Food Safety Culture: Creating Sustainability Based Food Safety Management System

Food Safety Culture เพื่อสร้างระบบการจัดการความปลอดภัยอาหารอย่างยั่งยืน

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุดสาย ตรีวานิช

Assistant Professor Sudsai Trevanich, Ph.D.

Department of Food Science and Technology

Faculty of Agro-Industry, Kasetsart University

fagisstn@ku.ac.th

Full article TH-EN 

 

Food Safety Culture  ในโรงงานอาหาร หมายถึง การที่ทุกคน ไม่ว่าเจ้าของ ผู้จัดการ หรือพนักงาน คิดและปฏิบัติอะไรและอย่างไรต่องานที่ได้รับมอบหมาย เพื่อประกันได้ว่าอาหารที่ผลิตมีความปลอดภัย และเกิดความภาคภูมิใจต่อตนเองในการเป็นส่วนร่วมของการผลิตอาหารปลอดภัยในทุกครั้ง ทั้งยังมีความตระหนักถึงคุณภาพอาหารที่ผลิตมีความปลอดภัยต่อการบริโภค การมี Food Safety Culture ที่เข้มแข็งย่อมส่งเสริมให้โรงงานอาหารบรรลุเป้าหมายทางความปลอดภัยอาหาร ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและตอบสนองความพึงพอใจของผู้บริโภค การสร้าง Food Safety Culture ให้เกิดขึ้น พนักงานทุกคนในโรงงานอาหารต้องมีส่วนร่วม เข้าใจถึงความสำคัญของการผลิตอาหารปลอดภัย และมีพันธะสัญญาในการปฏิบัติเพื่อผลิตอาหารปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา

 

อย่างไรก็ตาม การทำให้พนักงานเกิดความตระหนักถึงความสำคัญของความไม่ปลอดภัยอาหารจากการปฏิบัติหรือพฤติกรรมที่เคยชิน เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนไปสู่การปฏิบัติหรือพฤติกรรมที่เหมาะสมต่อการผลิตอาหารปลอดภัย และพฤติกรรมดังกล่าวยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องอย่างยั่งยืนตลอดเวลา ไม่ว่าจะมีการตรวจติดตามอยู่หรือไม่ก็ตาม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของพนักงานทุกคน โดยเฉพาะพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับสุขภาพและความปลอดภัย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว มีปัจจัยหลายอย่างที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือการปฏิบัติของพนักงาน เพื่อสร้าง Food Safety Culture ให้เกิดขึ้น ทำให้เข้มแข็งขึ้น และรักษาให้คงอยู่ตลอดเวลา อาทิเช่น เจ้าของหรือผู้บริหารสูงสุดของโรงงาน ผู้จัดการ และพนักงานทุกคน เป็นต้น

 

Food safety culture in a food factory means that whether the owner, manager, or employee thinks and how they respond to assigned task to ensure that food is safe for consumption, and pride of themselves on being involved in the production of food safety at all times. Moreover, they also have an awareness of food quality which is safe for consumption (Food Standards Australia New Zealand). To have strong food safety culture can encourage food factory to achieve the goal of food safety, while also effect on consumer confidence and their satisfaction. To create food safety culture, all employees in food factory must be involved, understand the importance of food safety production, as well as have a practice commitment to produce safe food at all times.

 

Nevertheless, to make employees aware of the importance of non-food safety from their practice or familiar behavior in order to encourage them to change their inappropriate practice or behavior to appropriate manner for safety food production and in sustainably way, whether there are monitoring measure or not. It is not easy to change employee’s behavior, in particularly behavior that related to health and safety. Many factors such as, owner or top executive, manager or supervisor and all employees are involved with the change of behavior and employee’s practice to create food safety culture, make it strong and be sustainable.

Blockchain … Level Up Consumer Confidence and Marketing Opportunities

 

กองบรรณาธิการ

Editorial Team

Food Focus Thailand Magazine

editor@foodfocusthailand.com

 Full article TH-EN 

 

 

Blockchain (บล็อกเชน) นับเป็นอัลกอริทึมประเภทหนึ่งสำหรับการสร้างฉันทามติ (Consensus) และเป็นหนึ่งในรูปแบบของ Distributed ledger ซึ่งบล็อกเชนจะบรรจุข้อมูลดิจิทัลที่ไม่สามารถทำการแก้ไขได้ โดย

ข้อมูลจะถูกนำมารวมกันในบล็อก (Block) แล้วแต่ละบล็อกก็จะร้อยเรียงต่อกันเป็นสายโซ่ (Chain)

