Category: News

Messe Düsseldorf is postponing the leading international trade fair interpack. It will now take place from 25 February to 3 March 2021.

In doing so, Messe Düsseldorf is following the recommendation of the crisis management team of the German Federal Government to take into account the principles of the Robert Koch Institute when assessing the risk of major events. Based on this recommendation and the recent significant increase in the number of people infected with the new corona virus (SARS-CoV-2), including in Europe, Messe Düsseldorf has reassessed the situation. In addition, there is the general ruling issued by the city of Düsseldorf on 11 March 2020, in which major events with more than 1,000 participants present at the same time are generally prohibited.

“The decision was taken in close consultation with our advisory board and sponsoring associations,” emphasises Werner M. Dornscheidt, Chairman of the Board of Management of Messe Düsseldorf GmbH. It also reflects the wishes of individual industries: “As their partner, we are currently doing everything in our power to reduce the economic losses suffered by our exhibitors”.

“The city of Düsseldorf is following the instructions of the state government. Our aim is to slow down the spread of the corona virus so that the health system can continue to function properly,” emphasises Thomas Geisel, Lord Mayor of the state capital of Düsseldorf and Chairman of the Supervisory Board of the Düsseldorf trade fair company.

Delaying the spread of the virus as much as possible is also a declared goal according to the Robert Koch Institute (RKI). In order to fulfil Messe Düsseldorf’s responsibility for risk prevention, the company primarily had to minimise the increased risk of infection at major events. Measures to reduce the risk of transmission at major events, which the Robert Koch Institute has clearly defined – such as ventilation of the venue appropriate to the risk of infection, the exclusion of persons from risk groups and the comprehensive installation of entrance screening, were practically impossible to implement. Also comparable measures were and are unreasonable in view of the unforeseeable rapid development and the size of the various events with up to 60,000 participants.

interpack’s industry partners support the decision to postpone the fair and together with those responsible, are counting on a successful event next year. “interpack is the absolute top event for the international packaging industry and related processing industries. The trade fair thrives on personal encounters and direct exchange between people from all over the world. This is only possible if there are no health risks involved. Therefore, the postponement is responsible and right. We are looking forward to next year’s event to discuss the issues that are defining the industry, such as sustainability, and to present appropriate solutions,” comments Christian Traumann, President of interpack 2020 and Managing Director & Group President at Multivac Sepp Haggenmüller SE & Co. KG.

“The corona virus and the associated restrictions now represent a major challenge for the entire mechanical engineering sector. The possible and currently unforeseeable effects of the pathogen with an incalculable risk of infection, the threat of quarantine for returnees, general travel restrictions in some countries, but also considerable travel restrictions on the part of many companies unfortunately make it impossible to successfully hold the interpack in May. The VDMA, as a supporting association of interpack, welcomes a postponement under the given exceptional circumstances. The new date now ensures reliability in planning” says Richard Clemens, Managing Director of the VDMA Food Processing and Packaging Machinery Association.

The Düsseldorf hotel industry is also sending out an important signal through its umbrella organisation DEHOGA (Trade Association for the Hospitality Industry): “We appeal to our members and the entire industry to be flexible when it comes to rebooking by exhibitors and visitors. The Düsseldorf trade fairs such as interpack play an enormously important role for the city, the hotel industry and the catering trade. It would be counterproductive not to show goodwill in this situation,” as both DEHOGA-Representatives Giuseppe Saitta (Chairman Düsseldorf/District Group Rhein-Kreis Neuss) and Rolf D. Steinert (Düsseldorf/Rhein-Kreis Neuss Hotels and Tourism Group) emphasise.

Werner M. Dornscheidt is pleased about the general consensus and encouragement in this special situation: “We would like to thank all our partners for their excellent cooperation in making these difficult and time sensitive decisions. We are pleased that together a date was found so quickly in order to allow all those affected to reliably plan.”

