Category: News

What’s the next big food trend in 2020? According to Whole Foods Market published on website www.wholefoodsmarket.com. The report concluded from asking their panel of trend-forecasters to make the predictions. These culinary experts, buyers and foragers in the global offices and across their 490 stores have decades of experience and expertise in product sourcing, consumer preferences and more. Here’s what to watch out for in 2020.

1. Regenerative Agriculture

Farmers, producers, academics, government agencies, retailers and more are taking a closer look at how to use land and animal management practices to improve soil health and sequester carbon. While the term “regenerative agriculture” can have many definitions, in general it describes farming and grazing practices that restore degraded soil, improve biodiversity and increase carbon capture to create long-lasting environmental benefits, such as positively impacting climate change. You can help by seeking out brands that support regenerative practices.

2. Flour Power

As seasoned and amateur bakers alike look to scratch a creative itch in the kitchen, an array of interesting flours are entering the market making baking more inclusive and adventurous. Consumers on the baking bandwagon are seeking out ingredients used in traditional dishes, like teff flour used for Ethiopian injera. 2020 will bring more interesting fruit and vegetable flours (like banana!) into home pantries, with products like cauliflower flour in bulk and baking aisles, rather than already baked into crusts and snack products. Consumer packaged goods are getting in on the trend by replacing traditional alternative flours with tigernut flour in chips and snack foods, and tasty pastries made with seed flour blends. As consumers look for more ways to boost their bake, “super” flours delivering protein and fiber join the trend. Let the adventures in baking begin!

3. Foods from West Africa

From indigenous superfoods to rich, earthy dishes, traditional West African flavors are popping up everywhere in food and in beverage. The trio of tomatoes, onions and chili peppers form a base for many West African dishes, and peanuts, ginger and lemongrass are all common additions. The 16 nations within West Africa share similar foods, but each have their own specialties based on subtle influences from the Middle East and Western Europe. Brands are looking to West Africa for its superfoods too like moringa and tamarind, and lesser-known cereal grains sorghum, fonio, teff and millet. Chefs like Pierre Thiam are embracing the region too. His new Harlem restaurant, Teranga, is an ode to African culture through food.

4. Out-of-the-Box, Into-the-Fridge Snacking

Life isn’t slowing down, but snack options are more than keeping up. The keyword is “fresh” in this new generation of grabbing and going—gone are the days when the only options were granola bars and mini pretzel bags. The refrigerated section is filling up with the kind of wholesome, fresh snacks typically prepared and portioned in advance at home: hard-boiled eggs with savory toppings, pickled vegetables, drinkable soups and mini dips and dippers of all kinds, all perfectly portioned and in convenient single-serve packaging. Even nutrition bars have made their way from the shelves to the chiller, thanks to the addition of fresh fruits and vegetables. These snacking innovations mean ingredients lists are shrinking and there’s a lot less guesswork in picking up a quick snack you can feel better about.

5. Plant-Based, Beyond Soy

Tofu scrambles may always have a place at the vegan breakfast table, but in 2020 the trendiest brands are slowing down on soy, which has traditionally dominated the plant-based protein space. Some of the products touting “no soy” in the next year will be replacing it instead with innovative blends (like grains and mung beans) to mimic the creamy textures of yogurts and other dairy products. In the supplement aisle, brands are swapping soy for mung bean, hempseed, pumpkin, avocado, watermelon seed and golden chlorella, maintaining the smooth textures in vegan protein powders and bringing a spectrum of plant-based amino acids to the table. As the plant-based movement gains traction with flexitarian eaters, brands are looking to avoid as many of the top allergens as possible, so look for plant-based prepared foods (especially meat alternatives) and traditionally soy-based condiments going soy-less!

Continue to ep.2 or read the full article here: 

Full article: https://www.wholefoodsmarket.com/tips-and-ideas/top-food-trends

 

เศรษฐจีนไตรมาสที่ 1/2563 หดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่จัดเก็บข้อมูล คาดทั้งปี 2563 โตได้ในกรอบร้อยละ 1-3

 

เศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 หดตัวถึงร้อยละ 6.8 (YoY) อันเป็นผลจากมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของจีนที่เข้มข้น ซึ่งมีส่วนทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนในไตรมาสที่ 1/2563 ต้องชะงักงัน อย่างไรก็ดี ถึงแม้ทางการจีนจะเริ่มสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศได้ แต่ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2563 ยังคงไม่ค่อยสดใส ทั้งจากภาพรวมการส่งออกจีนที่ยังถูกกดดันจากการที่หลายประเทศอาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างพร้อมเพรียงกัน การบริโภคภาคเอกชนที่อาจยังไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้เหมือนช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาด รวมทั้งการลงทุนที่อาจรอความชัดเจนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ดังนี้แล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงได้ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2563 จากเดิมในเดือน ม.ค. 2563 ที่คาดว่าจะโตได้ร้อยละ 5.7 ลงมาอยู่ในกรอบร้อยละ 1-3 ด้วยมุมมองที่ระมัดระวัง