 

บล็อกเชนได้ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางมากขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร แต่ในต่างประเทศหลายประเทศเทคโนโลยีที่ให้ความปลอดภัยแก่ข้อมูลอย่างสูงสุดนี้นั้นได้ถูกนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม และแน่นอนว่าอุตสาหกรรมอาหารซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ก็มีการนำไปใช้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการนำมาใช้เพื่อเพิ่มความมั่นใจของผู้บริโภคในความปลอดภัยของอาหารตลอดห่วงโซ่ และอาจรวมไปถึงการใช้เพื่อการตลาดด้วย

 

บล็อกเชนคืออะไร

บล็อกเชนถือเป็น Distributed ledger technology ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนที่อยู่ในกระบวนการผลิตอาหารสามารถบันทึกธุรกรรมต่างๆ ไว้ให้อยู่ในคลังข้อมูลที่ไม่ผูกขาดให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นศูนย์กลาง โดยข้อมูลเหล่านั้นจะถูกบันทึกไว้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์แทนการจดลงทันทึกไว้ในที่เดียว ธุรกรรมต่างๆ จะต้องได้รับการอนุมัติผ่านฉันทามติและคุ้มครองผ่านการเข้ารหัส รวมทั้งไม่สามารถปกปิดเป็นความลับได้ภายในระบบบล็อกเชน ซึ่งป้องกันไม่ให้มีคนใดคนหนึ่งแก้ไขหรือดัดแปลงข้อมูล ผู้ที่อยู่ในระบบบล็อกเชนก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลในระบบการผลิตทั้งหมดได้ เช่น เมื่อชาวไร่ข้าวสาลีบันทึกการขายข้าวสาลี จนเมื่อวันหนึ่งข้าวนั้นถูกนำไปดัดแปลงเป็นซีเรียลผ่านโรงสี ร้านค้าที่ซีเรียลนั้นจัดจำหน่ายอยู่ก็จะทราบข้อมูลทั้งหมดตั้งแต่ต้นน้ำ

 

Blockchain is perceived an algorithm to create consensus and a kind of distributed ledger. It contains digital data that cannot be edited in a block that chains up altogether.

 

Blockchain has been increasingly talked about in Thailand especially in financial sector, but in many countries, this ultimately safe data system has been applied to various industries already, not to mention a huge industry like the food industry. The technology has been used to ensure consumers about the safety of their food throughout the chain as well as to marketize the product.

 

What is Blockchain?

Blockchain is a distributed ledger technology that allows all members of a supply chain to record transactions in a decentralized data log maintained on a network of computers, rather than a physical ledger or a single database. Transactions must be approved through consensus, and everything is secured through cryptography. A transaction is immutable once added to the blockchain, which prevents participants from manipulating or altering the records. Participants also all gain access to data across the supply chain. For example, as soon as a wheat farmer records a transfer of wheat — that will one day become cereal — to the mill, the grocery store will know about it.

Authentic Japanese Soy Sauce Defined by JAS

ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่นแท้ตามมาตรฐาน JAS

 

หทัยภัทร ธีรศรัณย์

Hathaiphat Terasarun

Researcher

Yamamori R&D Center

hathaiphat@yamamoritrading.com

 

Full article TH-EN 

 JAS (Japanese Agricultural Standard) มาตรฐานการเกษตรของญี่ปุ่น จัดตั้งขึ้นโดยกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง (MAFF) ประเทศญี่ปุ่น เป็นระบบการตรวจรับรองผลิตภัณฑ์โดยหน่วยงาน เช่น ผู้ผลิต ผู้ประกอบการหรือบุคคลที่สามที่ให้บริการตรวจประเมินและรับรองระบบตามข้อกำหนด เพื่ออนุญาตให้สินค้าที่ผ่านการรับรองสามารถใช้เครื่องหมายมาตรฐาน JAS ติดบนฉลากของผลิตภัณฑ์ได้

 

ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น…หนึ่งในรายการสินค้ามาตรฐาน JAS

มาตรฐาน JAS ระบุว่าซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น หรือ “โชยุ” นั้นมีหลากหลายประเภท อาทิ “โคอิคุชิโชยุ” ซอสถั่วเหลืองแบบทั่วไป “อุซุคุจิโชยุ” ซอสถั่วเหลืองชนิดสีอ่อน “ทามาริโชยุ” ซอสถั่วเหลืองที่ใช้ข้าวสาลีเป็นวัตถุดิบในปริมาณต่ำหรือไม่ใช้เลย “ซาอิชิโคมิโชยุ” ซอสถั่วเหลืองที่ถูกนำกลับมาหมักซ้ำ “ชิโรโชยุ” ซอสถั่วเหลืองที่มีสีอ่อนกว่าอุซุคุจิโชยุ และ “คิอาเกะ” ซอสถั่วเหลืองดิบ โดยซอสถั่วเหลืองแต่ละชนิดจะมีลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกันและยังใช้สำหรับอาหารที่แตกต่างกันด้วย

