อย. ร่วมศึกษาดูงานที่ญี่ปุ่น ยกระดับนวัตกรรมอาหาร เดินหน้าขับเคลื่อน Positive list เพื่อผู้บริโภคไทย

           สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) เข้าร่วมภารกิจศึกษาดูงานด้าน Food Innovation & Food with Function Claims (FFC) ณ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเรียนรู้ระบบนิเวศด้านการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมอาหารมูลค่าสูง รวมถึงการกำกับดูแลการกล่าวอ้างทางสุขภาพของอาหารที่มีประสิทธิภาพและได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยขับเคลื่อนผ่านคณะทำงานจัดทำแนวทางและกลไกเพื่อสนับสนุนการจัดทำบัญชีรายการสารสำคัญการกล่าวอ้างหน้าที่อื่นของอาหารและส่วนประกอบของอาหาร (Positive Lists for Other Function Claims)  มีเภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหาร และยา เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน และเภสัชกรหญิงสุภาวดี ธีระวัฒน์สกุล ผู้อำนวยการกองอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นคณะทำงาน

 

          การศึกษาดูงานในครั้งนี้มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับหน่วยงานชั้นนำของญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาแนวทางที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านการส่งเสริมนวัตกรรมอาหารที่ปลอดภัย มีมาตรฐาน และสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันตลาดอาหารที่มีการกล่าวอ้างคุณสมบัติทางสุขภาพส่งออกและตลาดในประเทศประมาณ 258,000 ล้านบาท และในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 8-10 ต่อปี ซึ่งการพัฒนากลไก Positive list จะช่วยสนับสนุนให้อุตสาหกรรมอาหารไทยสามารถเพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์และสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

คณะผู้แทน อย. เข้าศึกษาดูงานหน่วยงานสำคัญของญี่ปุ่น ได้แก่

– RIKEN Center for Sustainable Resource Science (CSRS) ที่เน้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชีวภาพอย่างยั่งยืน

– Consumer Affairs Agency (CAA) หน่วยงานกลางดูแลกฎหมายและนโยบายคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงระบบการกล่าวอ้างคุณสมบัติของอาหาร (Food with Function Claims)

– National Agriculture and Food Research Organization (NARO) ศูนย์วิจัยด้านเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารของญี่ปุ่น

– ผู้ประกอบการอาหารเชิงหน้าที่ ที่พัฒนานวัตกรรมส่วนผสมอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยอิงงานวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์อย่างเข้มงวด

 

          เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวถึงความสำคัญของภารกิจครั้งนี้ว่า “ระบบการกำกับดูแลการกล่าวอ้างทางสุขภาพของอาหารที่อิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างเข้มงวดเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็เป็นกลไกสนับสนุนการพัฒนาและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการไทยให้เติบโตได้บนพื้นฐานของมาตรฐานสากล” อย. จึงอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อจัดทำ บัญชีรายการสารสำคัญและส่วนประกอบของอาหารที่สามารถกล่าวอ้างหน้าที่อื่น (Positive list) เป้าหมาย 150 รายการภายในปี พ.ศ. 2570 ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการกำกับดูแลที่ชัดเจน โปร่งใส และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและตลาดผลิตภัณฑ์สุขภาพ

          นอกจากนี้ ในระหว่างภารกิจที่ญี่ปุ่น เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ ยังได้รับเชิญให้ร่วมบรรยายในงานสัมมนา “การแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ในประเทศไทยสำหรับภาคธุรกิจ Healthcare และ Wellness” ซึ่งจัดโดยธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น (SMBC) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ณ สำนักงานใหญ่ของธนาคาร SMBC ในกรุงโตเกียว ในการบรรยายดังกล่าว เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ กฎระเบียบด้านการอนุมัติผลิตภัณฑ์สุขภาพโดยเฉพาะเครื่องมือแพทย์และผลิตภัณฑ์อาหารในประเทศไทย พร้อมทั้งเน้นย้ำนโยบายสำคัญรองรับแนวโน้มของตลาดสุขภาพไทยที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความพยายามของ อย. ในการยกระดับระบบกำกับดูแลให้มีความคล่องตัว โปร่งใส และเอื้อต่อการลงทุน โดยไม่ลดทอนมาตรฐานด้านความปลอดภัยของผู้บริโภค

