สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ผนึกกำลัง ซีพีเอฟ-เบทาโกร-ไทยฟู้ดส์ ป้องอหิวาต์แอฟริกาในสุกร สร้างศูนย์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อยานพาหนะสำหรับขนส่งปศุสัตว์ให้รัฐ 5 ด่านกักสัตว์ชายแดน

กรุงเทพฯ – นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า สมาคมฯ ร่วมมือกับภาคเอกชนทั้ง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ บริษัท เบทาโกร จำกัด และบริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมและป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever; ASF) แก่ด่านกักกันสัตว์ในพื้นที่เสี่ยงที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยการสร้างศูนย์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อยานพาหนะสำหรับขนส่งปศุสัตว์ที่ด่านกักสัตว์ชายแดนใน 5 จังหวัดเป้าหมาย เพื่อสร้างปราการป้องกันโรค ASF ไม่ให้เข้ามาทำลายภาคอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของประเทศไทยได้อย่างเด็ดขาด

ทั้งนี้ สมาคมฯ รับผิดชอบสร้างโรงชำระล้างฯ บริเวณริมทางหลวงใกล้ด่านกักกันสัตว์ จ.หนองคาย ซึ่งสมาคมฯ ได้ขอพื้นที่ริมถนนจากกรมทางหลวง การก่อสร้างใช้วงเงิน 1 ล้านบาทเศษ โดยให้กรมปศุสัตว์รับผิดชอบดำเนินการต่อไป ส่วนซีพีเอฟ รับผิดชอบสร้าง 2 จุด ที่ด่าน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และด่าน จ.มุกดาหาร สำหรับเบทาโกรรับผิดชอบสร้างที่ด่านกักกันสัตว์ จ.นครพนม และไทยฟู้ดส์ รับผิดชอบสร้างที่ด่านปอยเปต จ.สระแก้ว

“การที่ภาคเอกชนร่วมกันลงขันสร้างศูนย์ทำความสะอาด พร้อมติดตั้งเครื่องพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในครั้งนี้ เกิดจากความตื่นตัวและร่วมมือกันสกัดกั้นโรค ASF อย่างเต็มที่ โดยดำเนินควบคู่ไปกับการเข้มงวดในการบริหารจัดการของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ยกเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมขออนุมัติงบประมาณบูรณาการป้องกันโรคนี้ให้ดียิ่งขึ้น วันนี้แม้โรคจะยังไม่เข้าสู่ไทย ก็ยิ่งต้องเพิ่มความเข้มงวดให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้อุตสาหกรรมสุกรของไทยตลอดห่วงโซ่ที่มีมูลค่าถึง 2 แสนล้านบาท ได้รับความเสียหาย และขอย้ำว่าโรคนี้ติดต่อเฉพาะสุกรเท่านั้น ไม่ติดต่อคนและสัตว์อื่น ผู้บริโภคสามารถรับประทานเนื้อสุกรได้ 100%” นายสุรชัย กล่าวและเสริมว่า โรคดังกล่าวต้องมีระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ในระดับสูง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการสัมผัสเชื้อ โดยต้องพ่นยาฆ่าเชื้อรถบรรทุกปศุสัตว์ รถขนส่งวัตถุดิบ ฯลฯ ทั้งขาเข้าและภายหลังจากส่งออกที่ชายแดน รวมถึงการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้ออุปกรณ์บรรทุกและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ระยะเวลาขั้นต่ำ 30 นาที นอกจากนี้ ภาครัฐยังต้องกวดขันการลักลอบนำเข้า “หมูกี้” สำหรับทำหมูหัน จากเวียดนาม ผ่าน สปป.ลาว แล้วเข้าชายแดนไทย เพราะอาจเป็นพาหะแพร่กระจายโรคนี้ได้ ขณะที่ด่าน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จะต้องเข้มงวดตรวจสอบผลิตภัณฑ์จากสุกรที่ติดเข้ามากับรถบรรทุกจากประเทศจีน รวมถึงรถนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในไทยผ่านช่องทางดังกล่าวด้วย

คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ ดีเคเอสเอช เปิดตัวศูนย์ความเป็นเลิศ ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) ด้านวิทยาศาสตร์การวิเคราะห์