 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในไตรมาสที่ 1/2563 หดตัวร้อยละ 6.8 (YoY) ซึ่งนับเป็นการหดตัวทางเศรษฐกิจครั้งแรกในรอบ 28 ปี นับตั้งแต่ที่จีนเริ่มเก็บสถิติในปี 2535 โดยสาเหตุสำคัญมาจากมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของทางการจีนที่เข้มข้น นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ม.ค. 2563 เป็ นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งปิดเมืองในมณฑลหูเป่ย  รวมถึงเมืองไท่โจวและบางส่วนของหางโจวในมณฑลเจ้อเจียงที่ส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ข้างต้น นอกจากนี้ คำสั่งของทางการจีนให้บริษัทนำเที่ยวทั่วประเทศหยุดจำหน่ายแพ็คเกจท่องเที่ยวก็ย่อมกระทบภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศของจีนที่มีมูลค่าถึงราว 1.6 ล้านล้านหยวนใน 1 ไตรมาส โดยผลกระทบบางส่วนได้สะท้อนผ่านตัวเลขการค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 1/2563 ที่หดตัวร้อยละ 19.64 (YTD, YoY) และร้อยละ 8.4 (YTD, YoY) ตามลาดับ ขณะที่ การส่งออกของจีนในไตรมาสที่ 1/2563 ก็ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดนี้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยหดตัวกว่าร้อยละ 13.4 (YoY)

 มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจจีนที่ส่งผลกระทบรุนแรงในไตรมาสที่ 1/2563 นั้นคาดว่าจะเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวที่กดดันภาพรวมเศรษฐกิจจีนทั้งปี 2563 อย่างไรก็ดี ทิศทางการฟื้ นตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่เหลือของปี 2563 จะยังคงต่ำกว่าอัตราการขยายตัวของ GDP ในช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่แต่ละไตรมาสสามารถโตได้ราวร้อยละ 6 (YoY) อันเนื่องมาจาก 3 ปัจจัยท้าทายสำคัญ ได้แก่
o การส่งออกของจีนในช่วงที่เหลือของปี 2563 ยังถูกกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่หลายประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอย (Economic recession) อย่างพร้อมเพรียง อันจะส่งผลทำให้ความต้องการสินค้าจากจีนลดลง โดยมุมมองการส่งออกสินค้าจากจีนไปยังตลาดโลก โดยเฉพาะไปยังสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 จะดีกว่าช่วงครึ่งแรกของปี 2563 แต่จะยังไม่สามารถฟื้นตัวจนทำให้การส่งออกของจีนทั้งปี 2563 พลิกกลับมาเป็นบวกได้ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การส่งออกของจีนในปี 2563 อาจจะหดตัวในกรอบร้อยละ -7 ถึง -11 อย่างไรก็ดี การส่งออกของจีนบางส่วนยังสามารถประคองตัวไว้ได้จากการส่งออกเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่จีนเป็นผ้เูดียวที่มีศักยภาพเพียงพอจะผลิตให้ตลาดโลกได้ในเวลานี้
o การบริโภคภาคเอกชนที่อาจจะเริ่มฟื้ นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 แต่อัตราการขยายตัวอาจไม่สูงเท่ากับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาด อันเนื่องมาจากแนวโน้มการว่างงานของตลาดแรงงานจีนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการที่หลายธุรกิจอาจยังไม่สามารถกลับมาดำเนินการเป็นปกติได้เต็มศักยภาพ โดยอัตราการว่างงานของ 31 เมืองที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนได้ทำการสำรวจพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 5.7 ในเดือน มี.ค. 2563 นอกจากนี้ พฤติกรรมการบริโภคของประชาชนอาจมีความระมัดระวังมากขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย
o การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (Fixed Asset Investment) อาจจะฟื้นตัวล่าช้าอันเป็นผลจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยมูลค่าการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนในไตรมาสที่ 1/2563 หดตัวถึงร้อยละ 16.1 (YoY) โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการผลิตที่หดตัวกว่าร้อยละ 21.9 (YoY) ซึ่งนับเป็นสัญญาณทางเศรษฐกิจที่อาจบ่งชี้ได้ว่า ภาคธุรกิจจีนอาจยังไม่พร้อมลงทุนเพิ่มในปี นี้จนกว่าความชัดเจนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะเป็นที่ประจักษ์

 จากประเด็นท้าทายข้างต้น ประกอบกับอัตราการขยายตัวของ GDP จีนในไตรมาสที่ 1/2563 ที่หดตัวอย่างมาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนทั้งปี 2563 ลงมาอยู่ในกรอบร้อยละ 1-3 โดยมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่เศรษฐกิจจีนจะเติบโตไม่เกินร้อยละ 2 ซึ่งชะลอลงจากปี 2562 ที่ GDP จีนขยายตัวได้ร้อยละ 6.1 ทั้งนี้ จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจจีนในระดับที่สูง ทางการจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนโยบายการคลังและการเงิน เพื่อบรรเทาภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 เป็นต้นมา
ทางการจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายขนาน โดยเฉพาะนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจ

 

จากภาวะเศรษฐกิจจีนในปี 2563 ที่มีแนวโน้มเติบโตต่ำมากจนอาจส่งผลให้ทางการจีนยากที่จะบรรลุเป้าหมายการเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2563 นี้ ให้ขยายตัวเป็น 2 เท่าจากปี 2553 นอกจากนี้ ทางการจีนอาจจะประสบความท้าทายในการรักษาอัตราการจ้างงานให้มั่นคง ดั่งที่ได้เคยระบุไว้ในการประชุมงานด้านเศรษฐกิจส่วนกลางของจีนเมื่อช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมา ดังนั้น ทางการจีนอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งมาตรการทางการเงินและการคลังเพิ่มเติม เพื่อประคองสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเด็นด้านภาระหนี้ของภาคเอกชนจีนที่อยู่ในระดับสูง

 แม้จะดูเหมือนว่า จีนจะผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ได้ก่อนประเทศอื่นๆ แต่การที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยส่งผลให้ทางการจีนคงจะไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากที่จะต้องดาเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งผ่านมาตรการด้านการเงินและการคลัง ต่อเนื่องอย่างน้อยก็ในระยะสั้น จนกว่าจะแน่ใจว่าความเสี่ยงของการถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงจะลดลง ซึ่งคาดว่า ทางการจีนคงจะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเมื่อมั่นใจแล้วว่า เศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้แล้ว ทางการจีนคงจะทยอยปรับนโยบายการเงินและการคลังให้เข้าสู่ภาวะปกติตามเดิม ทั้งนี้ เพื่อมิให้นโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลายมากเกินไป นำมาสู่ปัญหาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจจีนในระยะยาว
 ทั้งนี้ ความเปราะบางของเศรษฐกิจจีนในปัจจุบันที่ทางการเร่งสะสางอยู่นั้น นอกเหนือจากระดับหนี้ของจีนที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะภาระหนี้ภาคธุรกิจ (ไม่รวมสถาบันการเงิน) ที่อยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 150.3 ต่อ GDP ณ สิ้นปี 2562 แล้ว สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจากการที่ทางการจีนหันมาเน้นการบริโภคภายในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น อาจเป็นความท้าทายใหม่ของทางการจีนในระยะข้างหน้า โดยหากทางการจีนปรับใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ผ่านการเร่งการบริโภคภาคเอกชนให้กลับมาฟื้นตัว อาจจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงของระบบการเงินอย่างเหมาะสม เพื่อควบคุมคุณภาพสินเชื่อภาคครัวเรือนไม่ให้ถดถอย ท่ามกลางรายได้ของครัวเรือนและการจ้างงานที่ซบเซาจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

 

The Chinese economy contracted by 6.8 percent (YoY) in 1Q20, marking the first time that the Chinese economy has experienced a contraction since statistical reports began in 1992. The main reason for this phenomenon is the stringent COVID-19 disease control and prevention measures issued by the Chinese authorities, including lockdown orders and orders for domestic tour operators to cease tour package sales. Such measures have caused a partial stagnation of economic activity throughout China. Some of the impacts can be seen in retail sales and industrial production figures in 1Q20, which declined by 19.64 percent (YTD, YoY) and 8.4 percent (YTD, YoY), respectively.

Although the Chinese authorities have started to gain control of their outbreak situation, the prospects for immediate recovery of the Chinese economy are not so bright, based on the overall picture of Chinese exports, which continue to face pressure from the sheer number of countries that may simultaneously enter recession. Likewise, private consumption might then be unable to return to the level it held prior to the pandemic, in the same way as investments are being held back in anticipation of a clear revival of the world economy. KResearch has readjusted its projection for economic expansion in 2020, from a previous projection made in January 2020: the new figure is a cautious expectation of growth in the range of 1-3 percent, compared to the original projection of 5.7 percent.

With China’s economic conditions set on a trajectory of very low growth, to the extent that the Chinese authorities will be hard-pressed to fulfill their goal of doubling the amount of gross domestic product (GDP) from 2010, more stimulus packages may be issued in the form of monetary and fiscal policies to help sustain the economy. Monetary and fiscal policy normalization can be expected once the Chinese economy begins to show signs of recovery, to ensure that such policies are not too relaxed which might lead to stability issues for the Chinese economy in the long term.

ภายในงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก Sial Paris 2018 ในส่วนของ Future Lab ได้มีการนำเสนอ 3 แนวโน้มที่ส่งผลต่อรูปแบบของอาหารในอนาคตปี 2030 ที่น่าสนใจดังนี้

1. กระแสการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลก จาก 7.3 ล้านคน ในปี 2015 เพิ่มเป็น 8.5 ล้านคนและ 9.3 ล้านคน ในปี 2030 และ 2050 ตามลำดับ จะส่งผลให้ปริมาณความต้องการอาหารเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่พื้นที่เพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์สำหรับเป็นอาหารกลับลดปริมาณลงอย่างต่อเนื่อง จากการถูกแทนที่ด้วยที่อยู่อาศัย

จึงไม่แปลกที่ในอนาคตอันใกล้นี้ ผลิตภัณฑ์อาหารรูปแบบใหม่ อาทิ โปรตีนจากพืช และโปรตีนสัตว์อย่างแมลง จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้บริโภค โดยปัจจุบันเริ่มมีผู้ผลิตนำเสนอผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกสู่ตลาดแล้ว ยกตัวอย่างเช่น สแน็คบาร์จากจิ้งหรีด สเปรดโปรตีนจากถั่ว และน้ำนมถั่ว เป็นต้น

2. แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของการอพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่อาศัยในเมืองใหญ่ของประชากร ซึ่งส่วนใหญ่นิยมการเข้าเมืองเพื่อมาหางานทำและประกอบอาชีพที่สร้างรายได้ที่มากกว่าการอาศัยอยู่ในชนบท ทำให้เกิดชุมชนเมืองที่มีการแข่งขันและการดำรงชีวิตที่เร่งรีบ ส่งผลให้หลายครอบครัวมีเวลาในการปรุงอาหารเพื่อรับประทานด้วยตนเองลดน้อยลง

ดังนั้น ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานและการรับประทานอาหารในร้านอาหารนอกบ้าน จึงได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภคที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ อย่างไรก็ตาม การปรุงอาหารเพื่อรับประทานเองที่บ้านก็ยังเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ เพราะนอกจากจะได้ความสดใหม่ของอาหารและรสชาติที่ถูกใจแล้ว การปรุงอาหารยังเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ช่วยให้ผ่อนคลายได้อีกด้วย และด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัย ทำให้การปรุงอาหารด้วยตนเองไม่ยุ่งยากอีกต่อไป เพราะมีตัวช่วยอย่าง หุ่นยนต์ปรุงอาหาร (Robot Chef) ที่ในอนาคตอาจจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์และเครื่องใช้ภายในบ้าน นอกเหนือจากทีวีและตู้เย็น โดยหุ่นยนต์ปรุงอาหารนี้ สามารถตั้งโปรแกรมการปรุงอาหารด้วยสูตรเฉพาะของผู้บริโภคเอง หรือสูตรการปรุงอาหารของเชฟระดับโลกที่หลากหลายได้อีกด้วย

3. การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ ยังคงเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยแนวโน้มของผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพที่ผู้บริโภคต้องการในอนาคต จะต้องมาจากวัตถุดิบธรรมชาติที่ผ่านการปรุงแต่งน้อย แต่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้น กลุ่มอาหาร Probiotic (อาหารที่มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น โยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวที่มีจุลินทรีย์แล็กโตบาซิลลัส และอาหารหมักดองด้วยวิธีธรรมชาติ เป็นต้น) และกลุ่มอาหาร Prebiotic (อาหารที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของจุลินทรีย์ Probiotic ในร่างกาย เช่น น้ำตาลแอลกอฮอล์ โอลิโกแซกคาไรด์ และอินนูลิน เป็นต้น) จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ ในอนาคตเทคโนโลยีที่ทำให้การเข้าถึงข้อมูลเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกรวดเร็วอย่าง Smart phone จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจาวันของผู้บริโภคที่ห่วงใยเรื่องสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การตรวจสอบแหล่งที่มาและคุณค่าทางโภชนาการของอาหารด้วย Food Traceability การควบคุมน้ำหนักด้วยการเลือกรับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสมจากการคำนวณด้วย Diet App หรือแม้แต่การเลือกรับประทานอาหารที่เฉพาะเจาะจงตามสุขภาพของแต่ละบุคคลด้วย Personal Food & Health ก็จะได้รับความนิยมและมีการใช้งานเพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้บริโภคในอนาคต

ดังนั้น โอกาสที่ผู้ประกอบการผลิตอาหารจะสามารถผลิตสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในอนาคตดังกล่าวได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดึงความเชื่อมโยงของกระแสการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและเทคโนโลยีทั้ง 3 แนวโน้มดังกล่าว มาเป็นจุดตั้งต้นในการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร รวมถึงธุรกิจบริการอาหารรูปแบบใหม่ให้ได้

——————————————————————————————————————

ที่มา: แบบฟอร์มเอกสารองค์ความรู้ด้านนวัตกรรม (FM-IN-SN-01). NFI Food Innovation Issue. เรียบเรียงโดย มยุรา ปรารถนาเปลี่ยน ฝ่ายส่งเสริมนวัตกรรม สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม.

In view of the global spread of COVID-19 (coronavirus), and after intensive consultation and communication with exhibitors and partners, we will postpone SIAL China 2020 to September 28th – 30th, 2020 at National Exhibition and Convention Center (Shanghai) (NECC).

