Page 48 - FoodFocusThailand No.237 December 2025
P. 48
STRONG QC & QA
เทคนิิคการตรวจสอบปริมีาณจุลินิทรีย์์ในิอาหาร นาที อีกทั�งยังมีีควิามีจำาเพาะและควิามีถููกต้องสัูง (%Recovery ประมีาณ
การทดสัอบทางจุลชีีวิวิิทยาแบบรวิดเร็วิ (Rapid Microbiological 94.85–101.40 %) (ดังแสัดงในภาพที� 2)
Methods; RMMs) เป็นการนำาเทคโนโลยีสัมีัยใหมี่มีาประยุกต์ใชี้ เพ้�อให้ นอกจากนี� ยังมีีงานวิิจัยของ Sun et al. (2024) ที�อาศััยหลักการ
ได้ผิลการทดสัอบที�มีีประสัิทธีิภาพและรวิดเร็วิกวิ่าวิิธีีการทดสัอบแบบ ตรวิจวิัดด้วิยแอปตาเซนซิง (Aptasensing) เข้ากับเทคนิคการเพิ�มีปริมีาณ
ดั�งเดิมีที�อาศััยการเพาะเลี�ยงเชี้�อเป็นหลักซ่�งใชี้เวิลาในการทดสัอบนาน ดีเอ็นเอเชีิงปริมีาณแบบทันที (Quantitative Real Time Polymerase Chain
ตัวิอย่างเทคนิค RMMs เชี่น การใชี้ ATP (Adenosine-5′-triphosphate) Reaction; qPCR) เพ้�อตรวิจวิัดสัารพิษอะฟลาทอกซิน B1 (Aflatoxin B1,
bioluminescence สัำาหรับตรวิจหาการปนเป้�อนของจุลินทรีย์ในอาหาร AFB1) ในอาหาร โดยแอปตาเซนซิงเป็นเทคนิคทางไบโอเซนเซอร์ที�อาศััย
ประเภทเน้�อสััตวิ์ โดยสัาร ATP ที�เป็นแหล่งพลังงานในเซลล์ของจุลินทรีย์ แอปตาเมีอร์ (Aptamer) ซ่�งเป็นสัายดีเอ็นเอที�ถููกออกแบบมีาให้สัามีารถูจับ
จะทำาปฏิิกิริยากับ Luciferin ซ่�งเป็นสัารตั�งต้นทางชีีวิเคมีี (Substrate) กับโมีเลกุลเป้าหมีายได้อย่างจำาเพาะเจาะจง (เชี่นเดียวิกับกุญแจที�จับกับ
ที�สัำาคัญ โดยมีีเอนไซมี์ Luciferase เป็นตัวิเร่งปฏิิกิริยาออกซิเดชีันที�ทำาให้ แมี่กุญแจ) โดยดีเอ็นเอแมี่แบบที�ถููกคิดค้นข่�นนั�นสัามีารถูเปลี�ยนโครงสัร้าง
เกิดการเร้องแสัง (ภาพที� 1) จ่งสัามีารถูตรวิจวิัดปริมีาณควิามีเข้มีแสังที� เมี้�อมีีการจับ AFB1 ทำาให้เกิดการแปลงโมีเลกุลสัารตั�งต้นให้กลายเป็นสัาย
เกิดข่�น เพ้�อคำานวิณหาปริมีาณของ ATP ที�แปรผิันตรงกับปริมีาณจุลินทรีย์ ดีเอ็นเอแบบเสั้นตรง ดังนั�น เมี้�อตรวิจวิัดปริมีาณดีเอ็นเอที�เพิ�มีข่�นด้วิย qPCR
ที�ปนเป้�อนในตัวิอย่าง จะทำาให้เห็นถู่งควิามีสััมีพันธี์เชีิงเสั้นตรงของปริมีาณดีเอ็นเอกับควิามีเข้มีข้น
เริ�มีต้นของ AFB1 โดยวิิธีีการนี�มีีขีดจำากัดของการตรวิจวิัดที�ตำ�ามีาก (0.03