          การมีส่วนร่วมของ อย. ทั้งในภารกิจศึกษาดูงานและการแลกเปลี่ยนในเวทีสัมมนาระดับนานาชาติครั้งนี้ สะท้อนบทบาทเชิงรุกขององค์กรในการขับเคลื่อนนโยบายอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสุขภาพ ความปลอดภัยของประชาชน และศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในเวทีโลก

ตรวจสอบอย่างถูกต้อง ปกป้องแบรนด์ของคุณ กับงานสัมมนาเครื่องตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมอาหาร

          ในยุคที่ความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคคือหัวใจสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน อุตสาหกรรมอาหาร การมีเครื่องมือตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและใช้งานได้อย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ เพื่อให้ธุรกิจของท่านเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นไปตามข้อกำหนดต่างๆ

          บริษัทเมทเล่อร์-โทเลโด (ประเทศไทย) ขอเชิญผู้ที่สนใจและผู้ประกอบการทุกท่าน เพื่อเข้าร่วมรับฟังสัมมนาพิเศษ ทั้งในรูปแบบออนไลน์และนอกสถานที่ตลอดเดือนสิงหาคม 2568 นี้ เพื่อให้เสริมความรู้และความเข้าใจในการตรวจสอบที่แม่นยำ ถูกต้อง และช่วยปกป้องแบรนด์ของท่านได้อย่างแท้จริง ได้แก่

– งานสัมมนาหัวข้อ “เจาะลึกเครื่องตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์: เลือกให้ใช่ ใช้ให้ชัวร์” ในวันพุธที่ 13 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมแกรนด์ อินเตอร์ โฮเทล จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อเน้นย้ำหลักการและทฤษฎีของเครื่องตรวจสอบผลิตภัณฑ์ สำหรับสิ่งที่ท่านต้องการตรวจสอบและเพิ่มความมั่นใจว่าสามารถตรวจสอบได้จริง ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติที่ได้เตรียมเนื้อหามาอย่างเข้มข้น รวมถึงการพูดคุยและตอบคำถามจากผู้เชี่ยวชาญทั้งฝ่ายขายและฝ่ายบริการ  ลงทะเบียนคลิก

 

งานสัมมนาออนไลน์ “แนวทางการเลือกเครื่องชั่งน้ำหนักอัตโนมัติ และการอ่านใบรับรองอย่างมืออาชีพ” ในวันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม 2568 พร้อมเรียนรู้เทคนิคการเลือกเครื่องชั่งน้ำหนักอัตโนมัติที่เหมาะสม เพื่อความแม่นยำในการตรวจสอบ สร้างผลกำไร ลดการแถม และวิธีอ่านใบรับรองประสิทธิภาพอย่างมืออาชีพ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการใช้งาน ลงทะเบียนคลิก

 

งานสัมมนาออนไลน์ “มั่นใจไร้สิ่งแปลกปลอมทุกกระสอบและบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ ด้วยเครื่องเอกซเรย์” ในวันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2568 ร่วมค้นพบโซลูชันการตรวจสอบด้วยเครื่องเอกซเรย์ เพื่อเสริมความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ในกระสอบและบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ของท่านปราศจากสิ่งปลอมปน  ลงทะเบียนคลิก

 

          ให้โซลูชันเครื่องตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์จากเมทเล่อร์-โทเลโด เป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างความมั่นใจให้กับธุรกิจของท่าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องตรวจจับโลหะ เครื่องเอกซเรย์ หรือเครื่องชั่งน้ำหนักบนสายพาน ซึ่งบริษัทฯ พร้อมมอบความรู้และสาระสำคัญที่จะช่วยให้กระบวนการผลิตของท่านปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

Continue reading “ตรวจสอบอย่างถูกต้อง ปกป้องแบรนด์ของคุณ กับงานสัมมนาเครื่องตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมอาหาร”

Anuga Meat 2025: The Leading Meat Industry Trade Show Under the Anuga Umbrella

 

             Anuga Meat is one of ten specialized trade shows held under the Anuga umbrella, the world’s largest food and beverage trade fair. As the central platform for the global meat industry, Anuga Meat brings together producers, processors, retailers, and industry experts. From October 4 to 8, 2025, the trade fair will showcase cutting-edge product innovations, market trends, and business opportunities, shaping the future of the sector.

