenibiotic, Caronositol Fertility® และ LC40® Infant ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลและช่วงวัยที่ต่างกัน

– ทางเลือกที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ โดยผู้เข้าเยี่ยมชมจะได้ทดลองชิมคุกกี้ บราวนี และมันฝรั่งอบกรอบ ที่ผ่านการปรับสูตรใหม่ด้วยเทคโนโลยี Tastesense™ Salt2 ที่ช่วยลดปริมาณโซเดียมในขนมขบเคี้ยว และโซลูชัน Cocoa Booster3 ที่ช่วยลดปริมาณการใช้โกโก้ในสูตร แต่ยังสามารถคงรสชาติและความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ของช็อกโกแลตไว้ได้อย่างลงตัว

– เครื่องดื่มไฮบริด ได้นำเสนอเมนูเครื่องดื่มสุดสดชื่นที่เสริมรสชาติผลไม้และซิตรัสจากธรรมชาติด้วย Tastesense™4 Sweet, Masking และ Mouthfeel Technology จาก Kerry นอกจากนี้ ยังมีชาเขียวและชาดำเย็นกลิ่นต่างๆ รวมถึงสูตรนมช็อกโกแลตที่ลดปริมาณโกโก้ลง แต่ยังคงความอร่อยเหมือนเดิม

– นวัตกรรมขนมหวานแช่แข็ง ด้วยการใช้เทคโนโลยี Sherex™5 และโซลูชันลดความหวานจาก Kerry สำหรับเมนูไอศกรีมและซอร์เบต์ เพื่อเปิดสัมผัสประสบการณ์ด้านรสชาติที่แสนอร่อยและน่าพึงพอใจ

– องค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ภายในงานยังได้จัดกิจกรรมสัมมนาโดยผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ Marcus Verkerk, ดร. Celia Ning, คุณอนรรฆพันธุ์ ดั่นเจริญ, Jie Ying Lee และ ดร. พรพรรณ เธียรสถิตย์ ที่มาถ่ายทอดเรื่องเทคโนโลยีรมควันและการย่าง6 สุขภาพและสุขภาวะที่ดี การลดปริมาณโซเดียม การปกป้องและการถนอมอาหาร7 ตลอดจนกลยุทธ์ในการกำหนดทิศทางอนาคตของอาหาร

               นวัตกรรมเหล่านี้สะท้อนถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากการที่ผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ซึ่งผสานทั้งรสชาติที่แท้จริง คุณประโยชน์ด้านสุขภาพ และความยั่งยืนไปพร้อมกัน ขณะเดียวกัน ความเพลิดเพลินในการบริโภคและการดูแลสุขภาพจึงไม่ใช่สิ่งที่ถูกมองแยกออกจากกันอีกต่อไป แต่กลายเป็นความคาดหวังที่ต้องส่งมอบไปพร้อมกัน ทั้งนี้ การบรรลุเป้าหมายดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือในวงกว้าง ซึ่งทาง Kerry ได้เชิญชวนผู้ผลิตและเจ้าของแบรนด์มาร่วมกันสร้างสรรค์โซลูชันที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในท้องถิ่น ขณะเดียวกันก็ยังสอดคล้องกับคุณค่าด้านโภชนาการและความยั่งยืนที่เป็นวาระสำคัญในระดับโลก

               คุณ Siddharth Rastogi ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายค้าปลีกและเนื้อสัตว์ จาก Kerry Indian Subcontinent and Southeast Asia ได้กล่าวว่า “Fi Asia 2025 ถือเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมต่อกับพันธมิตร และสะท้อนให้เห็นว่า Kerry กำลังนิยามนวัตกรรมอาหารในทิศทางใหม่ จากความร่วมมือในการจัดแสดงครั้งนี้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการปรับสูตรอาหารที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน ทั้งด้านรสชาติ คุณค่าทางโภชนาการ และความยั่งยืน อันจะช่วยให้อุตสาหกรรมสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างดีเยี่ยม เราหวังว่าจะได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรต่อไป และเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการขับเคลื่อนอาหารและเครื่องดื่มยุคใหม่ของภูมิภาคเอเชีย”