pg/mL) และมีีควิามีจำาเพาะสัูง จ่งสัามีารถูนำาไปประยุกต์ใชี้ในการตรวิจสัอบ
ควิามีปลอดภัยของอาหารที�มีีควิามีซับซ้อน อาทิ ซีอิ�วิ นมี และเนยถูั�วิ ได้
อย่างน่าเชี้�อถู้อ
เชี่นเดียวิกับ Sánchez-Carrillo et al. (2024) ได้พัฒนาวิิธีีการตรวิจวิัด
AFB1 ด้วิยหลักการเปลี�ยนแปลงสัี (Colorimetric) ที�ทำาได้สัะดวิกและ
ภาพที่่� 1 วิิธีีการตรวิจหาการปนเป้�อนทางจุลชีีวิวิิทยาในเน้�อสััตวิ์ที�รวิดเร็วิและ รวิดเร็วิกวิ่า ซ่�งอาศััยการยับยั�งการรวิมีตัวิ (Aggregation) ของอนุภาค
มีีควิามีไวิสัูงโดยใชี้การตรวิจแบบ Swab ร่วิมีกับเอนไซมี์ Luciferase นาโนทองคำา (Gold Nanoparticles; AuNPs) ที�ถููกปรับพ้�นผิิวิด้วิย
Figure 1 A rapid and highly sensitive method for detecting microbial
2+
contamination in meat products using a swab test combined กรดอะมีิโน แอล-ไลซีน (L-Lysine) หลักการทำางาน ค้อ Cu ที�เติมีเข้าไปจะ
with the enzyme luciferase.
กระตุ้นให้ AuNPs รวิมีตัวิกันและเกิดการเปลี�ยนสัี แต่เมี้�อมีี AFB1 อยู่ใน
ที่่�มา / Source: Serain et al. (2023)
ระบบ โมีเลกุลของ AFB1 จะเข้ามีาขัดขวิางการรวิมีตัวิของอนุภาค
เทคนิิคการตรวจสอบปริมีาณสารเคมีีตกค้างในิอาหาร นาโนทองคำา ทำาให้สัีของสัารละลายที�สัังเกตได้ด้วิยตาเปล่าหร้อวิัดด้วิย
ในปัจจุบันมีีการศั่กษาวิิจัยและพัฒนาชีุดเทคนิคการตรวิจสัอบอย่าง เคร้�องมี้อเปลี�ยนไป ซ่�งบ่งชีี�ถู่งปริมีาณ AFB1 ได้อย่างชีัดเจน วิิธีีการนี�สัามีารถู
รวิดเร็วิที�ครอบคลุมีสัำาหรับการวิิเคราะห์และตรวิจสัอบปริมีาณสัารเคมีี ตรวิจวิัด AFB1 ได้ในชี่วิง 6.25–200 ng/mL โดยมีีขีดจำากัดการตรวิจวิัด
ตกค้างในอาหารอย่างต่อเน้�อง เชี่น ยาฆ่่าแมีลง (Pesticide) ยาปฏิิชีีวินะ อยู่ที� 4.18 ng/mL และใชี้ระยะเวิลาเพียง 5 นาที สั่งผิลให้เทคนิคนี�เป็น
(Antibiotic) และสัารพิษจากเชี้�อรา (Mycotoxins) เป็นต้น ทางเล้อกที�รวิดเร็วิ ประหยัดค่าใชี้จ่าย และลดผิลกระทบต่อสัิ�งแวิดล้อมี
งานวิิจัยของ Tun และคณะ (2023) ได้พัฒนาไบโอเซนเซอร์ทางเคมีี เหมีาะสัำาหรับการตรวิจคัดกรองสัารปนเป้�อนเบ้�องต้นในอุตสัาหกรรมีอาหาร