 

“คิอาเกะ” ซอสถั่วเหลืองดิบ

คือ โชยุที่ผลิตโดยไม่ผ่านกระบวนการให้ความร้อน ทำให้ซอสถั่วเหลืองมีรสชาติและกลิ่นน้อยกว่าปกติ รวมถึงยังส่งผลให้มีจุลินทรีย์ที่มีชีวิตและเอนไซม์ที่ทำงานได้คงเหลืออยู่อีกด้วย โชยุชนิดดังกล่าวจึงค่อนข้างมีความเป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจ เนื่องจากเอนไซม์ที่เหลืออยู่นั้นเป็นประโยชน์ในการปรุงอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ที่หมักด้วย “คิอาเกะ” ประมาณ 30 นาที สามารถลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของเนื้อ และยังให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มและชุ่มฉ่ำเมื่อเทียบกับการหมักด้วยซอสถั่วเหลืองประเภทอื่น

 

 

JAS (Japanese Agricultural Standard) was established by the Ministry of Agriculture, Forestry and Fisheries of Japan. The JAS system is the certification system to allow to attach the JAS marks to the products which are produced and inspected by the only certified business entities such as producers, manufacturers or the others certified by the Registered Certifying Bodies of third party organization.  

 

Japanese Soy Sauce: One of the Items Listed in JAS Products

In terms of Japanese soy sauce, in JAS, “Shoyu” means soy sauce in Japanese which is classified into various types: Koikuchi shoyu (Common soy sauce), Usukuchi shoyu (Light color soy sauce), Tamari shoyu, Saishikomi shoyu (Refermented soy sauce), Shiro shoyu (Extra light color soy sauce) and Kiage (Raw soy sauce). Each type of soy sauce has its unique character and is selected to use for specific cuisines.

 

Raw Soy Sauce (Kiage)

Kiage (Raw soy sauce), on the other hand, is literally produced without heating process, microbes still remain as same as active enzymes, which cause particular soy sauce aroma and taste are less than common. Kiage is quite unique and interesting if the remaining enzymes usefully work on food stuff for cooking, for example, 30-minute marinated meat by Kiage can reduce unexpected meat smell together with enhance tender and juicy texture compare to another type of soy sauce.

The Top 10 Frozen Food Trends

10 เทรนด์โดนๆ ของผลิตภัณฑ์อาหารแช่เยือกแข็ง

 

กองบรรณาธิการ

Editorial Team

Food Focus Thailand Magazine

editor@foodfocusthailand.com

Full article TH-EN 

 

ข้อมูลจาก Alliedmarketresearch คาดการณ์ว่า ภายในปี 2563 ตลาดอาหารแช่เยือกแข็งทั่วโลกจะมีมูลค่า 306 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 4.1 ต่อปีในช่วงปี 2558-2563 ผลิตภัณฑ์อาหารแช่เยือกแข็งที่ได้รับความนิยม ได้แก่ อาหารพร้อมรับประทาน ผักและผลไม้ เนื้อสัตว์และสัตว์ปีก อาหารทะเล ซุป เป็นต้น เรามาดูกันว่า 10 เทรนด์โดนๆ ของผลิตภัณฑ์อาหารแช่เยือกแข็งมีอะไรกันบ้าง

 

เทรนด์ที่ 1: ใส่ใจสุขภาพ

Nestle ได้ออกแคมเปญ ‘Kitchen Cupboard’ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการใช้ส่วนผสมและวัตถุเจือปนอาหารลง นอกจากนี้ยังมีการใช้สตาร์ชธรรมชาติทดแทนการใช้สตาร์ชดัดแปรอีกด้วย

 

เทรนด์ที่ 2: ส่งมอบสินค้าพรีเมียม

แคมเปญ ‘Power of Frozen’ ในประเทศไอซ์แลนด์ที่ได้สื่อสารข้อมูลไปสู่ผู้บริโภค และสร้างยอดขายได้ปังเลยทีเดียว

 

เทรนด์ที่ 3: สร้างสรรค์นวัตกรรมโซลูชันการจัดเก็บ

ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ส่วนใหญ่ได้ลงทุนไปกับระบบออโตเมชันและมีการนำเทคโนโลยีล่าสุดมาประยุกต์ใช้