Continue reading “Kerry Showcased Next-Generation Food Innovation at Fi Asia 2025, Inspiring the Future of Sustainable Nutrition”

แม็คคอร์มิคปลุกกระแสรสเผ็ดร้อนในงาน FIA Thailand 2025

          แม็คคอร์มิค (McCormick) แบรนด์สมุนไพรและเครื่องเทศชั้นนำระดับโลก ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านรสชาติเผ็ดร้อนในงาน Food Ingredients Asia (FIA) Thailand 2025 ด้วยนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค พร้อมเผยเทรนด์ความนิยมรสเผ็ดร้อนในขนมขบเคี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และเครื่องปรุงรสในไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย

          ผลการศึกษาของแม็คคอร์มิคชี้ว่า ผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียลและ Gen Z ทั่วเอเชีย เป็นผู้ขับเคลื่อนเทรนด์รสเผ็ดร้อน โดยมองว่าเป็นการแสดงออกถึงตัวตนและการผจญภัย ซึ่งส่งผลให้เอเชียกลายเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ปรุงอาหารรสเผ็ดร้อน

 

           สำหรับประเทศไทย ผู้บริโภคชอบรสเผ็ดร้อนที่เข้มข้น กลมกล่อม และรู้สึกได้หลายระดับ อาหารรสเผ็ดยุคใหม่จึงต้องผสมผสานรสเผ็ดจากเครื่องเทศเข้ากับรสรอง เช่น อูมามิ เปรี้ยว หรือหวาน เพื่อสร้างความเผ็ดร้อนที่มีมิติ

           เพื่อช่วยผู้ผลิตเข้าใจความซับซ้อนของรสเผ็ดร้อน แม็คคอร์มิคได้เปิดตัว Heat Wheel ซอฟต์แวร์และเครื่องมือทางเทคนิคที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะ ที่ใช้ถอดรหัสภาษาของรสเผ็ดร้อน โดยแบ่งเป็น Flavour Profile (ความแตกต่างของรสชาติและกลิ่น) และ Sensory Experience (ความเข้มข้นและลักษณะของความร้อน) Heat Wheel เป็นเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้งานง่ายในการสื่อสารประสบการณ์รสชาติเผ็ดร้อน และเชื่อมโยงความชอบของผู้บริโภคกับคลังส่วนผสมของแม็คคอร์มิค

 

           เทรนด์รสเผ็ดร้อนคลื่นลูกใหม่ในเอเชียได้รับอิทธิพลจากป็อปคัลเจอร์ ตั้งแต่หม่าล่าแบบจีน ไปจนถึงรสเผ็ดสไตล์เกาหลีและญี่ปุ่น โดยเฉพาะหม่าล่าที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในไทย ไม่แพ้รสชาติต้มยำและผัดกะเพรา

 

          เบ็ตตี้ จูเลียน่า ตัน รองประธานฝ่าย Specialty Flavours & Ingredients แม็คคอร์มิค เอเชีย กล่าวว่า “ผู้บริโภคมีความอยากรู้เกี่ยวกับประสบการณ์อาหารรสเผ็ดร้อนจากทั่วโลกมากขึ้น เราจึงผสมผสานรสชาติท้องถิ่นยอดนิยมเข้ากับโปรไฟล์รสชาติที่ได้รับแรงบันดาลใจจากทั่วโลก นวัตกรรมของเราขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดาต้า ช่วยให้ผู้ผลิตอาหารสร้างสรรค์รสเผ็ดที่แตกต่างและน่าตื่นเต้น”

Continue reading “แม็คคอร์มิคปลุกกระแสรสเผ็ดร้อนในงาน FIA Thailand 2025”

BENEO secures first-ever Thai FDA approval for exclusive prebiotic claim

September 2025

BENEO secures first-ever Thai FDA approval for exclusive prebiotic claim

BENEO, a leading manufacturer of functional ingredients for food, feed and pharma has received Thai FDA (Food and Drug Administration) approval for an exclusive prebiotic claim for its chicory root fibre, Orafti® Inulin. It is the first ingredient producer to receive such an approval by the Thai FDA based on rigorous scientific evaluation by the Center for Nutrition Assessment and Health Claims of Thailand (CNACT).

