บริษัท เอส.เอ็ม.ซี. (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านระบบออโตเมชันในอุตสาหกรรมของไทย ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค แฟคทอรี่ ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เพื่อยกระดับการใช้เทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมอาหารไทย โดยมีเป้าหมายในการสนับสนุนนโยบาย “ครัวไทยสู่ครัวโลก” ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

การลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจ และร่วมสนับสนุนแผนกลยุทธ์ รวมถึงเพิ่มโอกาสทางการตลาดในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีความเชี่ยวชาญ โดยมีวัตถุประสงค์หลักภายใต้ความร่วมมือนี้ ดังนี้
1. แลกเปลี่ยนข้อมูลและเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาร่วมกัน
2. ร่วมกันสำรวจและพัฒนาโครงการใหม่ที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจอุตสาหกรรม
3. สนับสนุนการลดการใช้พลังงานและการปล่อย CO2 เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเพิ่มขีดจำกัดความสามารถของอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ภายใต้แนวคิด “Foods Tech” และก้าวสู่เป้าหมาย “ครัวไทยสู่ครัวโลก”
โดยบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ถือเป็นรากฐานของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ร่วมกันในระยะยาว ที่ตั้งอยู่บนหลักความไว้วางใจ โปร่งใส และสร้างคุณค่าร่วมกัน

ด้าน ดร.ปัญญาพล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส.เอ็ม.ซี. (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารไทยให้เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับภาคการผลิต เพิ่มคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากลแก่ภาคอุตสาหกรรมของไทย ทางเรามุ่งมั่นปรารถนาว่า SMC จะเป็นผู้นำในตลาดนิวเมติกส์ ที่เอื้อต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งการสนับสนุนเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของระบบนิวเมติกส์ออโตเมชัน เพื่อให้ลูกค้าในประเทศไทยได้มีความมั่นใจทั้งในด้านการผลิต มาตรฐานของสินค้า และบริการหลังการขายที่เต็มรูปแบบของเรา”

ขณะที่ คุณวิเชียร งามสุขเกษมศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค แฟคทอรี่ ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพด้านวัตถุดิบและวัฒนธรรมอาหารอันโดดเด่น ทางบริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ บริษัท เอส.เอ็ม.ซี.(ประเทศไทย) จำกัด ในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยให้พร้อมก้าวสู่เวทีโลก ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีขั้นตอนการผลิตที่รวดเร็ว แม่นยำ อีกทั้งยังมีความทนทาน และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนในการผลิต ช่วยให้สินค้าที่ออกจำหน่ายมีมาตรฐานสูงและคุ้มค่าให้แก่ผู้บริโภค”

ภายใต้ข้อตกลง MOU ฉบับนี้ ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันพัฒนาโครงการนำร่อง พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ และจัดอบรมบุคลากร เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านของภาคการผลิตอาหารไทยสู่ยุคเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน รวมถึงตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศต่อไป




