 

เทรนด์ที่ 4: ปรับเปลี่ยนมุมมองต่ออาหารแช่เยือกแข็ง

มุมมองของผู้บริโภคที่มีต่ออาหารแช่เยือกแข็งได้เปลี่ยนไป หมดยุคกับความคิดที่ว่าต้องเลือกระหว่างการกินของที่มีคุณภาพดีกับการได้มาซึ่งความสะดวกสบายเสียแล้ว

 

เทรนด์ที่ 5: รับประทานผักและผลไม้วันละ 5 อย่าง   

ข้อมูลการศึกษาจาก Global Industry Analytics Inc. ระบุว่าตลาดผักและผลไม้แช่เยือกแข็งทั่วโลกจะแตะยอดถึง 28.2 ล้านตันภายในปี 2563

 

เทรนด์ที่ 6: เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต

ท่ามกลางสังคมที่เร่งรีบ ผู้คนต่างมีเวลาในการเตรียมและปรุงอาหารเองน้อยลงทุกที ผลิตภัณฑ์อาหารแช่เยือกแข็งจึงเข้ามาตอบโจทย์นี้

 

เทรนด์ที่ 7: มุ่งสู่ออนไลน์

ปัจจุบันเราซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น ทาง Tesco และ Bird’s Eye ก็ได้ตอบรับกระแสนี้โดยใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียเพื่อเพิ่มยอดขายในช่องทางออนไลน์

 

เทรนด์ที่ 8: ไม่ได้มาเล่นๆ

Kantar Worldpanel ได้รายงานว่า ในช่วงปีที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ขนมหวานแช่เยือกแข็งเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 สร้างยอดขายโดยรวมถึง 300 ล้านปอนด์ ด้านยอดขายผลิตภัณฑ์ปลาแช่เยือกแข็งก็เติบโตขึ้นร้อยละ 1.5 คิดเป็นมูลค่า 760 ล้านปอนด์

 

เทรนด์ที่ 9: ตื่นตากับการลงทุน

ตอกย้ำด้วยผู้ผลิตแซนด์วิชรายใหญ่ของโลกอย่าง Greencore ที่ได้เข้าซื้อกิจการของ Peacock Foods ผู้ผลิตแซนด์วิชแช่เยือกแข็งในสหรัฐอเมริกาด้วยงบถึง 747.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 594.3 ล้านปอนด์

 

เทรนด์ที่ 10: ไม่มีสัญญาณของการชะลอตัว

การคาดการณ์จากบริษัทวิจัยตลาดรายใหญ่อย่าง Technavio ระบุว่าขนาดตลาดของอาหารแช่เยือกแข็งจะขยับเข้าใกล้ตัวเลข 290 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2562 นี้

 

 

Referred to Alliedmarketresearch, global frozen food market is expected to garner USD 306 billion by 2020, registering a CAGR of 4.1% during the forecast period 2015-2020. The most widely used frozen food products include frozen ready-to-eat meals, fruits & vegetables, meat & poultry, seafood, soups and similar array of products. Let’s see what the top 10 frozen food trends are.

 

TREND 1: A Focus on Health

Nestle whose ‘Kitchen Cupboard’ campaign aims to reduce ingredients and additives and to replace modified food starch with native starch; all whilst retaining the benefits of frozen food.

 

TREND 2: Premium Products

Campaigns such as Iceland’s ‘Power of Frozen’ have communicated this change and it has resulted in an increase in sales.

 

TREND 3: Innovative Storage Solutions

Most of logistics providers continue to invest heavily in automation and the latest technology.

 

TREND 4: Changing Perceptions towards Frozen Food

It is no longer guaranteed that there has to be a trade-off between eating well and convenience and this is supported by better quality frozen food products.

 

TREND 5: Part of your 5-a-day

According to a study by Global Industry Analytics Inc., the “frozen fruits and vegetables market is projected to reach 28.2 million tons by 2020”.

 

TREND 6: Lifestyle Changes

In an increasingly hectic society, people are finding it more difficult to find the time to prepare meals. Frozen food offers flexibility when cooking.

 

TREND 7: Going Online

The way we buy products is rapidly moving online and the frozen food market is no different. Tesco and Bird’s Eye have sought to capitalize on this trend by utilizing social media to drive ecommerce sales.