——————————————————————————————————————-

More information: www.interpack.de

กลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่า ในประเทศไทย อันประกอบไปด้วย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความสำเร็จในฐานะผู้นำตลาดน้ำอัดลมในประเทศไทยด้วยผลการดำเนินงานประจำปี 2562 ที่แข็งแกร่ง และครองใจผู้บริโภคต่อเนื่องขึ้นแท่นแบรนด์น้ำอัดลมที่ผู้บริโภคชื่นชอบมากที่สุด จากผลสำรวจ Thailand’s Most Admired Brands เป็นระยะเวลาถึง 19 ปี และเพื่อเป็นการต่อยอดตำแหน่งผู้นำตลาด โคคา-โคล่าเดินหน้าเปิดตัวแคมเปญฤดูร้อน “ร้อนนี้ ส่งโค้กให้…” นำแคมเปญระดับโลกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ “โค้ก” กลับมาอีกครั้ง พร้อมกิจกรรมการตลาดเน้นมอบประสบการณ์น่าตื่นเต้นมากมายให้ผู้บริโภคได้ส่งต่อความรู้สึกในแบบฉบับของตัวเองให้คนใกล้ชิดได้มากยิ่งขึ้นผ่านบรรจุภัณฑ์ที่พิมพ์ชื่อเล่นยอดฮิตและข้อความบอกความรู้สึกที่ทันสมัยโดนใจ กว่า 400 แบบ

จากรายงานดัชนีค้าปลีกของบริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด ในปีที่ผ่านมา ตลาดน้ำอัดลมเป็นเซ็กเม้นต์ที่มีการเติบโตถึงร้อยละ 11.7 และจากตลาดที่มีมูลค่ากว่า 56,000 ล้านบาทนี้ ผลิตภัณฑ์โคล่ามีสัดส่วนมากที่สุด ด้วยอัตราการเติบโต ร้อยละ 12.9 คิดเป็นมูลค่าเกือบ 40,000 ล้านบาท โดยแบรนด์โค้กยังคงครองความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดด้วยส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 35.7 และที่สำคัญ โคคา-โคล่า ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์น้ำอัดลมที่ผู้บริโภคชื่นชอบมากที่สุด จากผลสำรวจ Thailand’s Most Admired Brands ประจำปี 2563 ในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งนับเป็นการได้รับรางวัลนี้เป็นปีที่ 19 แล้ว

นางสาวมัณฑนา หล่อไกรเลิศ ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โคคา-โคล่า ยึดถือความต้องการของผู้บริโภคเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจอยู่เสมอ ซึ่งผลความสำเร็จดังกล่าวถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความไว้วางใจที่ผู้บริโภคมอบให้แก่แบรนด์อย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากความสำเร็จของ “โค้ก” แล้ว “แฟนต้า” และ “สไปร์ท” เองก็ถูกจัดเป็นแบรนด์ชั้นนำในตลาดน้ำอัดลมเช่นกัน”

เพื่อสานต่อความสำเร็จในฐานะผู้นำตลาดน้ำอัดลมต่อเนื่องในปี 2563 นี้ โคคา-โคล่า เตรียมเขย่าตลาดอีกครั้งด้วยการนำแคมเปญระดับโลกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ “โค้ก” อย่าง “ร้อนนี้ ส่งโค้กให้…” กลับมาชวนผู้บริโภคชาวไทยส่งผลิตภัณฑ์โค้กสานความสัมพันธ์ทั้งในหมู่เพื่อน ครอบครัว และคนรักตลอดหน้าร้อนอีกครั้ง โดยในประเทศไทยเริ่มต้นเป็นครั้งแรกในปี 2556 และเป็นปรากฎการณ์ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างร้อนแรง