The serious international concerns of COVID-19 dictate that health and safety of exhibitors and visitors must be our priority. Therefore, we have undertaken further analysis of the current situation. In light of cities like Beijing and Shanghai adding more precautionary restrictions, such as a 14-day self-isolation upon landing in China, we must reconsider our plans. The impact on travel in May, for our international participants, is too logistically challenging to continue as planned. Therefore, as the organizer of SIAL China, we have decided to postpone the SIAL China 2020 to September. We are pleased to report that this decision is supported by both international and domestic exhibitors and partners.

Currently all our work, preparation and promotion for SIAL China 2020 has adapted to the new exhibition date and venue. We will work closely with the venue and all partners in the coming months to make sure SIAL China 2020 will have a great edition in September. At this moment we invite all our international exhibitors, visitors and partners to follow the most up-to-date news about SIAL China 2020 on our website and social media accounts. For more information, free visitor registration and the pre-cautions will be taken onsite, please visit www.sialchina.com.

We would like to sincerely thank you for your understanding and support. We look forward to welcoming you to SIAL China 2020 in September 28^th-30^th at NECC.

ยุครุ่งเรืองของธุรกิจสตาร์ทอัพด้านอาหารอาจจะจบลงไปตั้งแต่ก่อนจะมีโคโรนาไวรัสเสียด้วยซ้ำ

จะเห็นว่าแบรนด์สตาร์ทอัพอาหารและเครื่องดื่มกำลังไปได้สวย แต่ในด้านการลงทุนเพื่อสร้างรายได้หรือเปิดตัวธุรกิจสตาร์ทัพใหม่ของตัวเองดูจะเป็นความเสี่ยงสูงเกินไปและยิ่งด้วยตอนนี้มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 “การลงทุนสตาร์ทอัพอาจจะเป็นวิธีการผลาญเงินทุนที่ดูเข้าท่าที่สุดเหมือนกับการเดิมพันระยะสั้น” Julian Mellentin, Director of international consultancy New Nutrition Business (NNB) ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมอาหารกล่าว

---

Start-up food and beverage brands are cool. But investing in, acquiring, or launching your own start-up is ultra high-risk – and even more so now thanks to COVID19. “A start-up may be the most effective way to destroy your capital, short of betting on horses,” says food industry expert Julian Mellentin, Director of international consultancy New Nutrition Business (NNB).

“In 2019 it was becoming clear that all was not rosy in the start-up garden,” said Mellentin. “We had learnt from talking to the market that most start-ups fail to achieve scale and most have terrible financials.”

“And the big successes that every investor wants – like Chobani or Grenade – were rare outliers,” he adds.

NNB’s research focused solely on the UK market, which is Europe’s start-up capital, producing more challenger brands than anywhere else in Europe. The UK retail environment also favours start-ups, with giant retailers willing to giving them shelf-space.

NNB selected 83 companies that had launched between 2005 and 2015. “We cut off at 2015 so that there would be at least three years of data for the newest companies,” Mellentin explains.

The analysis shows that achieving profitability and scale is the exception, not the rule:

• In 2018, only 27 (33%) of the 83 businesses made any profit. The combined sales of these profitable companies was £238.9 million ($298.4m/€273.5m).
• Of these, only seven achieved any scale.
• A further 15 (18%) folded.
• The remaining 41 (49%) were producing losses.
• Failure to scale = no profitability – the ‘happy place’ was found at annual sales above £35 million ($43.7m/€40.1m).

 

 

The biggest winners were in snacking

Snacking was the most profitable category with an average profit margin of 4.2%. The three most successful companies in the total sample were snacking companies:
1. Nature Delivered (better known by its Graze brand)
2. Grenade, maker of Carb Killa bars
3. Urban Fresh Foods, a maker of fruit snacks for kids and adults

These three companies alone accounted for 51% of the sales and 52% of the total profits of the 27 companies who were profitable in 2018.

Dairy did well, plant-based dairy did not

“The dairy companies in our sample were also mostly successful,” comments Mellentin. “Companies like Collective Dairy and Biotiful are growing and making profits.”

However, none of the companies making plant-based substitute milks or yoghurts in the sample had ever made a profit, and in one case losses were worsening each year: “Despite the hype about dairy substitutes, it’s clearly still a niche and a very crowded one.”

NNB’s research threw up a few golden rules for start-up success:

1. Understand the category you are going into: Know the category and its dynamics (and which categories to avoid). It’s clear that some categories have profound challenges. Gluten-free bakery, for example, may be past its peak.

2. Successful entrepreneurs don’t always win twice: Previous success is no guarantee of success with a new venture. It depends more on the category dynamics. “One very successful entrepreneur had gone into a new category, but after seven years the new business was still nowhere near making a profit,” says Mellentin.

3. Create a point of difference: Collective Dairy is a successful insurgent brand in the UK. Its flavours, packaging and total proposition stand out in an over-crowded yoghurt aisle.

