สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) จัดเวทีแลกเปลี่ยนมุมมองจากภาครัฐและเอกชน ผ่านการเสวนาเชิงวิชาการ “ความมั่นคงทางอาหารในบริบทการค้าไทย”

          เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) ร่วมกับ สมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย สำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) กรมการค้าต่างประเทศ และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร จัดการเสวนาเชิงวิชาการ เรื่อง “ความมั่นคงทางอาหารในบริบทการค้าไทย” (Food Security in the Context of Thai Trade) ณ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ แกรนด์ สุขุมวิท

          ในงานเสวนานี้ ได้รับเกียรติจาก คุณสุภกิจ เจริญกุล ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา เป็นผู้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการเสวนา และดร.ชุมเจธว์ กาญจนเกษร ผู้จัดการทั่วไป สำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three Emergency Rice Reserve; APTERR) บรรยายพิเศษ เรื่อง “สถานการณ์ความมั่นคงทางอาหารของประเทศไทยเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน” ซึ่งจากข้อมูลของ 5 สินค้าเกษตร (Commodities) หลัก อันได้แก่ ข้าว ถั่วเหลือง มันสำปะหลัง อ้อย และข้าวโพด ที่ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการนำเข้าและส่งออกภายในภูมิภาคอาเซียน พบว่าสินค้าที่มีบทบาทมากที่สุดอย่าง “ข้าว” ของประเทศไทยนั้นมีปริมาณการผลิต 22 ล้านตัน (ข้อมูลถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566) ซึ่งเป็นอันดับที่ 3 รองจากประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ตามลำดับ โดยมีปริมาณการส่งออกกว่า 8 ล้านตัน น้อยกว่าประเทศเวียดนามเพียง 3 แสนตัน

 

          นอกจากนี้ในช่วงเช้ายังมีการร่วมเสวนาโดย คุณธรรศ ทังสมบัติ นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย และคุณกนกวรรณ ขับนบ หัวหน้างานสนับสนุนทุนวิจัยด้านอาหาร สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ในหัวข้อ “ความมั่นคงและความยั่งยืนทางอาหารในมุมมองของอาหารอนาคตไทย” ซึ่งพบว่า แม้ประเทศไทยจะมีความพร้อมในภาคการเกษตรสูง แต่การขับเคลื่อนอาหารอนาคตไทยสู่ความสำเร็จนั้นยังต้องอาศัยความร่วมและการพัฒนาในทุกภาคส่วน ทั้งการเชื่อมโยงงานวิจัยให้เกษตรกรสามารถนำมาใช้ได้จริง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ปรับตัวทันตามความต้องการของตลาด การสร้างความตระหนักรู้และสื่อสารกับผู้บริโภค ตลอดจนการผลักดันผลงานวิจัยต่างๆ ไปสู่การจำหน่ายในท้องตลาด

 

          ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจมีผลต่อการส่งออก อาทิ กำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศคู่ค้าที่กำลังชะลอตัว การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ วิกฤตราคาอาหารแพง มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ตลอดจนนโยบายป้องกันตัวเองของหลายประเทศ ที่ “จำกัด-ห้าม” ส่งออกอาหารบางชนิดเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร และช่วงบ่ายได้มีการเสวนาในหัวข้อ “ถกแถลงแนวทางการส่งออกสินค้าอาหารในภาวะวิกฤต” โดยได้รับเกียรติจาก คุณอรรัตน์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองบริหารการค้าข้าว กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ คุณหิรัญญา สระสม ผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจการเกษตรระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คุณสุกัญญา ใจชื่น กรรมการสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และคุณวิมล ปั้นคง รองผู้อำนวยการ (วิชาการ) สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา เพื่อแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับแนวทางในการบริหารจัดการด้านต่างๆ หากประเทศไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าวมากขึ้น

 

 

 

 

LAB Future & BIO Expo 2024 ขับเคลื่อนไบโอเทค การแพทย์อีสาน โชว์นวัตกรรมเครื่องมือแล็บจากทั่วโลก สร้างเศรษฐกิจมูลค่าสูงรับ NeEC