“ฤดูร้อนถือเป็นช่วงเวลาที่มีค่าสำหรับคนไทย โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาว ซึ่งเป็นโอกาสในการใช้ช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน และส่งต่อความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน แคมเปญ “ร้อนนี้ ส่งโค้กให้…” ในปีนี้จึงถูกมาในรูปแบบที่เข้ากับยุคดิจิทัลมากขึ้น และยิ่งใหญ่มากกว่าเดิมด้วยการชวนผู้บริโภคส่งกระป๋องผลิตภัณฑ์ “โค้ก” ที่ออกแบบมาเพื่อส่งมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคลได้มากกว่าที่เคย ด้วยชื่อเล่นยอดฮิตและข้อความบอกความรู้สึกที่ทันสมัยโดนใจ กว่า 400 แบบ พร้อมกิจกรรมการตลาดเต็มรูปแบบเน้นประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคได้สร้างสรรค์กระป๋อง “โค้ก” และส่งต่อความรู้สึกในแบบของตัวเองได้มากยิ่งขึ้น” นางสาวมัณฑนา กล่าว

“โค้ก” ได้เตรียมกิจกรรมการตลาดพร้อมสร้างการรับรู้แบบ 360 องศาสำหรับแคมเปญ “ร้อนนี้ ส่งโค้กให้…” ตลอดฤดูร้อนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการฉลอง Share a Coke Day ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีมาช่วยทำให้วัยรุ่นได้ส่งโค้กให้กันง่ายและสนุกมากยิ่งขึ้นผ่านโลกดิจิตัลโดยโค้กได้ส่งเพลง #ชื่อเราอยู่ไหน ผลงานของศิลปินฮิปฮอปชื่อดังขวัญใจวัยรุ่นอย่าง UrboyTJ ประกอบภาพยนตร์โฆษณา ให้วัยรุ่นได้ลองส่ง “โค้ก” ให้กันผ่านวิดีโอ โดยร่วมมือกับ Tiktok จัด #ShareACokeChallenge ในวัน Share A Coke Day วันที่ 14 มีนาคม การสื่อสารผ่านสื่อนอกบ้าน OOH ใจกลางกรุงเทพฯ และกิจกรรม Light and Sound Show ทุกวัน ที่ centralwOrld Connect อีกด้วย

นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ครอบคลุมและพิเศษมากยิ่งขึ้น โคคา-โคล่า ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรร้านค้าปลีกชั้นนำ ในการจัดกิจกรรมพิเศษอย่าง “Share A Coke Roaming Booth พื้นที่ออกแบบ “โค้ก” ในสไตล์ของคุณ ที่พร้อมเดินทางไปพบผู้บริโภคทั่วประเทศ ผู้บริโภคยังสามารถออกแบบข้อความที่อยากแชร์ในช่วงฤดูร้อนให้กับคนที่รัก ด้วยการสั่ง เซ็ต e-commerce limited edition ที่มาพร้อมเครื่องดื่ม “โค้ก” จำนวน 3 กระป๋อง สั่งชื่อและข้อความในแบบของคุณได้ ในเคสรูปตู้เย็น “โค้ก” สไตล์ Retro สีแดงสุดน่ารักได้ทาง Lazada, JD ,Tops Online และ Shopee ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม เป็นต้นไปได้อีกด้วย ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของกระป๋องและขวด “โค้ก” ที่มาพร้อมกับชื่อเล่นยอดฮิตและข้อความบอกความรู้สึกที่ทันสมัยโดนใจในขนาดที่หลากหลาย ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ร้านค้าชั้นนำใกล้คุณ

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและตารางกิจกรรมของแคมเปญ “ร้อนนี้ ส่งโค้กให้…” ได้ที่ https://www.facebook.com/cocacolaTH