กรุงเทพฯ, 4 มีนาคม 2562 – คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดบ้านต้อนรับศูนย์ความเป็นเลิศ ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) ด้านวิทยาศาสตร์การวิเคราะห์ (DKSH Center of Excellence in Analytical Science at MUSC) ซึ่งเป็นศูนย์รวมเครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ที่ครบครันที่สุดแห่งใหม่ภายใต้ บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด สู่การเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ VentureClub@MUSC ซึ่งเป็นโครงการที่สนองนโยบาย Thailand 4.0 สร้าง Ecosystem ในการส่งเสริมให้นักศึกษาและบุคลากรสามารถสร้าง Deep Tech Startup ขึ้น รวมทั้งเป็นการสร้างมิติในการทำวิจัยร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคเอกชน ก่อให้เกิดองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่นำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ต่อไป และเพื่อให้ครบวงจรในการสร้างนวัตกรรม รวมถึงการทำงานวิจัยเพื่อแก้ปัญหาในภาคอุตสาหกรรมด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ต้นแบบและตัวอย่างต่างๆ ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีขั้นสูงที่ถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการตอบโจทย์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และแก้ไขปัญหาเชิงอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นจุดแข็งและความชำนาญของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ดังนั้น จึงมีการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์การวิเคราะห์ขึ้นในโครงการ VentureClub@MUSC นี้ ซึ่งมีพิธีเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 มีนาคม 2562 เวลา 9.00-11.30 น. โดยได้รับเกียรติจากคณบดี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รองศาสตราจารย์ ดร.สิทธิวัฒน์ เลิศศิริ และคุณมาโค่ ฟารีน่า ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ สายธุรกิจเครื่องมือวิทยาศาสตร์ บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วมเป็นประธานในพิธีพร้อมกล่าวเปิดงาน กล่าวรายงานโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนากร โอสถจันทร์ รองคณบดีฝ่ายวิจัย คณะวิทยาศาสตร์ ก่อนจะพาผู้เข้าร่วมงานทุกท่านเยี่ยมชมภายในศูนย์แห่งใหม่นี้

การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศฯ ดังกล่าว เป็นความร่วมมือของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำในการให้บริการด้านการขยายตลาดในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียมาแล้วกว่า 150 ปี เป็นการเพิ่มความสามารถในการบริการด้านโซลูชันการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ให้ครบถ้วนสมบูรณ์มากขึ้น ทั้งแก่ลูกค้า ผู้ที่สนใจ และบุคลากรทางการศึกษาต่างๆ ตลอดจนเป็นการสนองนโยบายของภาครัฐในการจัดตั้งโครงการ Yothi Medical Innovation District ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธีอีกด้วย โดย บริษัท ดีเคเอสเอช เห็นสมควรว่า เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการพัฒนาการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย รายได้ส่วนหนึ่งจากการให้บริการจะคืนกำไรให้สู่สังคม โดยบริจาคกลับมาทางคณะวิทยาศาสตร์ เพื่อเป็นทุนการศึกษาหรือเงินทุนพัฒนาศักยภาพของเครื่องมือวิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาวิจัยของนักศึกษาต่อไป

ศูนย์ความเป็นเลิศ ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) ด้านวิทยาศาสตร์การวิเคราะห์ ตั้งอยู่ที่อาคาร VentureClub@MUSC คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พญาไท ภายในอาคารนอกจากจะมีพื้นที่สำหรับการจัดตั้ง Startup แล้ว ยังมีพื้นที่เพื่อรองรับการจัดกิจกรรมประเภทอื่น เช่น การสัมมนา การอบรม การฝึกปฏิบัติได้อีกด้วย ผู้ที่สนใจเยี่ยมชมศูนย์ความเป็นเลิศฯ และ โครงการ VentureClub@MUSC สามารถติดต่อได้ที่งานพันธกิจพิเศษ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หมายเลขโทรศัพท์ 0 2201 5707