          เมื่อเร็วๆ นี้ ขอนแก่นอินโนเวชั่นเซ็นเตอร์ โดยบริษัท แอดลิบ แมเนจเม้นท์ จํากัด และโกลว์ฟิช ขอนแก่น ร่วมกับ สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หอการค้าจังหวัดขอนแก่น ศูนย์นวัตกรรมและการวิจัยมิตรผล (ศูนย์ขอนแก่น) มหาวิทยาลัยขอนแก่น สมาคมเทคโนโลยีชีวภาพแห่งประเทศไทย สมาคมเทคนิคการแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวเตรียมการจัดงาน LAB Future & BIO Expo ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 9 – 10 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนเเก่น (ไคซ์) ภายใต้แนวคิด พลิกอีสานสู่เศรษฐกิจมูลค่าสูง โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน มากกว่า 3,500 คน และการเจรจาธุรกิจมูลค่ามากกว่า 350 ล้านบาท

 

          ภายในงานแถลงข่าว คุณธีรยุทธ์ ลีลาขจรกิจ ผู้อํานวยการ บริษัท แอดลิบ แมเนจเม้นท์ จํากัด และโกลว์ฟิช ขอนแก่น ได้กล่าวว่า ภาคอีสาน เป็นภาคที่มีอัตราการขยายตัวของตลาดเครื่องมือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีมูลค่าการตลาดรวมเฉลี่ยกว่า 30,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจระหว่างระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Northeastern Economic Corridor หรือ NeEC) และเขตเศรษฐกิจในประเทศลุ่มนํ้าโขง (Greater Mekong Sub region; GMS) โดยเฉพาะเขต NeEC 4 จังหวัด คือ นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย ที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินการลงทุนเข้ามาสูงสุดในภาคอีสาน และส่งผลให้เกิดการลงทุนห้องปฏิบัติการและงานวิจัยต่างๆ รวมทั้งศูนย์การแพทย์ ศูนย์วิเคราะห์ทดสอบ ศูนย์นําเข้าและส่งออก ศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้า ฯลฯ

          ด้วยเหตุนี้เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาของภาคอีสานในอนาคต งาน LAB Future & BIO Expo 2024 จึงได้รวบรวมผู้ผลิตและผู้จัดจําหน่ายเครื่องมือห้องปฏิบัติการทั้งในและต่างประเทศมาร่วมแสดงกว่า 80 บริษัท พร้อมงานประชุมต่างๆ อาทิ งานประชุมนานาชาติไบโอเทคอีสาน หรือ ISAN BIOTECH Conference 2024 การประชุมด้านการแพทย์และสาธารณสุข อาทิ ISAN Health & Medical Conference และ การประชุมด้าน Phenomics Conference นอกจากนี้ ภายในงาน ยังได้จัดให้มี ISAN Innovation Pavilion รวบรวมนวัตกรรมของผู้ประกอบการภาคอีสานและNeEC ที่พร้อมต่อยอดและลงทุนด้านงานวิจัยและพัฒนามาจัดแสดงในงานด้วย

 

          คุณสุวิภา วรรณสาธพ ผู้อํานวยการศูนย์นวัตกรรมเเละการวิจัยมิตรผล (ศูนย์ขอนแก่น) กล่าวว่า ภาคอีสานเป็นทั้งพื้นที่ของผู้พัฒนาและผู้ใช้นวัตกรรมในขณะเดียวกัน โดยมีความตื่นตัวของการนําเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจและอุตสาหกรรมของตนมาได้นานสักระยะหนึ่งแล้ว โดยหลายธุรกิจได้แสวงหาความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย รวมทั้งศูนย์นวัตกรรมและการวิจัยมิตรผลที่ขอนแก่น เพื่อพัฒนางานวิจัยต่อยอดธุรกิจร่วมกัน นอกจากนี้ โอกาสความพร้อมของอุตสาหกรรมด้าน Bio-based ในภาคอีสาน ที่พัฒนาไปสู่เศรษฐกิจมูลค่าสูงได้ อาทิ Food, Feed, Fuel, Pharma และ Digital จึงรู้สึกยินดีมากที่การจัดงาน LAB Future & BIO Expo 2024 จะได้มี ISAN Innovation Pavilion ที่เป็นทั้งผู้แสดงและผู้ซื้อเทคโนโลยีและเครื่องมือเพื่อไปพัฒนาธุรกิจของตนต่อไป