 

TREND 8: Frozen Food is Big Business

Consumer knowledge company Kantar Worldpanel reported that frozen confectionery has seen huge growth over the past year, with sales increasing by 7% helping total sales reach £ 300 million. Coupled with the rising sales of frozen fish products (a 1.5% rise to £ 760 million).

 

TREND 9: Investment

This is underlined by Greencore, the world’s largest sandwich manufacturer, confirming the purchase of US frozen sandwich makers Peacock Foods for USD 747.5 million (£ 594.3 million).

 

TREND 10: Showing No Signs of Slowing

Technavio, a leading market research company, predicts that the size of the frozen food market will near USD 290 billion by 2019.

Import and Export Regulations of the Federation of Malaysia

กฎระเบียบเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกของประเทศมาเลเซีย

 

ศูนย์พัฒนาการค้าและธุรกิจไทย ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

AEC Business Support Center

Thai Trade Center at Kuala Lumpur, Malaysia

 Full article TH-EN  

ขั้นตอนการนำเข้าสินค้าของมาเลเซีย

กรมศุลกากรและกรมสรรพสามิตของมาเลเซียเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการเก็บภาษีทางอ้อม เช่น ภาษีศุลกากร (ภาษีนำเข้าและส่งออก) ภาษีสรรพสามิต ภาษีการขาย ภาษีบริการ ภาษีรถยนต์ รวมทั้งควบคุมการส่งสินค้าและสิ่งของที่เข้ามายังมาเลเซียหรือส่งออกจากมาเลเซีย

 

กรมศุลกากรและกรมสรรพสามิตจะร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตสำหรับการนำเข้าสินค้า ได้แก่ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช สัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์สัตว์ปีก

 

สินค้านำเข้าที่ส่งมาถึงมาเลเซียทั้งภาคพื้นดินและด่านศุลกากรที่ท่าอากาศยานจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรโดยกรอบแบบฟอร์ม Customs No.1 ไม่ว่าสินค้านั้นจะเสียภาษีนำเข้าหรือไม่ โดยจะต้องแจ้งจำนวนและลักษณะของสินค้า และบรรจุหีบห่อ มูลค่า น้ำหนัก ปริมาณหรือหน่วยวัด แหล่งกำเนิดสินค้า จุดหมายปลายทางของสินค้า โดยจะต้องยื่นแบบฟอร์มดังกล่าวแก่ด่านศุลกากรที่สินค้านั้นถูกนำเข้ามา

 

กฎหมายด้านอาหาร

กฎหมาย Food Act 1983 และ Food Regulations 1985 ของมาเลเซียว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยของอาหารและการควบคุมคุณภาพอาหาร รวมทั้งมาตรฐานอาหาร อนามัยอาหาร การนำเข้าและส่งออกอาหาร การโฆษณาอาหารและรับรองห้องปฏิบัติการ โดยมีหน่วยงาน Food Safety and Quality Division (FSQD) ของกระทรวงสาธารณสุข รับผิดชอบในการปฏิบัติและบังคับใช้กฎหมาย เช่น การสุ่มตรวจสอบแหล่งที่ตั้งของอาหาร การออกใบอนุญาต การเฝ้าระวังสารปนเปื้อนในอาหาร เป็นต้น ทั้งนี้ ส่วนประกอบและการติดฉลากจะกำหนดไว้สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารบางประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีความเข้มงวดมากสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากเนื้อหมูและแอลกอฮอล์ ซึ่งจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษตามข้อกำหนดของมาเลเซียเรื่องการติดฉลาก

 

ขั้นตอนการยื่นขอตราฮาลาลของมาเลเซีย

สินค้าไทยที่ส่งออกมาวางจำหน่ายในตลาดมาเลเซียควรมีเครื่องหมายฮาลาลที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยซึ่งได้รับการยอมรับจากหน่วยงาน JAKIM (Department of Islamic Development Malaysia) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้การรับรองฮาลาลของมาเลเซียแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการต่างประเทศสามารถขอใบรับรองฮาลาลจาก JAKIM ได้ แต่จะยื่นสมัครได้เฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องสำอางเท่านั้น

 

 

Malaysia’s Import Procedure

Malaysia’s Department of Customs and Department of Excise are organizations responsible for collecting indirect taxes such as custom tax (import and export tariffs), excise tax, sales tax, service tax, vehicle tax, as well as controlling import and export of goods and items to and from Malaysia.

 

The Customs Department and the Excise Department will cooperate with various agencies including those responsible for the authorization of import permits for alcoholic beverage, animal and animal products, healthy foods, meat and meat products, plants and plants products, poultry and poultry products.