4. Good taste and texture help you win: Grenade, Urban Fruit, Graze, Collective Dairy, Biotiful – all these companies deliver on taste and texture and they are among the biggest winners.

5. If you want to sell your business, make a profit: “The investor’s hope, which originated in Silicon Valley 20 years ago, is that you can focus on growth and the profits will follow,” Mellentin observes. “It’s clear that in food and beverage that doesn’t apply. None of the loss-making businesses achieved an exit sale for their founding investors, with the exception of one bakery business which was sold to a private equity group which has since grown sales but never managed to make their acquisition achieve a profit.”

Aurora Organic Dairy installed an Aseptic Combi Predis^TM from Sidel in their second milk plant, a greenfield project in Columbia, Missouri. FDA-approved and part of a complete line, which also features Tetra Pak Processing Systems technology, this bottling solution helped the key player in the US organic dairy market expand its organic milk offerings from ultra-pasteurized cartons and HDPE gallon jugs to PET. This choice marks the start of a new journey for Aurora: bottling its UHT milk in PET, ultimately enabling an attractive and premium packaging that reaches consumers in new channels.

Founded in 1976 and headquartered in Colorado, Aurora is a pioneer in the field of sustainable and organic milk production. The company has come a long way from converting its first farm in Colorado to exclusive organic production in 2003 and building its on-farm milk plant in Platteville, Colorado in 2004. Now, Aurora Organic Dairy is the leading producer and processor of store-brand organic milk and butter for US retailers. The company’s unique selling point is their philosophy that starts from crop growing to distribution of their award-winning dairy products: the company’s vertically integrated supply chain offers unparalleled traceability and affordable organic dairy with excellent quality. As they constantly seek to collaborate with forward-thinking companies that share their values around innovation, they chose Sidel’s Aseptic Combi Predis at their new plant in Columbia, Missouri. This solution allows for an expanded product line, namely a variety of products in PET bottles.

Breaking with traditions to sustain core values in a competitive market

As the leading store-brand organic dairy producer and processor in the US, Aurora continues to challenge themselves in line with their goal: to bring organic milk to mainstream America with the highest quality and freshness, more affordable pricing and improved availability for consumers. According to Aurora Organic Dairy’s Chief Customer Officer, Jason Lee, the beverage category has been quickly changing, which makes it difficult to compete in the traditional Liquid Dairy Products (LDP) market without adapting to change. He explains, “We’re seeing growth opportunities and customer interest in aseptically bottled milk and milk-based products in PET. These observations have opened the door for unique private brand products to stand out on the shelf – setting them apart from national brands and the more traditional packaging for liquid dairy. We continue to work toward our mission by bringing the nutritional benefits of organic dairy products to more people, in more places with a commitment to integrity in everything we do. This is why we relentlessly seek innovations to achieve product differentiation.”

After years of processing ultra-pasteurized milk in gallon jugs and half gallon cartons, Aurora started to bottle low-acid, shelf-stable organic milk in PET in 2019 by choosing Sidel’s Aseptic Combi Predis. By doing so, Aurora benefits from increased marketing opportunities while leveraging a cost-effective and flexible production process. PET packaging allows brand differentiation due to the virtually endless design freedom it offers, while ensuring strong brand recognition across a complete bottle family from large to on-the-go formats. These properties are highly valued by Aurora, which is now producing its organic milk bottled in PET in 8oz, 12oz, 16oz and 32oz squared containers, reminiscent of the classic glass milk bottles used for home delivery in the past.

An FDA-approved aseptic PET solution for Aurora

Aurora implemented Sidel’s Aseptic Combi Predis because of its certified proficiency: on top of its more than 180 references worldwide, the solution was the world’s first aseptic PET filling equipment with dry preform sterilisation to get approved by the FDA three years ago. Thus, Aurora’s extremely high standards are preserved by the barrier properties offered by PET – enabling the highest food safety requirements – and the 100% sterile processing and packaging provided by the line. Sidel’s reputation in aseptic packaging (more than 40 years both in PET and in aseptic applications) was also a key purchasing factor for Aurora, backed up by their first-hand experience of Sidel’s centre of expertise for filling plus some customer visits in the US as well as in Europe to observe the Combi Predis in action.

Big change made easy

Sidel’s Aseptic Combi Predis offers the simplest and fastest dry preform decontamination on the market, the lowest Total Cost of Ownership (TCO) and an optimised environmental footprint. No water is used in this process and the use of chemicals is radically reduced while maintaining a high output, offering great ease of operations and ensuring a very flexible production. The latter aspect was a critical success factor in this project, considering Aurora’s need for producing multiple SKUs and delivering on store brands’ expectations.

Teams from Sidel and Aurora have completed the ramp-up and the commercial validation of the aseptic PET complete line, successfully filling the various bottle formats, now available on the market.

