29 เมษายน 2563, กรุงเทพฯ – นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำกระทรวงพาณิชย์และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประชุมแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ไทยสู่ตลาดโลก โดยมีนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พร้อมกับ 6 สมาคมอุตสาหกรรมด้านดิจิทัลคอนเทนท์ โดยการประชุมใช้ระบบ Zoom ประชุมออนไลน์เสริมเข้ามาด้วย
หลังการแลกเปลี่ยนหารือ นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้เป็นเรื่องมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและติดตามสถานการณ์ของภาคธุรกิจบริการที่ใหญ่มากภาคหนึ่งของประเทศ คือ ธุรกิจดิจิทัลคอนเทนท์ หรือเรียกง่ายๆ ว่า ธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับภาพยนตร์แอนิเมชัน รวมทั้งการทำโฆษณา เพลง เกม การ์ตูนในหลากหลายรูปแบบต่างๆ เป็นต้น มูลค่าของธุรกิจในส่วนนี้รวมกันในแต่ละปีของประเทศไทยตกประมาณ 110,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขก้อนใหญ่มาก และเป็นไปตามที่กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายสนับสนุนให้ภาคธุรกิจบริการภาคนี้เติบโตต่อไปในอนาคต เพราะว่าตลาดทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศกว้างใหญ่มาก
สำหรับวันนี้ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสมาคมทั้งหมด 6 สมาคมที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ สมาคมดิจิตอลคอนเทนท์ไทย สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมส์ไทย สมาคมอีเลิร์นนิงแห่งประเทศไทย และสมาคม Bangkok ACM SIGGRAPH Association มีความเห็นร่วมกันว่ากระทรวงพาณิชย์จะเข้ามามีส่วนร่วมสำคัญในการช่วยสนับสนุนให้ภาคธุรกิจนี้เติบโตต่อไปในอนาคตโดยเตรียมมาตรการทั้งหมด 4 เรื่อง
- การช่วยกันสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลคอนเทนท์ไทยแลนด์ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์รวมข้อมูลและศูนย์รวมการทำธุรกิจทั้งในตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศของภาพยนตร์-ละครแอนิเมชัน อีสปอร์ต เพลง หรือธุรกิจการ์ตูนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งในเรื่องของการศึกษา หรือ e-learning
- การปรับรูปแบบของการจัดนิทรรศการ เดิมใช้กระบวนการจับคู่ธุรกิจให้ผู้ซื้อจากต่างประเทศเดินทางมาพบกับผู้ขายหรือผู้ผลิตดิจิทัลคอนเทนท์ในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย จะปรับเปลี่ยนไปในรูปแบบการจับคู่ธุรกิจออนไลน์ให้มากขึ้น ทั้งส่งเสริมตลาดในประเทศและส่งเสริมตลาดในต่างประเทศ โดยจะจัดให้ถี่ขึ้นและโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจนี้เติบโตได้เร็วขึ้น
- การช่วยต่อลมหายใจให้กับธุรกิจดิจิทัลคอนเทนท์ของประเทศไทย เนื่องจากขณะนี้เผชิญกับสถานการณ์โควิด ทำให้หลายภาคส่วนติดขัดในเรื่องของการทำธุรกิจ จะช่วยดำเนินการจัดให้ธนาคารของประเทศไทยสามารถช่วยเหลือเงินสนับสนุนในรูปแบบของเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดยจัดพบปะกันระหว่างธนาคารที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการด้านดิจิทัลคอนเทนท์ โดยกระทรวงพาณิชย์จะจัดเวทีพบปะให้
- สำหรับธุรกิจดิจิทัลคอนเทนท์ของไทยที่มีความจำเป็นจะต้องสร้างแบรนด์ของคนไทยขึ้นมาเองเพื่อแทนที่การรับจ้างผลิตเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์จะเข้ามาร่วมมือกับทั้ง 6 สมาคมในการจัดเวทีให้ภาคการผลิต ทั้ง 6 สมาคมได้มีโอกาสพบกับนักลงทุนต่างประเทศที่จะเข้ามาร่วมกันลงทุน และหน่วยงานภาครัฐที่มีนโยบายสนับสนุนในเรื่องของการทำธุรกิจคอนเทนท์ รวมทั้งในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ด้วย เพื่อที่จะให้มีการจับคู่ลงทุนทางธุรกิจนี้ภายใต้แบรนด์ของคนไทยได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ภายใต้กิจกรรมของวันที่ 25-27 พฤษภาคม 2563 ที่จะถึงนี้ กระทรวงพาณิชย์จะทำกิจกรรมสำคัญเพื่อสนับสนุนธุรกิจดิจิทัลคอนเทนท์สองเรื่องด้วยกัน เรื่องที่หนึ่งจะจัดงานแสดงสินค้าที่ใช้ชื่อว่า M.O.V.E หรือย่อมาจาก Multimedia Online Virtual Exhibition ในรูปแบบของการจัดจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ผลิตของประเทศไทยประมาณ 50 บริษัท พบปะกับผู้ซื้อจากต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้ามาพบปะประมาณไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย ในรูปแบบออนไลน์ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด คาดว่าจะสามารถทำให้เกิดการจับคู่ซื้อขายทางธุรกิจได้ประมาณ 350 คู่ และสามารถกำหนดยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทโดยประมาณ
ส่วนกิจกรรมที่สองจะมีการจัดสัมมนาแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ทั้งในรูปแบบของการให้ความรู้ในเรื่องการใช้ความคิดสร้างสรรค์จากประสบการณ์ของคนไทยที่ไปทำงานอยู่ที่แหล่งผลิตที่มีชื่อเสียงของโลก เช่น วอลท์ดิสนีย์ หรือมาร์เวล เป็นต้น ซึ่งเป็นคนไทยรุ่นใหม่ทั้งสิ้น และทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มีโอกาสเดินทางไปพบกับท่านเหล่านี้ที่สหรัฐอเมริกามาแล้ว ท่านจะให้ความรู้ผ่านออนไลน์มายังคนรุ่นใหม่ของเราที่เป็นนักออกแบบ ผู้ทำสตอรีบอร์ด หรือเป็นผู้ผลิตเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเทคนิคใหม่ๆ ให้ได้รับความรู้เพิ่มเติมจะได้มาพัฒนาดิจิทัลคอนเทนท์ในส่วนของธุรกิจนี้เพื่อพัฒนาให้ดีขึ้นสำหรับคนไทย