---

ข้อมูลเพิ่มเติม

*การคำนวณข้อมูลตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมซึ่งรวมผลิตภัณฑ์ประเภทมิกเซอร์ ของโคคา-โคล่า ส่วนหนึ่งอ้างอิงจากข้อมูลดัชนีค้าปลีกรายเดือน ที่รายงานโดย Nielsen สำหรับตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม ในช่วงเวลา 12 เดือน สิ้นสุด ณ เดือนธันวาคม พ.ศ.2562 ซึ่งเป็นข้อมูลของตลาดในประเทศไทยคลอบคลุมถึงซุปเปอร์มาร์เกต ไฮเปอร์มาร์เกต ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายของชำแบบดั้งเดิม และร้านอาหาร/ภัตตาคาร ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของ Nielsen (Copyright © 2020, Nielsen)

* ผลการสำรวจ Thailand’s Most Admired Brands ประจำปี 2563 โดยนิตยสารแบรนด์เอจ (BrandAge)

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID 19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ทำให้นานาประเทศประกาศข้อกำหนดและมาตรการในการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งผู้จัดงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม THAIFEX – Anuga Asia  ทั้ง 3 ฝ่าย ได้แก่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) หอการค้าไทย (TCC) และโคโลญเมสเซ่ (KM) ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ร่วมแสดงสินค้า ผู้ชมงาน ผู้เกี่ยวข้อง และสังคมโดยรวม จึงพิจารณาร่วมกันอย่างรอบคอบโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทุกฝ่าย และมีมติให้ปรับกำหนดการจัดงาน THAIFEX – Anuga Asia 2020 จากวันที่ 26 30 พฤษภาคม 2563 เป็นวันที่ 22 26 กันยายน 2563 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี

ผู้จัดงาน THAIFEX – Anuga Asia ขอขอบคุณสำหรับความเข้าใจและการสนับสนุนของทุกฝ่ายที่ร่วมกันทำให้งานแสดงสินค้าครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งผู้จัดงานจะยังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้ผู้ร่วมแสดงสินค้าได้มีโอกาสมาสร้างเครือข่ายในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในงานระดับโลก

หากมีข้อสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่
– ผู้แสดงสินค้าจากต่างประเทศ (International Exhibitors)
ติดต่อที่ thaifex-anuga@koelnmesse.com.sg
– ผู้แสดงสินค้าที่เป็นผู้ส่งออก (Thai Exhibitors – Exporters)
ติดต่อที่ thaifex.wofa@thaichamber.org
– ผู้แสดงสินค้าที่เป็นผู้นาเข้า (Thai Exhibitors – Importers)
ติดต่อที่ thitiporn@koelnmesse-thailand.com

เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ติดต่อสอบถาม ทางผู้จัดงานจึงได้จัดทำคำถามที่พบบ่อย (FAQs) เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่ง โดยท่านสามารถค้นหาคำตอบได้จาก FAQs ที่ www.thaifex anuga.com

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) หอการค้าไทย (TCC) และโคโลญเมสเซ่ (KM) ขออภัยเป็นอย่างสูงสาหรับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พบท่านในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2020 ในวันที่ 22 26 กันยายน 2563

The 3rd edition of ProWine (Asia) Singapore will take place from 13 to 16 July 2020 at Singapore Expo, re- scheduled from the original dates of 31 March to 3 April 2020. Co- organised by Messe Düsseldorf Asia and Informa Markets, ProWine Asia (Singapore) will now co-locate with FHA-HoReCa.

Ms.Beattrice J. Ho, Project Director, ProWine Asia (Singapore), Messe Düsseldorf Asia, said: “The international showcase of wine and spirit labels with that of products and technologies serving the food and hospitality sectors, make for a dynamic pairing and an unrivalled marketplace for cross-sector contacts.”

“The national pavilions and country groups, as well as major exhibitors, have expressed commitment to returning during the new dates and to working closely with us to deliver yet another successful trade fair once again. We will continue to extend the necessary support to all exhibitors, partners and visitors to ensure a seamless transition and successful participation. We are confident the new dates in July will provide a highly productive business platform,” she added.