“Our innovation team has been working very closely with the Sidel packaging team to quickly develop new container designs. Sidel has been a great partner throughout this process, and we are extremely excited about the future capabilities this line provides us and our customers,” Lee concludes.

The European Organization for Packaging and the Environment (EUROPEN) called on the European Commission on 20 March to recognise packaging as an essential component in maintaining the uninterrupted flow of product groups that the Commission has identified as critical such as “health-related and perishable goods, notably foodstuffs.*”

Amid food shortage fears, particularly for fresh produce and uncertainties unnerving the global community in the wake of the Coronavirus pandemic, sustainable packaging specialist StePac demonstrates how its modified atmosphere packaging solutions can help alleviate many of the concerns related to food contamination and food security.

While governments are coordinating necessary measures to ensure the continuous movement of fresh produce between countries and continents, border restrictions and workforce shortages have induced considerable delays in cargo flows, rendering perishables particularly vulnerable to spoilage and waste.

StePac developed advanced Modified Atmosphere Packaging (MAP) solutions which effectively delays ripening and ageing processes, inhibits microbial decay and preserves the quality and nutritional value of the fruit and vegetables packed within. The packaging is extensively used for prolonged storage and long-haul shipments of a range of fruits and vegetables.

The implicit abilities to significantly extend shelf-life via StePac’s modified atmosphere packaging has been instrumental in helping growers, packers and distributors extend seasonality, ship by sea instead of by air and reduce waste along the supply chain in order to supply fresh produce safely and in intact quality.

“We are continuously hearing reports of vessels not being unloaded on time, and containers left sitting for long periods at harbours,” says Gary Ward, Ph.D., Business Development Manager for StePac. “Fresh produce exporters and importers are concerned that by the time their produce reaches the customer, the quality will have deteriorated considerably, impacting its value and increasing waste. Our unique packaging products can extend the shelf life of fresh produce by 50% to 100% offering a lifeline for all stakeholders in the fresh produce supply chain and help weather the logistical storms.”

Another current major concern is the contamination risks that can arise from handling of foodstuffs. Customers are increasingly seeking packaged fresh produce that traditionally sit naked on the shelves.

“StePac’s Xgo™ brand of retail packaging formats are hermetically sealed,” explains Ward. “They not only preserve the quality of the produce and extend shelf life, but also act as a physical barrier that prevents contact of the produce by the human hand from the moment it is packed until it is opened by the consumer. Consequently, once packed – the risk of produce being contaminated during the supply chain is effectively eliminated. Such assurance is not guaranteed when fruits and vegetables are sold loose or housed in packaging with punch holes or perforations.”

Perishable fruits and vegetables, characterised by a relatively short shelf life, gain an extended life span— a benefit that becomes only more vital in times of possible shortages and profligate stockpiling by the consumer.

The company’s unique polymer packaging formulation has also demonstrated capabilities for preserving nutritional value of fresh produce following prolonged storage. A 2018 independent study conducted by the Scientific and Technological Research Council of Turkey analyzed the post-harvest quality of Hicaznar pomegranate fruit packaged in StePac’s Xtend® branded MAP packaging and noted that this packaging better preserves the vitamin C content than the naked control during  six months of storage at 6°C.

In addition, nutritional analysis of shipments of fresh broccoli arriving to Japan revealed that the general nutritive value and vitamin C levels were better retained in Xtend iceless packaging than in standard iced packed broccoli. “Vitamin C is known to help strengthen the immune system and tackle infections, such as the common cold and flu. Consumers are seeking natural immune boosting sources in the hope of building better resistance to the COVID-19 virus,” adds Ward.

——————————————————————————————————————-

*https://europen-packaging.eu/news/news/133-packaging-needs-to-be-recognised-by-eu-and-national-governments-as-an-essential-part-of-the-continued-flow-of-goods-during-the-covid-19-pandemic.html

ร้านอาหาร Mango Tree ส่งสารถึงทุกสาขาทั่วโลก ถึงหนทางที่ต้องฟันฝ่าและความยากลำบากของเจ้าของธุรกิจร้านอาหารทั่วโลกในช่วงของสถานการณ์โควิด

ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาก็เรียกได้ว่าร้านอาหารไม่มีรายได้เลย ร้อยละ 90% ของร้านอาหาร Mango Tree ใน 14 ประเทศทั่วโลกถึงกับต้องปิดกิจการลง แล้วเราจะอยู่รอดอย่างไรในช่วงเวลาเช่นนี้ มีบทเรียนอะไรที่เราได้เรียนรู้และจะกลับมาแข็งแกร่งขึ้นได้อีก_ Trevor MacKenzie, Managing Director, Mango Tree Worldwide ให้ความเห็น

——————————————————————————————————

Since January there has been no income. 90% of Mango Tree Worldwide’s restaurants in 14 countries have closed. How to survive in times like these? What are the lessons learned and how to come back stronger?