ไทย-ฮ่องกง ปักหมุดหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ ภายหลังความสำเร็จจากการเยือนเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เมื่อเมษายน 2560 และมีนาคม 2561 ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและการค้าการลงทุนระหว่างไทยและฮ่องกง  โดยรัฐบาลให้การต้อนรับนางแครี่ หล่ำ (Carrie Lam)  ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง พร้อมด้วยคณะภาครัฐและเอกชน ที่เดินทางมาไทยในระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2562 และได้ใช้โอกาสนี้ในการเปิดสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง หรือ Hong Kong Economic and Trade Office (HKETO) ที่กรุงเทพฯ ซึ่งสะท้อนว่าฮ่องกงได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคอาเซียน จึงได้ให้ความสำคัญในการเข้ามาเปิดสำนักงาน HKETO ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทยในด้านการค้าและการลงทุนในสายตาของผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศ และจะส่งผลดีต่อการขยายการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจอื่นๆ ตามมา และหลังจากการเยือนในครั้งนี้ ทางฝ่ายฮ่องกงจะได้มีการจัดคณะผู้แทนการค้าจากภาครัฐและเอกชน เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในเดือนเมษายน และพฤษภาคม 2562 ตามลำดับ

ทั้งนี้ ไทยยังได้ใช้โอกาสนี้ ในการหารือกับฮ่องกง เพื่อขยายความร่วมมือทางด้านการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยฮ่องกงจะมองไทยในฐานะ Gateway เข้าสู่อาเซียน และไทยจะใช้ฮ่องกง เป็นประตูเจาะเข้าสู่ตลาดจีน ใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง (ASEAN – Hong Kong Free Trade Agreement: AHKFTA) และความตกลงว่าด้วยการลงทุนระหว่างอาเซียน-ฮ่องกง (ASEAN – Hong Kong Investment Agreement: AHKIA) ซึ่งเริ่มเจรจามาตั้งแต่ปี 2557 กำลังจะมีผลบังคับใช้ในกลางปี 2562 รวมทั้ง การใช้ประโยชน์จาก Greater Bay Area หรือ GBA ที่เป็นเขตเศรษฐกิจเชื่อมฮ่องกง มาเก๊า และเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียงในมณฑลกวางตุ้งรวม 11 เมือง ที่เชื่อมฮ่องกงในฐานะ Super Connector กับเส้นทางสายไหม (Belt & Road Initiative : BRI) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ด้านโครงสร้างพื้นฐานของจีน และสามารถเชื่อมโยงด้านการค้าการลงทุนเข้ากับเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของไทย ซึ่งรัฐบาลไทยมุ่งหวังให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน ดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ หรือ S-Curve ทั้งจากไทยและต่างประเทศ เพื่อรองรับกับการเติบโตของเศรษฐกิจสู่การเน้นวิทยาการและนวัตกรรมและนำพาประเทศไทยไปสู่ยุค 4.0 โดยเฉพาะสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงและธุรกิจบริการ และรัฐบาลยังได้ผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างเอเชียตะวันออก – อาเซียน – เอเชียใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงและเป็นที่สนใจของนานาประเทศ รวมถึงเพื่อรองรับการขยายตัวทางการค้าทั้งแบบดั้งเดิมและการค้าขายออนไลน์ (E-Commerce) ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย

นอกจากนี้ ในปี 2562 ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนและได้ประกาศแนวคิดหลัก คือ “Advancing Partnership for Sustainability” หรือ “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” ซึ่งบ่งบอกถึงทิศทางการขับเคลื่อนอาเซียนที่ในด้านความยั่งยืน ความเชื่อมโยง และการมองไปสู่อนาคต บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันทั้งภาคีภายนอกภูมิภาคและประชาคมโลก ฮ่องกงจึงถือเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่สำคัญของทั้งภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการเดินทางมาครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะจัดกิจกรรมคู่ขนานการสร้างความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจไทย – ฮ่องกง (Thai – Hong Kong Strategic Partnership) ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ลาดพร้าว โดยได้รับเกียรติจากรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และ ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (นางแครี่ หล่ำ) กล่าวปาฐกถาพิเศษ ก่อนมีการลงนาม MOU ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย จำนวน 4 ฉบับ ประกอบด้วย ความร่วมมือด้านการพัฒนา Start Up และ การจัดตั้ง Smart City ซึ่งเป็นผลมาจากการขับเคลื่อนและประสานงานของกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ 1)  Innospace (Thailand) กับ HKTDC 2) Innospace (Thailand) กับ Hong Kong Cyberport 3) Innospace (Thailand) กับ Ho & Partners Architects Engineers & Development Consultants Limited  (HPA) และฉบับที่ 4 เป็นการลงนามระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)  กับ HKTDC เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสด้านการลงทุน และการจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุนระหว่างทั้งสองฝ่าย

