สนใจลงทะเบียนคลิก https://goo.gl/forms/dz4IHOsAbsk0I80S2
หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม คุณชาลินี 0869082377
สนใจลงทะเบียนคลิก https://goo.gl/forms/dz4IHOsAbsk0I80S2
หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม คุณชาลินี 0869082377
ร่วมแสดงความคิดเห็น U Share V Care ลุ้นรับของกำนัล Gift Voucher MK Restaurants 500 บาท จำนวน 2 รางวัล
ลุ้นรางวัลกับเราได้ตามลิงก์ด้านล่างเลย อย่าลืมกรอกให้ครบ..นะคะ
สหราชอาณาจักร, 10 – 15 เมษายน 2561
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรในระหว่างวันที่ 10 – 15 เมษายน 2561 ที่ผ่านมานี้ว่า การเดินทางดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแสวงหาความร่วมมือด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์หรือ Creative Economy โดยจะพบหารือกับหน่วยงานของ สหราชอาณาจักรที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการด้านองค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม ตลอดจนการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ภาคธุรกิจสร้างสรรค์ของสหราชอาณาจักรถือได้ว่าประสบความสำเร็จ ก่อให้เกิดการจ้างงาน การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ รวมถึงการพัฒนาด้านนวัตกรรม การเยือนสหราชอาณาจักรในครั้งนี้ จะเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการขับเคลื่อน Creative Economy ของทั้งสองประเทศ โดยมุ่งหวังให้เกิดความร่วมมือและเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรม นำไปสู่การพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการของไทย ตลอดจนเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในชุมชนฐานราก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว
นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะผู้รับผิดชอบการดำเนินการตามนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์หรือ Creative Economy ของกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หน่วยงานสำคัญที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มีกำหนดเข้าพบและหารือ ประกอบด้วย ผู้จัดงาน London Craft Week ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร จัดงานแสดงผลงานด้านหัตถรรมที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์จากสหราชอาณาจักรและประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวมกว่า 200 ราย โดยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในปีนี้เป็นครั้งที่ 4 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 13 พฤษภาคม 2561 ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศอยู่ระหว่างหารือกับผู้จัดงาน London Craft Week ถึงความร่วมมือในการจัดงานลักษณะเดียวกันในประเทศไทย
หน่วยงานที่สองได้แก่ Creative England เป็นหน่วยงานสนับสนุนด้านเงินทุนให้กับผู้ประกอบการ โดยร่วมกับพันธมิตรและนักลงทุนจากบริษัทเอกชนต่างๆ ให้บริการและสนับสนุนด้านเทคนิค สร้างเครือข่าย เชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่นในระดับประเทศและนานาชาติ หน่วยงานที่สามได้แก่ Cockpit Arts เป็นศูนย์บ่มเพาะทางธุรกิจสำหรับนักสร้างสรรค์งานหัตถศิลป์แห่งเดียวในสหราชอาณาจักร ทำหน้าที่สนับสนุนผู้ที่เริ่มต้นอาชีพและผู้ที่ได้จัดตั้งธุรกิจแล้วให้ประกอบธุรกิจได้ทั้งในและต่างประเทศ และหน่วยงานที่สี่ ได้แก่ Nesta เป็นองค์กรการกุศลด้านนวัตกรรม ทำหน้าที่แสวงหาแนวทางและแก้ไขปัญหาความท้าทายในปัจจุบัน เช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การบริการสาธารณะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกำหนดเยือนเมืองคาร์ดีฟซึ่งเป็นเมือง Creative City ที่สำคัญของสหราชอาณาจักร เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ในภูมิภาคของไทยสู่การเป็นเมืองสร้างสรรค์ต่อไป
สำหรับการค้าระหว่างประเทศของไทยกับสหราชอาณาจักรในปี 2560 มีมูลค่ารวม 7,019.90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 4,079.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการนำเข้ามูลค่า 2,940.69 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ช่วง 2 เดือนแรกของปี 2561 (มกราคม – กุมภาพันธ์) ไทยส่งออกไปยังสหราชอาณาจักรมูลค่า 676.13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าส่งออกสำคัญได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ และแผงวงจรไฟฟ้า ด้านการนำเข้ามีมูลค่า 469.63 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้านำเข้าสำคัญได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลมและสุรา เครื่องจักรไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม
กรุงเทพฯ, 23 เมษายน 2561
สสว. ผนึกสถาบันอาหาร ขับเคลื่อนโครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ปี 2561 หนุนรวมกลุ่มธุรกิจเกษตรมะพร้าวต่อเนื่องจากปี 2560 หลังสร้างยอดขายได้ไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท เพิ่มเครือข่ายใหม่กลุ่มธุรกิจเกษตรกล้วย ตั้งเป้ารวม 17 เครือข่าย มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรม ช่วยพัฒนาคุณภาพการผลิต การแปรรูป การเก็บรักษา สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ มั่นใจ SME ได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 2,300 ราย คาดเกิดการลงทุน และการจ้างงานเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 10 เชื่อช่วยลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจได้ถึง 70 ล้านบาท และเกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท
สำหรับกลุ่มเครือข่ายมะพร้าว เป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากปี 2560 ซึ่งมีเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการเข้าร่วมเป็นสมาชิกแล้ว 3,300 ราย สร้างการรวมกลุ่มได้ 26 เครือข่าย พัฒนาผู้ประสานงานเครือข่าย 80 ราย เพิ่มพื้นที่ปลูกใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ ส่งเสริมการทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ สร้างยอดขายเบื้องต้นได้ไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์มะพร้าวแปรรูป ซึ่งในปี 2561 นี้จะเป็นการต่อยอดขยายผล โดยการคัดเลือกเครือข่ายกลุ่มมะพร้าวเดิมบางส่วนมาเข้าร่วมกิจกรรมกับเครือข่ายรายใหม่ เพื่อเพิ่มพื้นที่ปลูกใหม่ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามแผนต่อไป
ส่วนกลุ่มเครือข่ายกล้วย เป็นการดำเนินการปีแรก โดยกล้วยที่เกษตรกรนิยมปลูก ได้แก่ กล้วยหอม กล้วยไข่ และกล้วยน้ำว้า มีผลผลิตรวมกันมากกว่า 1.5 ล้านตันต่อปี เพื่อรองรับความต้องการบริโภคกล้วยสดของตลาดต่างประเทศ โดยพบว่าในปี 2560 ที่ผ่านมา ไทยมีมูลค่าส่งออกกล้วยสดราว 467 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 41 เป็นการส่งออกไปจีนสูงสุดที่มูลค่า 340 ล้านบาท รองลงมาคือ ญี่ปุ่น 65 ล้านบาท และฮ่องกง 44 ล้านบาท ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จากกล้วยในลักษณะของสินค้าโอทอปประจำท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อการบริโภคในประเทศเป็นหลัก
ทั้งนี้โครงการฯ จะเข้าไปส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการเพาะปลูกกล้วย เพื่อรักษาคุณภาพผลผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด ตามมาตรฐานการส่งออก การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการเก็บรักษา การยืดอายุ การดูแลบรรจุภัณฑ์ โดยส่งเสริมให้เกษตรกรมีการปลูกกล้วยโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม(GAP) มีการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์กล้วยให้ได้คุณภาพมากขึ้น ตลอดจนการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ทั้งในมิติของขนมขบเคี้ยว อาหารหวาน เป็นต้น
สถาบันอาหารได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานดำเนินการโครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ในกลุ่มอุตสาหกรรมมะพร้าวและกล้วย ปี 2561 ขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดรับสมัครและคัดเลือกผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการจำนวน 2,300 ราย เพื่อให้เกิดการรวมกลุ่ม 17 เครือข่ายตามเป้าหมาย แบ่งเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมมะพร้าว 1,350 ราย และอุตสาหกรรมกล้วย 950 ราย โดยสถาบันอาหารจะนำผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการที่เกี่ยวข้องไปจัดอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพการดำเนินการธุรกิจให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ อาทิ จัดอบรมหลักสูตรมาตรฐานการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การพัฒนาคลัสเตอร์ การตลาดและการสร้างแบรนด์เชิงสร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังให้การส่งเสริมขยายช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ได้แก่ การนำสินค้าไปจำหน่ายในงานแสดงสินค้าต่างประเทศ หรือจัดให้มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ เป็นต้น
ผู้ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ทาง www.nfi.or.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณโกสีย์ และคุณภาสกร โทรศัพท์ 02 422 8688 ต่อ 9206-7 E-mail : khosee@nfi.or.th , patsakorn.ball@gmail.com