“The best–laid plans of mice and men often go awry. That couldn’t be more true now as we sit and look at our 2020 business plans and go ah, what to do now. I am no different. Starting 2020, what company would not be proud of a 1^st quarter performance with five new locations opened? How to stay positive when business is falling in tatters all around you? It has not always been easy to stay upbeat. I spent a whole day pretty much frozen. But the thaw started when my wife scolded me for looking grumpy. She was right. How can you lead by example if you are not positive all the time? I am naturally positive and I look for light in darkness and the light is appearing for our 71 COCA and Mango Tree brands. In China and Hong Kong. we are reopening and will climb steadily once more, day by day, week by week. In Thailand our delivery is working!” Trevor MacKenzie, Managing Director, Mango Tree Worldwide started the topic.

Transparency 

What’s undeniable, is business leaders are getting to see the reality of where their businesses are at and I am no different. This is the first major crisis for me, as I am sure it is for many. It has become a time of humbleness and transparency. Transparency in letting staff know the reality we were facing with 90% of our restaurants worldwide shut down. With virtually no revenue since January we had to be honest and say we may lose our jobs if we run out of cashflow. But because of transparency, my offer of a salary reduction, and staff helping with their salaries, we were able to stretch our cashflow. Then the magic started to happen. There were smiles, relief and we bonded as a team. They are positive, not stressed and working from home even more productively than before.

Fiscal Discipline

We have always been fairly disciplined fiscally and I have prided myself on running a profitable overseas business for years. I got to see that we were not prepared for a six- to nine-months tenure and it exposed some of our weaknesses in receivables. If we had been more diligent with our receivables we would not have had to go to our staff and ask for their help. It was also a great reflection that our business is one dimensional. We collect royalties and franchise fees and we do not have other sources of income so how do we retool our business to find other ways of creating revenue. We now conduct 15-minute brainstorms to everyday on how we can transform our business and the results have been superb.

Digital, Digital, Digital 

Talking digital is important. It’s been important for years but moving on it has been a challenge. Now we have fast tracked launching our new Intranet platform called + Inspire with the goal of educating every single employee worldwide about our brands and the heart and soul of who we are along with other vital trainings. It’s also vital also because of delivery. To be honest I am not a delivery fan. I am the cook fresh and eat type. But with Covid-19 everything has moved digital because restaurants are closed. As delivery has such high charges it inspired us to start our own COCA MAN and Mango Man to deliver with the delivery fee going direct to the drivers. Digitally we are still in touch with our customers, even though we are closed, so when we open they will remember us and return! What’s my wake up in this – make my digital team even bigger, better and faster.

Humanity Inspiration

I was inspired by a speech by Andrew Cuomo the NY governor. He said “it’s time for leaders to stand up and lead, a time to inspire, a time to be empathetic and pick people up who maybe can’t get passed the anxiety”. It was music to my ears just a straight from the heart call on people to help one another. The next day I came in fired up and said guys we have to help inspire our franchisees in a way like we have never done before. We have started by sending out a newsflash twice a week that gives franchisees ideas on how to survive this crisis and a dose of real humanity as well. The outpouring of humanity has led to a fast track launching of “Touching Your Community” a programme we have that connects our restaurants with farmers, fishermen, and local suppliers.

I have to admit that this crisis has done wonders for our company and shows that we as a team will emerge stronger and better. It’s given us time to cleanup and re-connect, plus the impetus for digital and fiscal transformations. It’s given us insight that daily we need to slow down and take time to think, to let new ideas be heard vs trampled by the urgencies of day-to-day operations. Its taught us that at the end of the day we are human. We are social and we cannot change that. While digitization has its place we still need to have the experience of our human senses. We need to come together to feel safe and inspired. We need to add value daily to others’ lives as kindness and giving are surely key the meaning of life. Just reflect for three minutes on what are you doing to help uplift people and think how can you spread this to three other people’s lives today. Now there is a new positive virus that can spread.

Reliably Gripping and Turning Small Parts

Compact rotary gripper module EHMD from Festo

The extremely compact rotary gripper module EHMD is the ideal choice in many applications where small objects need to be gripped and turned in confined spaces. For example, it can be used in laboratory automation to open small sample vials with ease. The Z module automatically adjusts to the thread pitches of the caps, eliminating the need for head/adapter changeover times.

Whether for in-vitro diagnostics, cell or genome research or quality inspections in the biotech and pharmaceutical industries, the rotary gripper module EHMD is completely reliable. This holds true for preparing and analysing samples, loading centrifuges, gripping, rotating and placing microwell plates or even opening and closing sample vials of different sizes.

Combined with a 3D gantry and a camera, it can support quality inspections with cameras, recognise bar codes, or print labels with a label printer. It is also perfect for use in light assembly or in the electronics industry.
 
Pneumatic or Electric
The EHMD comes in two versions: fully electric or with a pneumatic gripper. Both permit infinite rotation. The optional assembly module with Z compensation automatically adjusts to the thread pitch of the caps without moving the Z-axis. When powered by the motor controller CMMO-ST from Festo, it allows sample containers of unknown size to be gripped with varying levels of force.
More information: www.festo.com/lab