This milestone comes at a time when consumer interest in digestive health is surging. A recent survey conducted by FMCG Gurus found that digestive health is the second most important health priority for Thai consumers over the next 12 months. Against this backdrop, the new Thai FDA-approved exclusive prebiotic claim offers manufacturers a powerful way to align with consumer expectations and drive purchase decisions.

The approval follows a rigorous scientific evaluation by the CNACT, established under the Nutrition Association of Thailand, and with final authorisation from the Thai FDA. The process required human intervention studies as well as systematic reviews and meta-analyses – the highest level of scientific evidence – highlighting the robustness of the data supporting the prebiotic effect of Orafti® Inulin.

Orafti® Inulin is derived from chicory root via a gentle hot water extraction method and is one of the few prebiotics recognized internationally by the International Scientific Association for Probiotics and Prebiotics (ISAPP). Chicory root fibres are the most studied prebiotics worldwide and are the only plant-based option available.

Caroline Bustandi, Head of Regulatory Affairs Asia Pacific at BENEO, said: “We are pleased that BENEO’s chicory root fibre inulin is the first and only prebiotic to be recognized by the Thai FDA following a stringent scientific evaluation. This means that food and drink manufacturers in Thailand can formulate appealing products with BENEO’s prebiotic Orafti® Inulin and credibly communicate their health benefits on pack. This makes it easier for consumers to make informed choices to support their digestive health – a growing consumer demand in the Asia Pacific region.”

BENEO will showcase its prebiotic solutions at Fi Asia 2025, from 17–19 September at the Queen Sirikit National Convention Center. Visitors to BENEO’s booth (L02) can sample innovative applications featuring Orafti® Inulin, such as flavoured prebiotic water and brookies. In addition, prototypes made with other BENEO functional ingredients – including tea gummies with the smart sugar Palatinose™ and a crunchy noodle snack with the beta-glucan rich barley flour Orafti® β-Fit – will also be available, demonstrating how indulgence and health can go hand in hand.

BENEO ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไทยยืนยันคุณประโยชน์พรีไบโอติกในผลิตภัณฑ์เป็นรายแรกและรายเดียวในขณะนี้

กรุงเทพมหานคร, วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568 – BENEO ผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตส่วนผสมอาหารเชิงหน้าที่ (Functional Ingredients) สำหรับอาหารของคน อาหารสัตว์และยา ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยืนยันคุณประโยชน์ พรีไบโอติก (Prebiotic Claim) ในผลิตภัณฑ์ใยอาหาร (Fibre) ที่สกัดจากรากชิโครีภายใต้แบรนด์ Orafti® Inulin นับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ส่วนผสมเชิงหน้าที่ของอาหารรายแรกและรายเดียวในขณะนี้ที่ได้รับการอนุมัติจาก อย. ของไทย โดยอ้างอิงจากผลการประเมินตามเกณฑ์ที่เข้มงวดของศูนย์การประเมินทางโภชนาการและการกล่าวอ้างทางสุขภาพแห่งประเทศไทย (Center for Nutrition Assessment and Health Claims of Thailand : CNACT)

ความสำเร็จครั้งนี้สอดคล้องกับตัวเลขผู้บริโภคที่ใส่ใจต่อสุขภาพของระบบย่อยอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยยืนยันจากผลการตอบแบบสำรวจที่ทำโดย FMCG Gurus ฉบับล่าสุดพบว่า สุขภาพการย่อยอาหารเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญมากที่สุดเป็นอันดับที่สองภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า การได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทยให้เป็นผลิตภัณฑ์แรกที่ยืนยันคุณประโยชน์ของพรีไบโอติกช่วยสร้างโอกาสใหม่ให้ผู้ผลิตอาหารในไทยมีทางเลือกที่จะสร้างผลลัพท์อันยิ่งใหญ่ที่จะสามารถตอบสนองความคาดหวังและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อของผู้บริโภคได้