ไฟฟ้า (Electrochemical Biosensor) ที�มีีประสัิทธีิภาพสัูงสัำาหรับการตรวิจจับ การนำาเทคนิคต่างๆ ดังกล่าวิข้างต้นมีาใชี้ในกระบวินการทดสัอบ จะชี่วิย
คลอร์ไพริฟอสั (Chlorpyrifos) ซ่�งเป็นสัารกำาจัดแมีลงในกลุ่มีออร์กาโน เพิ�มีประสัิทธีิภาพในการตรวิจวิิเคราะห์ตัวิอย่างจำานวินมีากภายในระยะเวิลา
ฟอสัเฟต (Organophosphate) ที�ใชี้ในภาคเกษตรกรรมี โดยทดสัอบใน อันสัั�น ทำาให้กระบวินการผิลิตสัามีารถูดำาเนินการไปได้อย่างต่อเน้�องและ
ตัวิอย่างนำ�าและนำ�าผิลไมี้ จากงานวิิจัยนี� นักวิิจัยได้สัร้างวิัสัดุเชีิงประกอบ ปล่อยผิลิตภัณฑ์์ออกไปจำาหน่ายได้เร็วิข่�น นอกจากนี� ยังให้ผิลการทดสัอบ
ระหวิ่างเซลลูโลสันาโนไฟเบอร์ (Cellulose Nanofibers) และ กราฟีนออกไซด์ แบบเรียลไทมี์ ทำาให้ตรวิจพบแนวิโน้มีควิามีผิิดปกติและผิลการทดสัอบที�ไมี่
(Graphene Oxide) เพ้�อใชี้เป็นแพลตฟอร์มีสัำาหรับการปรับปรุง เป็นไปตามีข้อกำาหนดได้อย่างรวิดเร็วิ จ่งสัามีารถูดำาเนินการแก้ไขปัญหาได้
พ้�นผิิวิของอิเล็กโทรด ชี่วิยเพิ�มีพ้�นที�ผิิวิและการนำาไฟฟ้า จากนั�นได้ทำาการตร่ง อย่างทันท่วิงที ก่อนที�ปัญหาจะกระทบไปยังผิลิตภัณฑ์์สัุดท้าย
เอนไซมี์อะซิติลโคลีนเอสัเตอเรสั (Acetylcholinesterase; AChE)
ลงบนอิเล็กโทรดที�ผิ่านการดัดแปลงแล้วิ โดยกลไกการทำางานของเซนเซอร์ การใช้้เทคนิิคทางเคมีีและสเปกโทรสโกปีแบบรวดเร็ว
อาศััยหลักการที�วิ่า คลอร์ไพริฟอสัจะยับยั�งการทำางานของเอนไซมี์ AChE การใชี้เทคนิคสัเปกโทรสัโกปีแบบรวิดเร็วิในการวิิเคราะห์ทางเคมีีและทาง
สั่งผิลให้เกิดการเปลี�ยนแปลงของสััญญาณไฟฟ้าที�สัามีารถูวิัดได้ ซ่�งมีี กายภาพ เชี่น เทคนิคเนียร์อินฟราเรดสัเปกโทรสัโกปี (Near Infrared
ควิามีสััมีพันธี์โดยตรงกับควิามีเข้มีข้นของสัารตกค้างในตัวิอย่าง ทำาให้ Spectroscopy; NIR) และเทคนิครามีานสัเปกโทรสัโกปี (Raman
สัามีารถูตรวิจวิัดคลอร์ไพริฟอสัได้อย่างรวิดเร็วิ โดยใชี้เวิลาประมีาณ 10 Spectroscopy) กำาลังได้รับควิามีนิยมีเป็นอย่างสัูงในการตรวิจสัอบคุณภาพ
วิัตถูุดิบและผิลิตภัณฑ์์ในอุตสัาหกรรมี โดยเทคนิค NIR เป็นวิิธีีการวิิเคราะห์
48 FOOD FOCUS THAILAND DEC 2025
25/11/2568 BE 07:52
47-51_Strong QC&QA_CMU.indd 48 25/11/2568 BE 07:52
47-51_Strong QC&QA_CMU.indd 48