            With its unique “10 trade shows under one roof” concept, Anuga enables cross-industry networking while Anuga Meat remains the go-to hub for the latest developments in meat processing, convenience products, and sustainability. The demand for ready-to-cook and high-quality frozen meat products is rising, reflecting modern consumer preferences for convenience without compromising taste.

Continue reading “Anuga Meat 2025: The Leading Meat Industry Trade Show Under the Anuga Umbrella”

อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ผนึก 3 สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว-อาหาร-บริการ พร้อมดึงผู้เชี่ยวชาญร่วมงาน Food & Hospitality Thailand 2025 หนุนการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน

            เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ได้ร่วมจัดงานเสวนา “พลิกเกมธุรกิจ ปรับกลยุทธ์ ธุรกิจบริการไทย” และงานแถลงข่าวการจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2025 ร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย และสมาคมสปาไทย เพื่อให้ข้อมูลภาพรวมสถานการณ์ แนวโน้มทิศทาง การพัฒนา และการปรับตัวของแต่ละกลุ่มธุรกิจ กลยุทธ์การจูงใจนักท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ซึ่งงานดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

            โดยนายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (Thai Hotels Association) กล่าวถึงทิศทางธุรกิจโรงแรมไทยและโอกาสใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยการท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบจากหลายปัญหา และพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป ผู้ประกอบการจึงต้องโฟกัสนักท่องเที่ยวในแต่ละช่วงเวลาให้มากขึ้น พร้อมทั้งเข้าใจในพฤติกรรม วัฒนธรรม รวมถึงหลักและข้อปฏิบัติทางศาสนาของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม ซึ่งประเทศไทยยังคงมีเสน่ห์และบริการที่โดดเด่น โดยเฉพาะโรงแรมระดับ Luxury ขณะที่โรงแรมระดับรองควรเน้นสร้างประสบการณ์และการบริการที่อบอุ่นไม่แพ้กัน นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแบบ Wellness, Healthcare และ Medical Tourism เป็นโอกาสใหม่ที่มีมูลค่าสูง

            ด้านนางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย ได้กล่าวถึงแนวทางการปรับตัวและพัฒนาร้านอาหารให้สามารถเติบโตได้ โดยมูลค่ารวมของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ 669,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงหรือเท่ากับปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา จากการระมัดระวังในการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่อาหารยังคงเป็นสิ่งจำเป็นทำให้เห็นกลุ่มธุรกิจร้านอาหารไปต่อได้ ซึ่งการแข่งขันด้านราคาไม่ใช่คำตอบเดียว แต่ต้องกลับมามองแก่นสำคัญของธุรกิจร้านอาหาร คือ รสชาติ คุณภาพ และความปลอดภัย อีกสิ่งสำคัญของร้านอาหารยุคนี้ คือ การสื่อสารและการสร้างเรื่องราวผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างตัวตนให้ผู้บริโภครู้จัก ธุรกิจร้านอาหารยุคนี้ต้องสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้ารู้สึกและอยากบอกต่อ รวมถึงเรียนรู้การใช้เทคโนโลยี เช่น การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