ภายหลังการลงนาม MOU จะมีการจัดเสวนาให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนา Start Up และขยายลู่ทางการค้า การลงทุน โดยผู้บริหารชั้นนำจากหน่วยงานของฮ่องกง ได้แก่ Hong Kong Productivity Council, Hong Kong Cyberport และ HPA รวมทั้งการเสวนาเรื่องโอกาสการค้า การลงทุนของไทยในฮ่องกง โดยอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

ฮ่องกงถือเป็นคู่ค้าที่สำคัญของอาเซียน ในปี 2018 มีมูลค่าการค้าระหว่างกันถึง 120,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 11 ฮ่องกงถือเป็นคู่ค้าอันดับที่ 9 และเป็นนักลงทุนอันดับที่ 5 ของไทย และคาดว่ามูลค่าการส่งออกไทย-ฮ่องกงในปี 2561 จำนวน 12,563 ล้านเหรียญสหรัฐ จะสามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ร้อยละ 12 ในปี 2562

 

Annatto Color Certified Organic for IFF’s Frutarom Division

NEW YORK, N.Y.,

 

With consumer demand for fair trade, sustainable and organic products growing fast, Frutarom Natural Solutions Ltd., a division of International Flavors & Fragrances Inc. (NYSE:IFF) (Euronext Paris: IFF) (TASE: IFF), has received organic certification for that its natural annatto color. The ingredient was granted organic certifications from both the U.S. Department of Agriculture and The European Organic Certifiers Council. Annatto seeds and extracts have been used for more than a century in Europe and North America to provide a yellow to reddish color to foods and beverages, thus becoming the second most economically important natural colorant worldwide.

 

To support the certification, Frutarom registered and trained more than 50 annatto seed farmers in the Quillabamba Valley in Cuzco, Peru and in Codo del Pozuzo in Puerto Inca, Peru. The division also meets all organic regulations while ensuring fair salaries to the growers. Frutarom maintains full traceability on the growing and harvesting processes to provide a pure, organic annatto color.

 

“Organic colors are an integral part of the established clean label trend, meaning that the colors support our customers’ efforts to satisfy consumer needs,” says Yoni Glickman, President, Natural Product Solutions of IFF Frutarom “Organic certification has become the standard of the industry, especially as it involves all aspects of growing, harvesting, extracting, and maintaining full traceability of the ingredient, from seed to final product.”

 

Frutarom has carefully selected agricultural land free of prohibited chemical inputs for its Natural Solutions Products business. The farmers it works with use non-GMO seeds, and do not use synthetic fertilizers, antibiotics, pesticides, or hormones. “It is all about caring and staying loyal to consumers’ expectations for better-for-you products that are also eco-friendly and help us to protect the environment,” notes Ilanit Bar-Zeev, VP, Natural Product Solutions of IFF Frutarom.

 

 

Frutarom works to create natural and organic solutions that are affordable and accessible to the marketplace. “There is a delicate balance in providing natural, organic color with responsible sourcing, while still keeping it cost effective,” explains Bar-Zeev.  Frutarom is committed to expanding its portfolio of better-for-you and better-for-the-Earth ingredients that manufacturers and consumers can trust.

 

www.iff.com

 

Zero Caffeine — Maximum Energy Six-calorie Fit4style Spray n Go Boosts Real-time Sports Performance

Caesarea, Israel—Matok V’Kal, Ltd., launches its new, user-friendly, six-calorie solution to help boost stamina during high-endurance workouts and sports activities.

Revving up sports nutrition, Matok V’Kal Ltd. has created a new category for on-the-go sports nutrition sector with its launch of Fit4style™ Energy Spray. The quick-shot mint-flavored spray is composed of a refreshing formula that gives an extra energy kick to consumers with active lifestyle and to fitness enthusiasts engaged in high-endurance sports. Fit4style energy spray can help maintain stamina for up to 75 minutes, without caffeine and with only six calories.

The innovative oral energy spray comes in a fashionable convenient-to-carry reusable package in either blue or red. It can be clipped to any garment for easy access during running or any other sport activity. All one needs to do is spray it in the mouth to receive a boost of energy.

The minimal calorie count means Fit4style Energy Spray also won’t stress the digestive system during a workout.