การอนุมัตินี้ต้องผ่านขั้นตอนการประเมินอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่เข้มงวดโดย CNACT ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย (Nutrition Association of Thailand) เป็นที่เรียบร้อยเสียก่อนจึงจะได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไทย กระบวนการนี้จำเป็นต้องมีการวิจัยเชิงทดลองกับมนุษย์ โดยเปรียบเทียบผลระหว่างกลุ่มแทรกแซงกับกลุ่มควบคุม (human intervention studies) รวมถึงการทบทวนเอกสารที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมานเชิงสถิติ (meta-analyses) – เพื่อเป็นหลักฐานทางวิชาการที่หนักแน่นสำหรับเป็นข้อมูลสนับสนุนคุณสมบัติพรีไบโอติกของ Orafti® Inulin

 Orafti® Inulin ถูกสกัดมาจากรากชิโครีโดยผ่านกรรมวิธีการสกัดด้วยน้ำร้อน (gentle hot water extraction) และเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์พรีไบโอติกไม่กี่ชนิดที่ถูกยอมรับโดย International Scientific Association for Probiotics and Prebiotics (ISAPP) ใยอาหารจากรากชิโครีเป็นพรีไบโอติกที่ได้รับการศึกษาทั่วโลกและเป็นทางเลือกเดียวที่มาจากพืชในขณะนี้

For further information on BENEO and its ingredients, please visit: www.beneo.com and www.beneo.com/news or LinkedIn: www.linkedin.com/company/beneo

BENEO has long-term experience in developing and producing plant-based functional ingredients from natural sources for the food, feed and pharmaceutical industries. By supporting health and optimizing taste and texture, they help improve the nutritional and technical properties of a wide variety of products.

Through a unique chain of expertise, BENEO offers customers advice and inspiration on new product ideas that support a healthy lifestyle in a holistic way. This includes the BENEO-Institute that provides decisive insights into nutrition science and legislation, and the BENEO-Technology Center that consults in application technology.

Formed in 2007, BENEO is active in over 80 countries, employs more than 1200 people and has seven state-of-the-art production sites in Belgium, Chile, Germany, Italy and the Netherlands that deliver high-quality ingredients at all times.

BENEO, a division of the Südzucker Group, employs more than 1,200 people and has production units in Belgium, Chile, Germany, Italy, and the Netherlands.

For further press information, please contact:
Gabrielle Serena, FINN Partners Singapore
Tel: +65 9270 3405
Email: BENEOAsia@finnpartners.com

For further information please contact:
Inga Heinemann, Head of Corporate Communication, BENEO
Maximilianstraße 10, 68165 Mannheim, Germany
Phone: +49 621 421 179

Email: Inga.Heinemann@beneo.com

ขอขอบคุณสำหรับการเข้าเยี่ยมชมบูธแสดงสินค้าของ METTLER TOLEDO ในงาน Thailand LAB INTERNATIONAL 2025

            METTLER TOLEDO ขอขอบคุณผู้เยี่ยมชมทุกท่านที่ให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ในงาน Thailand LAB INTERNATIONAL 2025 ระหว่างวันที่ 3-5 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ทางบริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบปะและให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพเกี่ยวกับเครื่องมือในห้องปฏิบัติการ ซึ่งสอดคล้องกับธีมของบริษัทในปีนี้ “You Can Trust”

 

            บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลิตภัณฑ์และบริการจากเมทเล่อร์ โทเลโดจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกท่านได้ตลอดอายุการใช้งาน นอกจากนี้ ขอขอบคุณสำหรับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากกิจกรรมพิเศษภายในบูธ ที่ได้จัดเตรียมไว้เพื่อมอบของรางวัลสุดพิเศษให้กับทุกท่าน และทางบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความไว้วางใจจากท่านเช่นนี้ตลอดไป แล้วพบกันใหม่อีกครั้งในงาน Thailand LAB INTERNATIONAL 2026

 