Mr.Martyn Cox, Event Director, Hospitality, Food & Beverage – Singapore, Informa Markets, said, “We are pleased that ProWine Asia (Singapore) will be held alongside FHA-HoReCa. From a show perspective, we believe that the addition will add a generous amount of excitement to the show floor and expand the scope for FHA-HoReCa attendees. Beyond that, we are also pleased to once again work with Messe Dusseldorf Asia to co-organise ProWine Asia (Singapore) and look forward to further extending this harmonious partnership for many years to come.”

As a regional event of ProWein Düsseldorf and part of the ProWein World Series of leading wines and spirits trade fairs, ProWine Asia (Singapore) is a trade-focused platform for international wine producers to tap on the growth prospects of Southeast Asia and to reach out to key importers, distributors and suppliers. The largest trade fair of its kind in the region, this year’s highlights include specially curated experiences and itineraries – from yet-to-be-discovered delights to Old World wonders, to the ever popular Champagne Lounge Asia (Singapore), and WSET®®Level 1 Awards in wines and spirits.

ProWine Asia (Singapore) will welcome some 300 exhibitors from 30 countries/regions, 15 national pavilions and country groups as well as more than 20 masterclasses and seminars. The co-location with FHA- HoReCa 2020 is expected to draw over 48,000 trade attendees from around the world. Visitor pre-registration for both exhibitions will re- open in April.

For more information: singapore.prowineasia.com and www.fhahoreca.com.

Positive Action Publications Ltd. and VNU Exhibition Asia Pacific Co., Ltd., as the organizers of Pig & Poultry Focus Asia or PPFA 2020 have been monitoring and assessing the development of the situation, it has come to our attention that there are still reports of new cases with people who contracted the COVID-19 around the world.

In light of the emerging situation with given the international travel restrictions placed on many participants, we decided to postpone the conference originally scheduled on 23 – 24 March 2020, with the new dates confirmed on 7 – 8 July 2020 at AVANI Sukhumvit Bangkok Hotel, Thailand.

We continue to track the development of situation daily; we have taken the difficult decision to reschedule the event in which the safety and health of our participants are always our top priority. We remain committed to providing the latest trends of technical conferences in Pig and Poultry industry.

VICTAM and Animal Health and Nutrition Asia 2020 will also be rescheduled to 9 – 11 July 2020 in BITEC, Bangkok so participants could maximize their business opportunities.

Finally, we wish to thank those who participate and support, we greatly appreciate your kind patience and understanding with our event postponement. We look forward to welcoming you to Thailand in July 2020 for Pig & Poultry Focus Asia 2020.

Should you require any further information or concerns, please feel free to contact Ms. Porntima at Tel. +662 111 6611 ext. 343 email: porntima@vnuasiapacific.com or jojo@positiveaction.co.uk

 

The management teams from the VICTAM Corporation and VIV worldwide have decided to postpone VICTAM and Animal Health and Nutrition Asia 2020 in Bangkok to July 9 – 11, 2020 due to the situation report #39 from the WHO published on February 28^th in which the risk assessment for the regional level as well as the global level changed from high to very high.

This decision has been taken after careful consideration and in the interest of exhibitors and visitors and, above all, to protect the health of all attendees. The organizers assessed that the actual situation will not guarantee the quality of the exhibition and will not create enough business opportunities for our exhibitors and visitors under the current circumstances. Eighty percent of the exhibitors also agreed with organizers that the postponement of the event is the best solution and have therefore confirmed the decision to move their participation to July 2020, trusting that the situation will improve during the next few months.

VICTAM and Animal Health and Nutrition Asia 2020 is thus re-scheduled on July 9-11, 2020. The objective remains the same, which is to realize the total animal feed and health event organized by VICTAM and VIV. 

For more information, please visit the official websites: www.victamasia.com or www.vivhealthandnutrition.nl.