The new product contains peppermint extract, which not only contributes a refreshing flavor but contributes to the energy increase. This is based on a double-blind clinical study showing that oral ingestion of peppermint oil incurs instant effects on physiological parameters and exercise performance after 5 minutes, with incremental improvement after one hour.

https://fit4.style/en

See What’s New in the Star Items

 

พบกับผลิตภัณฑ์ดาวเด่น เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ส่วนผสมอาหาร และอื่นๆ ที่น่าสนใจ…ได้ที่นี่ CLICK

VIV Asia 2019 The International Animal Proteins Trade Fair 13-15 March 2019 @ BITEC

วิฟ เอเชีย เปิดสัปดาห์ธุรกิจ ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ไปจนถึงอาหารมนุษย์

Full article TH-EN 

งาน VIV Asia 2019 ถือเป็นงานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับธุรกิจอาหารสัตว์-อาหารมนุษย์ ที่ครอบคลุมการผลิตโปรตีนปศุสัตว์ทุกสายพันธุ์และห่วงโซ่อาหารครบวงจร นอกจากนี้ยังเป็นงานเจรจาธุรกิจระดับนานาชาติ โดยงานในครั้งล่าสุดเมื่อปี 2560 ได้ต้อนรับนักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจาก 126 ประเทศ

ในครั้งนี้จะมีผู้จัดแสดงสินค้าจำนวน 1,250 ราย จาก 60 ประเทศทั่วโลก ท่านจะได้พบผู้นำตลาดระดับโลกที่มีชื่อเสียง รวมทั้งผู้เล่นระดับภูมิภาคและระดับประเทศของเอเชียที่ทวีความสำคัญ ซึ่งจะมาแสดงสินค้าและบริการใหม่ล่าสุดสำหรับผู้ผลิตและผู้แปรรูปโปรตีนจากสัตว์ทุกราย

ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคจะเต็มไปด้วยคูหาแสดงสินค้า โดยในครั้งนี้จะมีพื้นที่จัดแสดงรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับงานครั้งที่แล้วเมื่อปี 2560

VIV Asia 2019 is Asia’s outstanding feed-to-food event covering all species and every part of the animal protein value chain. It is also extremely international in scope. Visitors to the most recent edition in 2017 came from 126 countries.

This time there will be 1,250 exhibitors from around 60 countries. Among them you will find big-name global market leaders and regional as well as national Asian players of growing importance, displaying the latest products and services for all animal protein producers and processors.
Every part of the Bangkok International Trade & Exhibition Centre (BITEC) will be filled by stands, with an increase of 30 percent in net display area compared with the previous edition in 2017.

Mondelez Thailand opens up its Lat Krabang Factory showing its potential on advance production with innovation

มอนเดลีซ ประเทศไทย เปิดโรงงานลาดกระบัง โชว์ศักยภาพฐานการผลิตที่ล้ำหน้าด้วยนวัตกรรม

Full article TH-EN 

บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านขนมและของว่างระดับโลกเปิดโรงงานมอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งโรงงานขึ้น

ทั้งนี้ มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล ประเทศไทย มีแบรนด์หลักถึง 3 แบรนด์ ได้แก่ ลูกอมฮอลล์ หมากฝรั่งเดนทีน และลูกอมคลอเร็ท โดยแบรนด์ฮอลล์ และเดนทีน ยังได้ครองความเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในด้านยอดขาย และได้รับรางวัล No. 1 Brand Awards 2018 จากนิตยสาร Marketeer นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำเข้าและทำตลาดสินค้าแบรนด์อื่นๆ เช่น คุ้กกี้โอรีโอ แคร็กเกอร์ริทส์ คุกกี้ลู ช็อกโกแลตแคดเบอรี ช็อกโกแลตทอปเบอโรน และชีสฟิลาเดลเฟีย

โรงงานมอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เริ่มดำเนินการผลิตเมื่อ พ.ศ.2550 นับเป็นโรงงานผลิตลูกอมและหมากฝรั่งที่ใหญ่ที่สุดของมอนเดลีซในเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา มีพนักงานกว่า 680 คน เป็นฐานการผลิตลูกอมและหมากฝรั่งแบรนด์ระดับโลกกว่า 200 ผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ฮอลล์ เดนทีน คลอเร็ท ไทรเด้นท์ และสไตรด์ เป็นต้น