Continue reading “ขอขอบคุณสำหรับการเข้าเยี่ยมชมบูธแสดงสินค้าของ METTLER TOLEDO ในงาน Thailand LAB INTERNATIONAL 2025”

จุฬาฯ จัดเวทีเสวนา From Farm to Facts : คุณภาพนมไทยพิสูจน์ได้ นำเสนอความรู้ที่ถูกต้องจากนักวิชาการจุฬาฯ

               จุฬาฯ เปิดเวทีวิชาการ “From Farm to Facts : คุณภาพนมไทยพิสูจน์ได้” เพื่อคลี่คลาย ข้อกังวลต่อคุณภาพน้ำนมและผลิตภัณฑ์นมไทย ด้วยองค์ความรู้จากนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์ ตอกย้ำบทบาทของจุฬาฯ “เมื่อสังคมมีปัญหา จุฬาฯ มีให้คำตอบ”

               จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ จัดกิจกรรมเสวนา “From Farm to Facts : คุณภาพนมไทยพิสูจน์ได้” เมื่อวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ที่ห้อง Sci Space ชั้น 1 อาคารแถบนีละนิธิ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับคุณภาพของน้ำนมและผลิตภัณฑ์นมของไทย โดยมุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมเสวนาได้เรียนรู้กระบวนการผลิตนมอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ต้นทางในฟาร์มโคนมจนถึงกระบวนการแปรรูป มาตรฐานคุณภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์นมที่ผู้บริโภคได้รับ

               วิทยากรผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย รศ.น.สพ.ดร.กิตติศักดิ์ อัจฉริยะขจร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ  รศ.ดร.อินทาวุธ สรรรพวรสถิตย์ ภาควิชาเทคโนโลยีทางอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ รศ.พญ.พรรณทิพา ฉัตรชาตรี ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ดำเนินรายการโดย ผศ.ดร.ชนม์ชนก เมืองนาโพธิ์ ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ

               การเสวนา “From Farm to Facts : คุณภาพนมไทยพิสูจน์ได้” นำเสนอความรู้ที่ถูกต้องอย่างครอบคลุมครบถ้วนโดยนักวิชาการจุฬาฯ ที่เกี่ยวข้องทั้งทางด้านสัตวแพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และแพทยศาสตร์ เริ่มจากที่มาของน้ำนมดิบและกระบวนการผลิตน้ำนม ตั้งแต่การเลี้ยงโคนม การเก็บรวบรวม การขนส่ง และการตรวจสอบคุณภาพ เพื่อความมั่นใจในความสะอาดและมาตรฐานของวัตถุดิบก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการแปรรูปน้ำนม ประเภทของนมและผลิตภัณฑ์นมที่พบทั่วไปในท้องตลาด เช่น นมสด นมพาสเจอร์ไรส์ นมยูเอชที รวมทั้งผลิตภัณฑ์นมแปรรูปอื่น ๆ เช่น นมผง นมอัดเม็ด ฯลฯ

               นอกจากนี้ วิทยากรยังยังกล่าวถึงกระบวนการปรับมาตรฐานน้ำนม (Standardisation) ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการควบคุมปริมาณไขมัน โปรตีน และของแข็ง ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ตลอดจนการเสริมสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์นม รวมถึงการอธิบายถึงวัตถุเจือปนอาหารในนม โดยเน้นชนิดของวัตถุเจือปนที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย และหลักการควบคุมคุณภาพเพื่อคงความปลอดภัยของผู้บริโภค

               ในส่วนของข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง วิทยากรได้อธิบายหลักเกณฑ์การผลิตและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมให้เป็นไปตามมาตรฐาน รวมถึงแนวทางการแสดงฉลากและข้อมูลโภชนาการ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ได้ด้วยความมั่นใจในคุณภาพ นอกจากนี้ยังให้ความรู้ด้านความปลอดภัยในการบริโภคนมและผลต่อสุขภาพ การบริโภคอย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย และการเลือกผลิตภัณฑ์นมที่ได้มาตรฐานเพื่อส่งเสริมสุขภาพของประชาชน