 

As imported goods arriving in Malaysia, both by land and by air, must be declared in writing using Customs Form No.1, regardless of whether the goods are subjected to tax. The products’ number, characteristic, packages, value, weight, unit, source of origin, and destination must be declared in the form, which must be submitted to the custom checkpoint at a place where the goods are being brought into Malaysia.

 

Food Related Laws

Malaysia’s Food Act 1983 and Food Regulations 1985 on food safety and food quality control, food standard, food hygiene and sanitation, food import and export, food advertising, and laboratory accreditation, are enforced by the Food Safety and Quality Division (FSQD), the Ministry of Public Health. The FSQD will conduct several missions including random surveys on location and facilities, licensing, and food contamination monitoring. However, ingredients declaration and labeling are designated for some products and are very strict for products containing pork and alcohol. Special care is required when following Malaysia’s regulation on food labeling.

 

Application Process for Halal Certification in Malaysia

Thai products that are exported for sale in the Malaysian market should obtain Halal label certified by the Central Islamic Council of Thailand, which is recognized by JAKIM (Department of Islamic Development Malaysia). Nevertheless, foreign enterprises can apply for Halal certification directly from JAKIM, though only for food products and cosmetics.

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ

กรุงเทพฯ, เมษายน 2561
ด้วยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย

ผู้สนใจ สามารถติดต่อขอรับแบบฟอร์มและยื่นใบสมัคร พร้อมเอกสารหลักฐานประกอบการสมัคร ตามที่คณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการกำหนด จำนวน 8 ชุด (ต้นฉบับ 1 ชุด พร้อมรับรองสำเนา 7 ชุด) โดยแยกเป็น 2 ซอง คือ ซองใบสมัครและหลักฐานประกอบการสมัคร และซองเอกสารแสดงวิสัยทัศน์ปิดผนึกจ่าหน้าซองถึงประธานคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ยื่นใบสมัครด้วยตนเอง หรือมอบอำนาจเป็นหนังสือให้ผู้อื่นซึ่งเป็นผู้บรรลุนิติภาวะตามกฎหมายแล้วมายื่นแทนได้ที่ สำนักผู้ว่าการ ชั้น 5 อาคารถ่ายทอดเทคโนโลยี สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เลขที่ 35 หมู่ 3 เทคโนธานี ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120 โทรศัพท์ 0 2577 9185 ในวันทำการตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน– 16 พฤษภาคม 2561 เวลา 8.30-16.30 น. ดาวน์โหลดแบบฟอร์มและรายละเอียดการรับสมัครได้ที่ www.tistr.or.th

ผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาไม่ตํ่ากว่าระดับปริญญาโทและมีคุณวุฒิทางด้านวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยีในระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโท มีอายุไม่เกิน 58 ปี และมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2518 และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2550 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักผู้ว่าการ โทร 0 2577 9185

HKTDC จับมือ WORLDEX เดินหน้าชูโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเติบโตสู่ตลาดสากลผ่านฮ่องกง

กรุงเทพฯ, 26 มีนาคม 2561
องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) ร่วมกับ บริษัท เวิลด์เด็กซ์ จี. อี. ซี. จำกัด จัดงานสัมมนาสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มขนาดกลางและขนาดย่อม ภายใต้หัวข้อ “ฮ่องกง ประตูสู่เวทีนานาชาติ และโอกาสทางการค้าสู่ตลาดจีน สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทย” ขึ้น ณ ห้อง Auditorium ชั้น 10 C-ASEAN อาคารไซเบอร์เวิลด์ โดยครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และ นางสาวรพีพร สุทาธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์ และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและข้อมูล สถาบันอาหาร ร่วมให้ข้อมูลสถานการณ์และแนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารไทย รวมถึงช่องทางการให้การสนับสนุนผู้ประกอบการของหน่วยงานภาครัฐและความสำคัญของการวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมเพื่อต่อยอดธุรกิจ

นอกจากนี้ ภายในงาน HKTDC ยังได้ร่วมให้ข้อมูลด้านงานแสดงสินค้าในฮ่องกงที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการไทยให้สามารถขยายตลาดสู่สากลได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกหลายงาน ซึ่งหนึ่งในงานที่น่าสนใจก็คือ HKTDC Food Expo 2018 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 สิงหาคม 2561 สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-664-6488 ต่อ 402

Purextract ร่วมกับ JJING จัดสัมมนา “Oligopin Pine Bark Extract”