Mondelez International (Thailand) Co., Ltd., the world’s leading in snacks and desserts, opened its Mondelez International Factory in Lat Krabang Industrial Estate for the first time since the establishment of the factory.
Mondelez International Thailand has 3 major brands, including Halls candy, Dentyne gum, and Clorets candy. Both Halls and Dentyne are the leader in the market in term of its sale, and received the Brand Awards 2018 from Marketeer magazine. The company is also importers and marketers for other brands such as Oreo cookies, Ritz cracker, Lu Cookies, Cadbury Chocolate, Toblerone chocolate, and Philadelphia cheese.

Mondelez International Factory in Lat Krabang Industrial Estate has started its operation in 2007. It is the Mondelez’s largest candy and chewing gum factory in Asia Pacific, the Middle East and Africa with having over 680 employees. It is a global manufacturing base for over 200 candy and gum products under the brands such as Halls, Dentyne, Clorets, Trident, and Stride etc.

3 Keys to the Future of Food Safety in Poultry

กุญแจ 3 ดอก…อนาคตของความปลอดภัยอาหารในสัตว์ปีก

 By:

Alyssa Conway

Wattagnet

 

Translated and Compiled By:

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ น.สพ. ดร.วิษณุ วรรณแสวง

Assistant Professor Dr. Wisanu Wanasawaeng

DVM MSc PhD DTBVP (Pathology)

Director of Poultry Diagnostic Laboratory and Food Safety

SAHA Farms Co., Ltd.

wpuy@hotmail.com

Full article TH-EN

 

 

บริษัทผู้ผลิตสัตว์ปีกจำเป็นต้องมีความร่วมมือและให้ความรู้กับผู้บริโภค รวมทั้งลงทุนกับเทคโนโลยีใหม่ เพื่อต่อสู้กับปัญหาความปลอดภัยอาหาร…นี่เป็นความเห็นของผู้บริหารระดับสูงด้านความปลอดภัยอาหารของวอลมาร์ท…บทความนี้เป็นมุมมองของผู้ประกอบการชั้นนำในสหรัฐอเมริกาสำหรับอนาคตของความปลอดภัยอาหารในสัตว์ปีก

 

ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการผลิตสัตว์ปีกมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในกระบวนการผลิตอาหาร แต่ปัญหาความปลอดภัยอาหารยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น Salmonella เป็นประเด็นพาดหัวข่าวเป็นประจำเสมอในปี 2561 แม้ว่าจะถกเถียงกันว่า อุตสาหกรรมยังคงไม่ประสบชัยชนะในการต่อสู้กับปัญหาความปลอดภัยอาหาร ในอนาคตปัจจัย3 ประการนี้จะมีอิทธิพลอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการผลิตสัตว์ปีกที่พยายามสร้างความมั่นใจต่อความปลอดภัยตั้งแต่แหล่งที่มาของการผลิตสำหรับผู้บริโภค ผู้ผลิตสัตว์ปีกจำเป็นต้องทำสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม

 1. ยกระดับการป้องกันและสานสัมพันธ์ความร่วมมือ

อุตสาหกรรมเองก็ควรมีมุมมองต่อความปลอดภัยอาหารแบบองค์รวมเมื่อเกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์สัตว์ปีก และทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกราย นับตั้งแต่ซัพพลายเออร์ไปจนถึงหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา ภาคชุมชน และภาคเอกชนอื่นๆ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาความปลอดภัยอาหารจากเนื้อสัตว์ปีก

 2. การให้ความรู้กับผู้บริโภค

ความปลอดภัยอาหารเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน โดยบริษัทผู้ผลิตสัตว์ปีกให้ความรู้กับผู้บริโภค ยกตัวอย่างเช่น การปรับถุงใส่ไก่ดิบเป็นสองชั้น แล้วให้ข้อมูลด้านความปลอดภัยอาหารตามโซเชียลมีเดียหรือสื่อโฆษณา

 3. ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและเจาะลึกข้อมูล

เทคโนโลยีใหม่ยังคงช่วยเพิ่มความสามารถของบริษัทให้เกิดความโปร่งใสในการผลิตอาหารและความปลอดภัยอาหาร ผู้ผลิตสัตว์ปีกสามารถได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ โดยเฉพาะบล็อกเชน เพื่อสร้างความปลอดภัยต่อการจัดจำหน่ายสินค้า

 

Poultry companies need to collaborate, educate consumers and leverage new technology in order to win the battle on food safety, vice president, food safety, Walmart. This article is the USA food producer’s aspect for the future of food safety in poultry.