            สำหรับโอกาสด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศไทยนั้น นายสุนัย วชิรวราการ นายกสมาคมสปาไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ องค์ความรู้ บริการ และความเป็นไทยยังคงเป็น Soft Power ที่ขายได้ แต่สิ่งที่ทำให้การท่องเที่ยวกลุ่มนี้น่าสนใจมากขึ้น คือ บริการด้านการดูแลจิตใจ ฟื้นฟูความสุข และผ่อนคลายความเครียด เนื่องจากวันนี้คนทั่วโลกเผชิญกับความเครียด รวมถึงแรงกดดันจากสภาพแวดล้อมทางสังคม ธุรกิจ การทำงาน และการใช้ชีวิต ดังนั้น การท่องเที่ยวที่เยียวยาทั้งจิตใจและการพักผ่อนอย่างแท้จริงจึงได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ที่ผ่านมาการท่องเที่ยวกลุ่มนี้ถูกมองเป็นกลุ่มรอง จึงถึงเวลาทบทนใหม่อีกครั้งถึงแนวทางในการทำให้การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นหนึ่งในการท่องเที่ยวกระแสหลักและดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น

            สำหรับความพร้อมของงาน Food & Hospitality Thailand 2025 นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า การจัดงานปีนี้ยังคงเผชิญความท้าทายจากภาพรวมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป ซึ่งทำให้ไทยต้องปรับสมดุลใหม่ มุ่งเน้นนักท่องเที่ยวคุณภาพ รวมถึงยกระดับสินค้าและบริการสู่ความยั่งยืน ซึ่งงานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เชื่อมโยงสู่ความเป็นเลิศในอุตสาหกรรมอาหารและการบริการ” (Connecting Excellence in Food & Hospitality) โดยได้รับความร่วมมือจากกว่า 30 องค์กรภาครัฐ สมาคม และบริษัทชั้นนำ ที่มาร่วมจัดแสดงนวัตกรรม พร้อมทั้งกิจกรรมให้ความรู้ และนำเสนอทิศทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปต่อยอดได้จริง

Continue reading “อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ผนึก 3 สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว-อาหาร-บริการ พร้อมดึงผู้เชี่ยวชาญร่วมงาน Food & Hospitality Thailand 2025 หนุนการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน”

BENEO and WACKER Launch Human Milk Oligosaccharide within Global Strategic Partnership

BENEO จับมือ WACKER เปิดตัว 2’-FL ส่วนประกอบสำคัญในนมแม่สู่ตลาดโลก

          BENEO ผู้ผลิตส่วนผสมเพื่อสุขภาพระดับโลก และ WACKER ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพจากยุโรป ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “2’-Fucosyllactose (2’-FL)” ซึ่งเป็นโอลิโกแซ็กคาไรด์ในนมมนุษย์ (HMO) ที่พบมากที่สุดในนมแม่ และมีการศึกษามากที่สุดในปัจจุบัน โดยเตรียมวางจำหน่ายในตลาดยุโรปเร็วๆ นี้

 

          การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นผลสำเร็จแรกจากความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของทั้งสองบริษัท เพื่อยกระดับโภชนาการในช่วงวัยเริ่มต้นชีวิต โดย 2’-FL จะช่วยเพิ่มปริมาณและคุณภาพของ HMO ในตลาด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ผลิตนมสูตรสำหรับทารกทั้งรายใหญ่และรายย่อย

 

          2’-FL เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหาร แต่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ เสริมภูมิคุ้มกัน และส่งผลดีต่อสุขภาพเมตาบอลิซึม และการพัฒนาระบบประสาทของทารก จึงช่วยให้นมสูตรนี้มีคุณสมบัติใกล้เคียงน้ำนมแม่ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานที่สำคัญที่สุดของโภชนาการทารก

 

          สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ WACKER รับหน้าที่ผลิต 2’-FL ในยุโรป ด้วยกระบวนการหมักแบบแม่นยำ (precision fermentation) ขณะที่ BENEO รับผิดชอบด้านการตลาด โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านวิจัยและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของตลาดโภชนาการสำหรับทารกทั่วโลก

 