Purextract ร่วมกับ JJING จัดสัมมนา “Oligopin Pine Bark Extract”
กรุงเทพฯ, 28 มีนาคม 2561
Purextract ร่วมกับ Jebsen & Jessen Ingredients (Thailand) จัดสัมมนาให้ความรู้ด้านส่วนผสมอาหารจากเปลือกสนธรรมชาติ ภายใต้หัวข้อ “Oligopin Pine Bark Extract” โดยการจัดงานครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก H.E. Mr Gilles Garanchon เอกอัคราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย เป็นประประธานเปิดงาน ณ สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย

ทั้งนี้ สารสกัดธรรมชาติจากเปลือกสนฝรั่งเศส (French Maritime Pine) มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่โดดเด่น สามารถกระตุ้นการสร้างและเพิ่มอัตราการสังเคราะห์คอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นสาระสำคัญและจำเป็นในร่างกายที่มีอยู่ในผิวหนัง หลอดเลือด กล้ามเนื้อ หัวใจ และ กระดูก

 

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดตัวโปรแกรม Agrifuture Insights ร่วมกับองค์กรการเกษตรแห่งเยอรมัน ในงาน AGRITECHNICA ASIA 2018

กรุงเทพฯ, 2561

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พัฒนาวงการเกษตรอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมเปิดตัวโปรแกรม Agrifuture Insights งานสัมมนาเพื่อสร้างองค์ความรู้ให้เกษตรกรอย่างเจาะลึก นำมาเปิดตัวที่ประเทศไทยเป็นที่แรกของโลก โดยร่วมมือกับองค์กรการเกษตรแห่งเยอรมัน (ดีแอลจี) ผู้จัดงานแสดงสินค้าและนวัตกรรมด้านเครื่องจักรกลการเกษตรอันดับหนึ่งอย่าง AGRITECHNICA ภายใต้ชื่อ AGRITECHNICA ASIA 2018 ระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคม 2561 ณ ไบเทค กรุงเทพฯ

ภายใต้โปรแกรม Agrifuture Insights ผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้รับองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคนิคการผลิตสินค้าเกษตรที่น่าสนใจสำหรับภาคเกษตรกรรมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทางกระทรวงเกษตรฯ มุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับหัวข้อสัมมนาเป็นอย่างมาก พร้อมเสนอแนวทางการแก้ปัญหาและวิธีการต่างๆ ที่เหมาะสมกับเกษตรกรท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น

ที่มาของโปรแกรม Agrifuture Insights เกิดจากวิสัยทัศน์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางสาวชุติมา บุณยประภัศร ซึ่งในขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยนำผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเกษตรจากกระทรวงเกษตรฯ และอัครทูตฝ่ายการเกษตร สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์ – อัครราชทูต ชุมเจตน์ กาญจนเกษร ศึกษาดูงาน AGRITECHNICA 2017 ณ ประเทศเยอรมนี และร่วมหารือกับองค์การเกษตรเยอรมัน ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคและนวัตกรรมด้านเครื่องจักรกลการเกษตร เพื่อหาแนวทางพัฒนาภาคเกษตรกรของไทยให้ก้าวขึ้นไปแข่งขันในระดับสากล มุ่งเน้นการกำหนดมาตรฐานใหม่ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ผ่านงานสัมมนาเชิงลึกสำหรับเกษตรกรยุค 4.0 โดยเฉพาะ

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้กล่าวคำปราศรัย ภายในงานประชุม AgriMachinery International Conference ในงาน AGRITECHNICA 2017 ภายใต้หัวข้อ “เครื่องจักรกลการเกษตรสัญชาติยุโรปจะตอบโจทย์ต่อการเกษตรในภูมิภาคอาเซียนได้หรือไม่? ว่า “บริษัทชั้นนำจากทวีปฝั่งตะวันตกหลายแบรนด์ได้เข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว โดยมีงาน AGRITECHNICA ASIA เป็นตลาดแห่งแรก แสดงให้เห็นถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและการลงทุนใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย”

“ความร่วมมือกันในครั้งนี้ สอดคล้องกับเป้าหมายและนโยบายการพัฒนาของประเทศไทย เพื่อก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 โดยกระทรวงฯ มุ่งเน้นการปรับโครงสร้าง เพื่อปรับปรุงคุณภาพผลผลิตทางการเกษตร ลดความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ และสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืนด้านการลงทุนในภาคเกษตรกรรมของไทย โดยมีแผนดำเนินงานและส่งเสริมองค์ความรู้ให้เกษตรกรผ่านศูนย์เรียนรู้และโครงการริเริ่มต่างๆ รวมถึงการส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลทางการเกษตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดการพึ่งพาแรงงานในภาคการเกษตร”