เทรนด์อาหารและการประยุกต์ใช้ชีสให้ออกรส! ตอนสุดท้ายนี้ว่ากันด้วยเรื่องของเทรนด์ที่มาแรงและมีแนวโน้มขยายวงกว้างมากขึ้น นั่นก็คือเทรนด์ Ageing Society หรือเทรนด์ของผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นการมองถึงกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งที่เป็นผู้สูงอายุทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ความน่าสนใจก็คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อผู้บริโภคกลุ่มนี้นั้นเน้นที่ “เสริมสร้างสุขภาพให้สูงวัยอย่างมีสุขภาพดี” นั่นเอง

จากการสำรวจโดยมินเทลพบว่าในปี 2017 พบว่าร้อยละ 17 ของประชากรไทย มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และภายในปี 2050 จะมีผู้สูงอายุมากขึ้นเป็นร้อยละ 35 คือคิดคร่าวๆ ได้ว่าประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย!!! หรือเรียกได้ว่าประชากร 1 ใน 3 เป็น Senior consumer ดังนั้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มสำหรับกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มนี้จึงเป็นแนวโน้มหลักที่ R&D ทั้งหลายกำลังพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารให้ตอบโจทย์มากที่สุด แล้วผลิตภัณฑ์อันเต็มไปด้วยสารอาหารทางโภชนาการอย่าง “ชีส” จะประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อผู้สูงวัยอย่างไรได้บ้าง…

คุณประโยชน์ของชีสกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารรับเทรนด์ Ageing Society

ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อเสริมสร้างกระดูกหรือบำรุงสุขภาพได้รับการยกให้เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มเป็นที่ต้องการและมาแรงมากสำหรับกลุ่มผู้บริโภคผู้สูงวัย อาทิ ฟังก์ชันนัลฟู้ดที่เน้นด้านเสริมสร้างและบำรุงสมอง ความจำ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีโอเมก้า-3 ดังนั้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารโดยมีวัตถุดิบหลักอย่างชีส เช่น ชีสที่ใช้นมจากฟาร์มการผลิตออร์แกนิกส์ทำให้คุณภาพน้ำนมมีโอเมก้า-3 สูงมากนั้นนับเป็นแหล่งวัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่อการนำมาใช้พัฒนาผลิตอาหารและเครื่องดื่มฟังก์ชันสำหรับผู้สูงวัยได้เป็นอย่างดี

สำหรับความสนใจในกลุ่มอาหารประเภทโปรตีนสูงก็เช่นกัน ชีสนับว่าเป็นแหล่งโปรตีนเพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายโดยเฉพาะสำหรับคนวัน 40 ปี ขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีสารอาหารบำรุงสมอง และชีสยังจัดเป็นแหล่งของแคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน โดยเฉพาะแคลเซียมนั้นพบว่ามีมากกว่านมถึง 2 เท่าเลยทีเดียว นอกจากนี้ การรับประทานชีสในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากโฟเลต วิตามินเอ และวิตามินดีอีกด้วย

มีรายงานข้อมูลงานวิจัยจากสถาบัน University of Turky ประเทศฟินแลนด์เกี่ยวกับการบริโภคชีสที่มีส่วนผสมของแบคทีเรียชนิดดีต่อร่างกายว่ามีผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกันโรคของคนสูงวัย โดยข้อมูลงานวิจัยได้ถูกนำไปเผยแพร่ในวารสารวิทยาศาสตร์อย่าง FEMS Immunology & Medical Microbiology ซึ่งในงานวิจัยระบุว่าการรับประทานชีสที่มีส่วนผสมของแบคทีเรียชนิดดีต่อร่างกายหรือโพรไบโอติกส์เป็นประจำทุกวันจะช่วยป้องกันการเสื่อมในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันโรคเมื่อมีอายุมากขึ้น