          ทั้งสองบริษัทต่างแสดงความยินดีต่อความร่วมมือในครั้งนี้ โดยคาดการณ์ว่าความต้องการ HMO ทั่วโลกจะเติบโตจาก 180 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 เป็นเกือบ 900 ล้านดอลลาร์ในปี 2032 หรือเติบโตเฉลี่ยกว่า 17% ต่อปี ซึ่งสะท้อนจากจำนวนผลิตภัณฑ์นมสูตรที่ใช้ HMO เพิ่มขึ้นจาก 4% เป็น 20% ในช่วงปี 2018 ถึง 2023

Continue reading “BENEO and WACKER Launch Human Milk Oligosaccharide within Global Strategic Partnership”

LABDAY Open House 2025: พร้อมยกระดับทักษะเครื่องมือห้องปฏิบัติการเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร

บริษัท เมทเล่อร์-โทเลโด (ประเทศไทย) จำกัด ขอขอบคุณลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมอาหารกว่า 70 ท่าน ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมงาน LABDAY Open House 2025 เมื่อวันที่ 20-21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา

ตลอด 2 วันนี้ บริษัทฯ ได้มอบความรู้และประสบการณ์เข้มข้น เพื่อช่วยยกระดับทักษะการใช้งานเครื่องมือในห้องปฏิบัติการของท่าน ผ่านการบรรยาย 4 หัวข้อ และเวิร์คชอป 3 กิจกรรม ที่ครอบคลุมเครื่องมือสำคัญ อาทิ เครื่องชั่งน้ำหนัก เครื่องวัดความชื้น เครื่องวัด pH เครื่องไทเทรตอัตโนมัติ สเปกโตรโฟโตมิเตอร์ และปิเปตต์ โดยผู้เข้าร่วมงานได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีที่เจาะลึกถึงหลักการทำงาน พร้อมเสริมความเข้าใจด้วยกิจกรรมภาคปฏิบัติ ที่เปิดโอกาสให้ทุกท่านได้สัมผัสและทดลองใช้งานเครื่องจริงในหลากหลายรุ่นและฟังก์ชันการใช้งาน

     

          ในงานครั้งนี้ บริษัทฯ มีความตั้งใจในการมอบความรู้และประสบการณ์ ที่จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการสามารถวิเคราะห์ผลได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนการตรวจสอบวัตถุดิบต้นทาง การควบคุมคุณภาพระหว่างกระบวนการผลิต รวมไปถึงการตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุดท้าย เพราะการได้รับผลการวิเคราะห์ที่ถูกต้อง แม่นยำ และเชื่อถือได้ จะช่วยลดความผิดพลาดในกระบวนการผลิต ลดการสูญเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของไลน์การผลิตอาหารได้ ซึ่งล้วนส่งผลให้ห้องปฏิบัติการเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยที่เข้มงวด

Continue reading “LABDAY Open House 2025: พร้อมยกระดับทักษะเครื่องมือห้องปฏิบัติการเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร”

BGG Announces Major New Investment at World’s Largest Astaxanthin Plant

          BGG เดินหน้าขยายโรงงานผลิตแอสตาแซนธินในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน โดยรวมกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่เพาะเลี้ยงสาหร่าย การสกัด การอบแห้ง บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการวิจัยให้อยู่ภายในพื้นที่ 20 กม. จากเดิมที่ห่วงโซ่การผลิตยาวถึง 2,000 กม. นอกจากนี้ BGG ยังเปิดห้องวิจัยแห่งใหม่ พร้อมเพิ่มทีมวิจัยมากกว่าสองเท่า มุ่งเน้นนวัตกรรมด้านสาหร่ายขนาดเล็กและคุณภาพของสารสกัด โดยร่วมมือกับสถาบันวิจัยจากทั้งในและต่างประเทศ

          การลงทุนนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และลดคาร์บอนฟุตพรินต์ พร้อมเปิดโรงงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: support@bggworld.com หรือ www.bggworld.com

Continue reading “BGG Announces Major New Investment at World’s Largest Astaxanthin Plant”

“THAIFEX – ANUGA ASIA 2025” เวทีการค้าอาหารระดับโลก กลับมาจัดยิ่งใหญ่ ครบวงจรที่สุดในเอเชีย 27-31 พ.ค. นี้ คาดขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 98,000 ล้าน

            กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับ หอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ่ เยอรมนี ประกาศจัดงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในเอเชีย “THAIFEX – ANUGA ASIA 2025” ในวันที่ 27-31 พฤษภาคม 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เปิดเวทีให้ผู้ประกอบการได้มาค้นหาสินค้าและนวัตกรรมอาหาร สร้างโอกาสทางธุรกิจ และเปิดมุมมองใหม่ทางธุรกิจ พร้อมทั้งตอกย้ำบทบาทไทยในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอาหารโลก ภายใต้นโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกของกระทรวงพาณิชย์ เปิดเจรจาธุรกิจทั้ง 5 วัน และเปิดให้ประชาชนเข้าชมและเลือกซื้อสินค้าในวันสุดท้าย

 

            นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีความได้เปรียบในด้านอุตสาหกรรมอาหาร ทั้งจากความหลากหลายของวัตถุดิบ ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ และความสามารถของผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาและปรับตัวได้อย่างสอดคล้องกับตลาดโลก จากจุดแข็งดังกล่าว รัฐบาลจึงเดินหน้านโยบาย “ครัวไทยสู่ครัวโลก” อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมทั้งส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านอาหารของภูมิภาค

            ในส่วนของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการผลักดันการค้าไทยสู่ตลาดโลก ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยกว่า 700 กิจกรรม โดยตั้งเป้าสร้างมูลค่าการค้ารวมกว่า 92,000 ล้านบาท และช่วยเหลือผู้ประกอบการกว่า 260,000 ราย โดยมีทูตพาณิชย์ 58 แห่งทั่วโลกทำงานเชิงรุก ติดตามสถานการณ์ทางการค้าอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ได้ยกระดับโครงการ Thai SELECT ที่มี 1,779 แห่งทั่วโลก โดยจะปรับเกณฑ์การรับรองเป็นระบบดาวผ่านสัญลักษณ์รูปดอกกล้วยไม้

            “งาน THAIFEX – ANUGA ASIA ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจของกรมฯ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้แสดงศักยภาพ เจรจาธุรกิจ และเรียนรู้แนวโน้มอุตสาหกรรมระดับโลก ภายในงานจะมีทั้งการแสดงสินค้า เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ ควบคู่กับกิจกรรมให้ความรู้ เวิร์กชอป และการแข่งขันระดับนานาชาติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีโลก” นางสาวสุนันทา กล่าว

 

           สำหรับ THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 มีกระแสตอบรับที่ดีมาก ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า โดยมีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ารวม 3,233 บริษัท 6,205 คูหา จากประเทศไทยและอีกกว่า 56 ประเทศทั่วโลก นำสินค้ามาจัดแสดงอย่างครบครัน ทั้งเครื่องดื่ม อาหารสำเร็จรูป เทคโนโลยีอาหาร อาหารแช่แข็ง ผักและผลไม้ เนื้อ ข้าว อาหารทะเล ขนมและของขบเคี้ยว โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน (trade visitor) ตลอดทั้ง 5 วัน กว่า 90,000 ราย จากทั่วโลก คาดการณ์มูลค่าการสั่งซื้อสินค้าทันทีและการสั่งซื้อสินค้าภายใน 1 ปี รวมกว่า 98,000 ล้านบาท

           “จากความร่วมมือของพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศอย่างหอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ่ เยอรมนี จะทำให้งาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 เป็นมากกว่างานแสดงสินค้า แต่จะเป็นศูนย์กลางความร่วมมือทางธุรกิจระดับภูมิภาค และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต” นางสาวสุนันทา กล่าว

           ดร.กฤษณะ วจีไกรลาศ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า THAIFEX – ANUGA ASIA ถือเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ขยายตลาดอาหารและเครื่องดื่มสู่เวทีนานาชาติ โดยปัจจุบันประเทศไทยครองอันดับ 12 ของโลกด้านการส่งออกอาหาร และมีแนวโน้มว่าการส่งออกอาหารในปี 2568 จะมีมูลค่าถึง 1,750,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 จากปีก่อนหน้า ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “ครัวไทยสู่ครัวโลก” ที่มุ่งผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการส่งออกอาหารของโลก