 

          สําหรับการพัฒนาและโอกาสการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของอีสาน รศ.ดร.ประสงค์ แคนํ้า กรรมการสมาคมเทคนิคการแพทย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มิติทางด้านสุขภาพ ถือเป็นพื้นฐานของการขับเคลื่อนในมิติอื่นๆ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยเข้าสู่ยุคประเทศไทย ๔.๐ ได้อย่างมีแบบแผน โดยเฉพาะองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางห้องปฏิบัติการเทคนิคการแพทย์ ที่มีบทบาทสําคัญอย่างยิ่งในการให้ข้อมูลผลการตรวจวิเคราะห์ต่างๆ แก่แพทย์หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการวินิจฉัย ติดตามรักษา หรือควบคุมโรคต่างๆ ตลอดจนการดูแลสุขภาพ ให้มีความแม่นยําและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อขยายโอกาสการเรียนรู้ เปิดช่องทางธุรกิจและสร้างความพร้อม ผนึกกําลังส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคร่วมกัน การเข้าร่วมจัดสัมมนาในงาน LAB Future & BIO Expo 2024 จึงเป็นต่อยอดองค์ความรู้ในวิชาชีพเทคนิคการแพทย์กับภาคีเครือข่ายภาคอีสานได้เป็นอย่างดี

 

          สําหรับแนวโน้มและความพร้อมของภาคอีสานต่อการพัฒนาไบโอเทคนั้น รศ.ดร.ประกิต สุขใย อุปนายก
สมาคมเทคโนโลยีชีวภาพแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อีสานสามารถพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านไบโอเทคด้านอาหารและเกษตรของประเทศได้ ด้วยศักยภาพการเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ เช่น ข้าว นํ้าตาล มันสําปะหลัง ตลอดจนงานวิจัยด้านไบโอเทคที่มีอยู่จํานวนมากในภาคอีสาน โดยมองว่าการเชื่อมต่อกับกลุ่มประเทศลุ่มนํ้าโขงที่เป็นแหล่งวัตถุดิบดิานการเกษตรเช่นเดียวกัน จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาองค์ความรู้ด้านไบโอเทคที่จะมีส่วนเสริมธุรกิจหรืออุตสาหกรรมอีสานให้มีมูลค่าสูงขึ้นได้ ทั้งนี้ สมาคมเทคโนยีชีวภาพแห่งประเทศไทย จึงได้จัดประชุม ISAN Biotech Conference ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน BIO Expo 2024 ในครั้งนี้

 

          ผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าเยี่ยมชมงาน LAB Future & BIO Expo 2024 ในวันที่ 9 – 10 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนเเก่น (ไคซ์)  ล่วงหน้าได้ที่ https://www.labfutureexpo.com/

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ บริษัท แอดลิบ แมเนจเม้นท์ จํากัด คุณกมลแก้ว ศรีนวล โทร 091 445 3116 หรือ Kamonkaeo@glowfishevents.com

SIAL Asia Pacific 2024 Events Pre-Launch

          เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โปรโมซาลงส์ ประเทศไทย หอการค้าฝรั่งเศส-ไทย และบริษัท Comexposium ได้จัดงานแถลงข่าว SIAL Asia Pacific 2024 Events Pre-Launch ณ โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ กรุงเทพฯ โดยได้รับเกียรติจาก MR. Henri Tan ประธานผู้จัดงาน South East Asia Comexposium กล่าวเปิดงาน รวมถึงวิทยากรพิเศษที่มาร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาด ภาพรวมความสำเร็จหลังการจัดงานแสดงสินค้าที่ผ่านมา รวมถึงการคาดการณ์ตลาดในปี พ.ศ.2567 โดยได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดเอเชียแปซิฟิกที่มีศักยภาพสูง อาทิ จีน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น

          จากการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดในประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก และมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจถึงร้อยละ 5 อีกทั้งยังมีการฟื้นตัวหลังจากสถานการณ์โควิดอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าจะมีอัตราการบริโภคต่อคนในปีพ.ศ. 2566-2571 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 จึงส่งผลให้จีนมีความต้องการอาหารที่มีคุณภาพจากทั่วโลกเพิ่มขึ้นซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของผู้บริโภคชนชั้นกลางในประเทศจีน โดยเมืองเซี่ยงไฮ้ถือว่าเป็นเมืองที่มีศักยภาพขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของโลกซึ่งคิดเป็นมูลค่านำเข้าและส่งออกถึงร้อยละ 20 ของประเทศ รวมถึงเป็นกลุ่มเมืองขนาดใหญ่ที่ร่ำรวยที่สุดในจีนซึ่งเป็นแหล่งรวมที่ตั้งของศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทต่างชาติจากทั่วโลกอีกด้วย และจากภาพรวมความสำเร็จของการจัดงาน SIAL เมืองเซี่ยงไฮ้ ในประเทศจีนที่ผ่านมา พบว่าผักเกล็ดหิมะ (South African Ice Plant Vegetable) ได้มีการจำหน่ายครั้งแรกและได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศจีน นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากงาน SIAL ที่ผ่านมา อาทิ ไอเบอริโกแฮม (Jamon iberico) จากสเปน อะโวคาโด รวมถึง Italian S.Pellegrino sparkling water และเนื้อสัตว์จากพืช นอกจากนี้ ได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดของเมืองเซินเจิ้น ในมณฑลกวางตุ้งซึ่งเป็นมณฑลที่มีอัตราการเติบโตของตลาดอาหารร้อยละ 15 ของทุกปี และเซินเจิ้นถือเป็นเมืองนวัตกรรมที่อยู่ในโครงการเศรษฐกิจพิเศษตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจีน และมีประชากรวัยทำงานที่มีอายุระหว่าง 15-59 ปี ถึงร้อยละ 79.53 โดยพบว่าการจัดงาน SIAL ในเมืองเซินเจิ้นที่ผ่านมานั้น มีอัตราผลตอบแทนการลงทุนที่สูงจากการหาคู่ค้าทางธุรกิจที่มีศักยภาพอีกด้วย นอกจากนี้ งาน SIAL Interfood 2023 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียที่ผ่านมา ก็ได้ตอกย้ำถึงความสำเร็จด้วยความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมจัดแสดงสินค้า และมีความสนใจที่จะเข้าร่วมงานอีกครั้งในปีหน้าถึงร้อยละ 98

          หากผู้ประกอบการไทยต้องการเพิ่มโอกาสในการหาคู่ค้าทางธุรกิจ ประชาสัมพันธ์สินค้า รวมถึงสำรวจตลาดที่น่าสนใจ งาน SIAL 2024 งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกนี้ คือคำตอบของคุณ โดยงาน SIAL ได้ขยายเครือข่ายมาสู่ตลาดเอเชียแปซิฟิกแล้ว และมีกำหนดงานแสดงสินค้าในปี พ.ศ.2567 ดังนี้

– จีน (เซี่ยงไฮ้): 28-30 พ.ค. 2567 (ไทยพาวิลเลียน)

– มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์): 2-4 ก.ค. 2567

– จีน (เซินเจิ้น): 2-4 ก.ย. 2567 (ไทยพาวิลเลียน)

– อินโดนีเซีย (จาการ์ตา): 13-16 พ.ย. 2567

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อทีมงาน Promosalons Thailand ได้ทางpromosalons@francothaicc.com หรือติดต่อ 02-650-9613 ต่อ 140