ในการวิจัยนั้น นักวิจัยได้ให้กลุ่มอาสาสมัครทดลองที่มีอายุระว่าง 72-103 ปีมาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน และในทุกเช้าจะมีการรับประทานชีสแผ่นบางๆ หนึ่งแผ่นกับอาหารเช้าอื่นๆ เป็นเวลา 4 สัปดาห์ หลังจากนั้นมีการเจาะเลือดนำมาตรวจดู ซึ่งพบว่าเซลล์เม็ดเลือดสามารถจัดการกับเชื้อจุลินทรีย์ที่นำมาทดลองได้ดีกว่าก่อนที่อาสาสมัครจะรับประทานชีสทุกวัน ซึ่งจากการตรวจสอบส่วนผสมในชีสก็พบว่าชีสเหล่านี้มีส่วนผสมของแบคทีเรียที่ช่วยกระตุ้นการทำงานโดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานดีขึ้น จากข้อมูลงานวิจัยนี้จึงเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารโดยการประยุกต์ใช้ชีสให้เหมาะกับผู้สูงวัยได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น นอกจากนี้ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์กลุ่มนมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติกส์เพื่อช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย

เลือกรับประทานชีสอย่างไรให้ดีกับสุขภาพ

ผลิตภัณฑ์ชีสอาจไม่จำเป็นต้องดีไซน์มาแบบเฉพาะสำหรับผู้สูงวัย เนื่องด้วยลักษณะเนื้อสัมผัส กลิ่นรส และรูปแบบการรับประทานนั้นไม่มีข้อจำกัดเฉพาะมากนัก เพียงใช้ชีสเป็นส่วนผสมในอาหารเดิม เช่น โยเกิร์ตชีส หรือการเพิ่มเติมชีสในมื้ออาหาร การรับประทานคู่กับโปรตีนอย่างเนื้อไก่ หรือผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เป็นต้น

สำหรับผู้ผลิตอาหารนั้นก็ควรพิจารณาที่ลักษณะการตลาดควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารด้วย โดยขอเพียงชูไอเดียเรื่องสารอาหารในชีสเป็นสำคัญเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย เท่านี้ชีสก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารที่ได้ทั้งเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ เสริมสร้างสุขภาพ และเติมเต็มความแปลกใหม่ให้อาหารเดิมๆ มีความน่าสนใจมากขึ้น

นอกจากนี้ ในด้านของอารมณ์และสุขภาพทางจิตใจของผู้สูงวัยนั้นก็มีผลต่อการทำการตลาดของผลิตภัณฑ์อาหารด้วยเช่นกัน โดยผู้สูงวัยหลายคนและในหลายๆ ประเทศทั่วโลกให้การยอมรับเรื่องลักษณะรูปร่างของผู้สูงวัยด้วยกันที่มีสุขภาพดีเป็นไอดอล กระแสดังกล่าวกำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้ผู้สูงวัยหลายคนอยากเอาเป็นแบบอย่าง และแสวงหาหนทางเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้ตนเองมีสุขภาพดีตามแบบไอดอล ในอนาคตอันใกล้นี้คาดว่าความสนใจดังกล่าวอาจจะกลายเป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เสริมสร้างสุขภาพออกมาตอบโจทย์ผู้บริโภคสูงวัยในหลากหลายรูปแบบมากขึ้นอย่างแน่นอน

———————————————————————————————————————

Special thanks to U.S. Cheeses – Effective Cheese Application Ideas for Successful New Product Development. Food & Drink Trends and New Opportunities for Cheese by Mintel. U.S. Dairy Export Council.

Compiled and Translated By: Pimchanok Kanoklawan

Additional reference: https://www.thaihealth.or.th/, www.mintel.com

Tel-Aviv, Israel

Clean-label dairy alternatives innovator Yofix Probiotics, Ltd., has concluded an extended series-A round of strategic investment from new key investors: Germany-based Müller Ventures, AG; the French Bel Group; and LionTree Partners LLC, based in the US. This brings in a total of $2.5M US in investment.

The new infusion of funding provides the startup with significant leverage for attaining global expansion of its current portfolio of award-winning plant-based yogurts. The funding also allows the company to accelerate development of its tech platform to launch more innovative soy-free dairy alternatives in additional categories.