           THAIFEX – ANUGA ASIA ในฐานะงานแสดงสินค้าด้านอุตสาหกรรมอาหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของไทย ทั้งในกลุ่มผู้ประกอบการ SME สตาร์ตอัป และบริษัทขนาดใหญ่ ให้สามารถเชื่อมโยงกับผู้นำเข้า ผู้ซื้อ และพันธมิตรทางธุรกิจจากทั่วโลก โดยในปีนี้คาดว่าจะมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม 1,184 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการ SME มากกว่า 500 ราย ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของไทยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายตลาดระหว่างประเทศ ทั้งยังมีผู้ประกอบการจากต่างประเทศเข้าร่วมอีกกว่า 2,000 ราย จากภูมิภาคต่างๆ อาทิ เอเชียตะวันออก อาเซียน ยุโรป สหรัฐอเมริกา ลาตินอเมริกา และแอฟริกา

           สำหรับ THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 ปีนี้ เน้นการเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยเข้ากับเมกะเทรนด์ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ Plant-Based, Sustainable Products, Functional Foods และสินค้าเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นหมวดหมู่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดยุโรปและจีน ผู้ประกอบการจะมีโอกาสนำเสนอนวัตกรรมสินค้าใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกซึ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสามารถต่อยอดสู่ตลาดสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

           “จากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการ SME รายหนึ่งเข้าร่วมงานด้วยบูธขนาดเล็ก แต่สามารถคว้ารางวัล THAIFEX – ANUGA tasteInnovation Award จากงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 และได้นำตรารางวัลไปต่อยอดสร้างแบรนด์จนสามารถปิดดีลกับผู้ซื้อจากอินเดียได้สำเร็จ สะท้อนให้เห็นว่า THAIFEX – ANUGA ASIA ไม่เพียงเป็นเวทีการเจรจาธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจและโอกาสใหม่ๆ สำหรับผู้ประกอบการไทยในการก้าวสู่เวทีโลก” ดร.กฤษณะ กล่าว

           นายแมธเธียส คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการและรองประธานภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก โคโลญเมสเซ่ ย้ำถึงบทบาทเชิงกลยุทธ์ของงาน THAIFEX – ANUGA ASIA ในฐานะศูนย์กลางระดับภูมิภาคสำหรับการพบปะและเชื่อมโยงธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก โดยกล่าวว่า “จุดเด่นที่ทำให้ THAIFEX – ANUGA ASIA แตกต่าง คือความสามารถในการสะท้อนภาพพฤติกรรมผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการเป็นแรงผลักดันให้นวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในวงกว้าง”

           สำหรับงานปีนี้ได้รับการตอบรับจากผู้นำในอุตสาหกรรมที่กลับมาเข้าร่วมงานจากทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิก ยุโรป อเมริกาเหนือ และตะวันออกกลาง ขณะเดียวกันยังได้ต้อนรับผู้จัดแสดงสินค้ารายใหม่จากเอเชียกลาง แอฟริกา และยุโรปตะวันออก อาทิ สโลวีเนีย คีร์กีซสถาน และสโลวาเกีย โดยบูธแสดงสินค้าทั้งหมดถูกจองเต็มล่วงหน้า พร้อมรายชื่อผู้รอคิวเข้าร่วมงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความต้องการที่สูงเกินกว่าพื้นที่ที่มี และตอกย้ำความสำคัญของงานในฐานะแหล่งจัดหาสินค้าและเครื่องชี้วัดเทรนด์สำคัญของภูมิภาคนี้


Continue reading ““THAIFEX – ANUGA ASIA 2025” เวทีการค้าอาหารระดับโลก กลับมาจัดยิ่งใหญ่ ครบวงจรที่สุดในเอเชีย 27-31 พ.ค. นี้ คาดขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 98,000 ล้าน”