 

The poultry industry has seen many changes in food processing over the last century, but as food safety issues like Salmonella continue to make headlines in 2018, it can be argued that the industry is still not “winning the battle” on food safety. In the future, three factors will play a critical role in the poultry industry being able to provide and ensure a safe source of chicken for consumers.

 

  1. Accelerate prevention and be more collaborative

The industry has a duty to accelerate prevention of food safety issues related to poultry products. The industry to take a more holistic view of food safety when it comes to poultry and work with all stakeholders, from suppliers to government agencies to academic institutions to public and private sector companies, to try to solve food safety challenges related to poultry meat.

  1. Educate consumers

Food safety is a shared responsibility, it depends on poultry companies educating consumers. Instance of something as simple as providing bags to double bag raw chicken that include food safety tips on them to launching a social media or advertising campaign.

  1. Leverage technology and insights from data

New technologies continue to improve companies’ ability to be more transparent when it comes to food production and safety. The poultry industry can take advantage of these new technologies, specifically blockchain, in order to ensure a safer chicken supply.

The Kitchen of the World to Drive Growth in The Express Cold Chain Logistic

ครัวของโลกผลักดันการเติบโตของระบบโลจิสติกส์ห้องเย็นแบบเร่งด่วน

Translated and Compiled By:

กองบรรณาธิการ

นิตยสาร ฟู้ด โฟกัส ไทยแลนด์

Editorial Team

Food Focus Thailand Magazine

editor@foodfocusthailand.com

Full article TH-EN

 

ธุรกิจกลุ่มอุตสาหกรรมห่วงโซ่ห้องเย็น รวมถึงห้องเย็นและตลาดขนส่งเย็น อยู่ในช่วงของการเติบโตและมีผู้เล่นเพียงไม่กี่รายที่ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่สมบูรณ์สำหรับผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น เนื้อสัตว์ ผัก ผลิตภัณฑ์นม สัตว์ปีกและเวชภัณฑ์ บริการดังกล่าวรวมถึงห้องเย็น การขนส่งเย็น การจัดการสินค้าคงคลัง การผ่านพิธีการทางศุลกากร และบริการโลจิสติกส์ 3PL (Third Party Logistic) ซึ่งแตกต่างจากผู้เล่นรายเล็กที่มีผลิตภัณฑ์หรือสามารถให้บริการได้ค่อนข้างจำกัด

 

ดังนั้น ประเทศไทยที่เป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารที่สำคัญของโลก ซึ่งมีการคาดการณ์ว่ารายได้ของประเทศจะเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกอาหารแปรรูปที่เพิ่มขึ้น โดยจากการที่รัฐบาลไทยมีวิสัยทัศน์ที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลก นโยบายนี้ได้นำไปสู่การลงทุนสำคัญในการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่สมบูรณ์สำหรับโลจิสติกส์อาหาร

 

ตลาดโลจิสติกส์ห้องเย็นของประเทศไทยคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 42 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2565 อุตสาหกรรมอาหารแช่แข็งและอุตสาหกรรมยาก็คาดว่าจะเติบโตซึ่งจะเพิ่มความต้องการห้องเย็นและสิ่งอำนวยความสะดวกในการขนส่งที่เกี่ยวเนื่องเช่นกัน

 

 

The cold chain market includes cold storage and cold transport market. The market is in a growth stage and there are quite a few players providing complete logistics services for multiple products such as meat, vegetables, dairy, poultry and pharmaceuticals. The services include Cold Storage, Cold Transport, Inventory Management, Custom Clearance and other 3PL logistics services. Smaller players cater to only limited portfolio of products/services.

 

Thailand is a major food destination in the world. The country’s income is expected to grow in the near future with the rise in the export of processed food. Thailand government vision in making Thailand Kitchen of the World has led to significant investment in the development of complete supply chain for food logistics.

 

The Thai cold chain logistics market is expected to reach $42 billion by 2022. The frozen food and pharmaceutical industry are anticipated to grow which will increase the demand for cold storage and transport facilities.