อนึ่ง Agrifuture Insights เป็นโปรแกรมนำร่องขององค์กรการเกษตรแห่งเยอรมนี ในการสำรวจความคิดเห็นจากเกษตรกรในระดับนานาชาติ ซึ่งประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกที่ได้เข้าร่วมและเปิดตัวโปรแกรม

“ความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยกับทางองค์กรการเกษตรแห่งเยอรมัน นับเป็นการผลักดันและส่งเสริมให้พันธกิจระหว่างประเทศเกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม งานสัมมนาในครั้งนี้จะนำมาซึ่งการถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ๆ ตลอดจนการเรียนรู้แนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง เพื่อให้เกษตรกรได้เข้าใจและนำความรู้ดังกล่าวไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกของโลกสำหรับโปรแกรม Agrifuture Insights เพราะเรามีความมั่นใจในการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย และเห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมผ่านเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อยกระดับเกษตรเกษตรอย่างยั่งยืน” เจน เครเมอร์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีแอลจี เซอร์วิส กล่าว

เครือข่ายลดบริโภคเค็มเปิดตัวเว็บไซต์เพื่อผู้บริโภค www.lowsaltthai.com

กรุงเทพฯ, 2561

ผศ. นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม เปิดเผยว่า เครือข่ายลดบริโภคเค็มและสมาคมโรคไตได้เปิดตัวเว็บไซต์เพื่อผู้บริโภคให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยใช้ชื่อว่า www.lowsaltthai.com เพื่อเป็นช่องทางแสวงหาความรู้พื้นฐานและเป็นการส่งเสริมพัฒนาให้สังคมไทยได้ตระหนักถึงการลดการบริโภคเค็ม ภายในรายละเอียดของเว็บไซต์ได้มีการวางเนื้อหาที่หลากหลายให้มีความน่าสนใจในแต่ละด้าน เริ่มต้นจากที่มาของเครือข่ายลดบริโภคเค็ม รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่เครือข่ายลดบริโภคเค็มได้ทำการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่หรือการเข้าไปมีส่วนร่วมกับสังคม มีการแนะนำความรู้เกี่ยวกับโครงการงานวิจัยต่างๆ อาทิ โครงการขับเคลื่อนเพื่อลดการบริโภคโซเดียมของคนไทยผ่านการอ่านฉลาก โครงการ Food Safety Forum: ลดเกลือโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป โครงการการผลิตเครื่องตรวจความเค็มในตัวอย่างอาหารและปัสสาวะเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพของประชาชนทั่วไป เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีสื่อต่างๆ ที่เป็นอาร์ตเวิร์คด้านการรณรงค์ลดการบริโภคเค็มและสื่อ TVC ต่างๆ อาทิ เพลง”ลดเค็มครึ่งหนึ่ง” ของมนต์สิทธิ์ คำสร้อย หรือโฆษณาลดเค็มครึ่งหนึ่งในเวอร์ชั่นรูปแบบต่างๆ ซึ่งผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถเก็บข้อมูลหรือดาวน์โหลดนำไปใช้งานในด้านการศึกษาหรือนำไปใช้ในกิจกรรมของโรงเรียน สถานศึกษา หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นวิทยาทานการใช้เนื้อหาร่วมกันและเป็นการรณรงค์เพื่อพัฒนาสื่อการเรียนการสอนอย่างสร้างสรรค์ให้เข้าถึงสังคมและเป็นการช่วยรณรงค์ลดการบริโภคเค็มด้วยอีกทางหนึ่ง

ผศ. นพ.สุรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ผู้เข้าชมเว็บไซต์ยังสามารถดาวน์โหลดข้อมูลได้ทั้งไฟล์ภาพและเสียง ผ่านหน้าหลัก Less Salt Youtube Channel หรือผ่านคอลัมน์สื่อ TVC ในเว็บไซต์ หรือต้องการนำสูตรเมนูอาหารลดเค็ม (โซเดียม) ก็มีให้เลือกหลายสูตร หลากหลายเมนูอาหาร หรือจะเลือกใช้งานพูดคุย สนทนา หรือแสดงความคิดเห็น แนะนำ ผ่านโซเชียลมีเดียช่องทางอื่นๆ ก็สามารถทำได้ เช่น ผ่านเฟสบุ๊กได้ที่ ลดเค็มครึ่งหนึ่งห่างไกลโรค หรือ ไลน์ได้ที่ @Lowsaltthailand