“In the fast-growing dairy alternative space, Yofix offers a unique range of quality products, both in terms of flavor and texture,” notes Benjamin Bugl, Managing Director of Müller Ventures. “With no artificial ingredients, its clean-label solution is a powerful differentiator for consumer awareness and acceptance. Combined with Yofix’ strong management team, this makes it an attractive investment opportunity for Müller.”

Last year, Yofix launched a new generation of clean-label yogurt alternatives based on its proprietary zero-waste production process. The unique fermented formula is soy-free and composed of a short list of natural and highly nutritious ingredients, including oats, lentils, and sesame. It was carefully crafted to deliver the classic flavor and probiotic functionality of dairy yogurts without the dairy ingredients, serving the lactose-intolerant and dairy-allergic population as well as offering a plant-based solution for the growing vegan and flexitarian markets.

“The rise of flexitarianism has led to strong, growing demand for plant-based products worldwide,” adds Fatine Layt, Head of France of LionTree. “Yofix has a unique positioning, offering 100% clean-label plant-based yogurt and a promising platform for delivering not only yogurts and drinkable yogurts, but a complete portfolio of real dairy replacements. More importantly, they hit all the desired organoleptic marks. We are enthusiastic to witness its next steps and facilitate its growth through our global network.”

Since the launch of its line of yogurt alternatives, the startup has been awarded the final $100,000 grant from the PepsiCo 2018 Nutrition Greenhouse program, and more recently was elected as one of the 50 most innovative companies at Anuga 2019 in Cologne.

“Receiving the financial investment by such prominent multinational players of the dairy industry is an endorsement of trust and confidence in our products and technology,” says Steve Grün, CEO of Yofix. “This fresh influx opens the door to new possibilities. Over the next few years, we will focus strategic efforts on expanding our line of dairy alternatives — which also includes oat yogurt shakes — into the global market. The support will also boost the advancement of our efforts toward developing more clean-label plant-based offerings that extend into alternative cheeses, frozen desserts, and milk alternatives — the prospects are boundless,” enthuses Grün.

“We are excited to work with Yofix, one of the most innovative startups in its sector,” says Caroline Sorlin, Plant-Based Acceleration Unit General Manager at Bel Group. “It offers a unique dairy alternative range for the market, combining great flavor, good nutrition, clean labeling, and respect for the environment. By taking part in the Yofix adventure, we are choosing to get closer to new players in the market that have key expertise and are developing the innovations of tomorrow. Bel Group is entering the plant-based arena for the first time, so this gives concrete expression to our strategy of combining the best of dairy and plant-based products. This approach is perfectly in line with our corporate mission: ‘For All. For Good,’ in favor of healthier and more responsible food for all.”

Yofix was the first startup to be housed by The Kitchen Hub, the FoodTech incubator established five years ago by the Strauss Group. (Strauss led the first leg of the seed round back in 2017.) “We are very excited about the future of Yofix. Strauss Group, through The Kitchen Hub, has long supported FoodTech startups. Yofix is one of the most promising startups in our portfolio,” says Jonathan Berger, CEO of The Kitchen. Other investors for this round include Good Seed Ventures and HWA, as well as initial investors CPT Capital and VegInvest.

Londerzeel, Belgium

The Food Standards Australia New Zealand (FSANZ) authority has listed claims for soy phosphatidylserine from Sharp-PS® based on acceptance of the self-notification process.

The claims listed relate to the relationship between consumption of Sharp-PS® phosphatidylserine (PS) through food products and “Maintenance and/or improvement of cognitive function and brain health”.  Based on this listing, food companies can include the IFF ingredient with this claim.

According to IFF Health (formerly known as Frutarom Health), the approval of claims related to consumption of Sharp-PS® will provide Australian and New Zealand brands the option to add the ingredient to their products, opening new opportunities to launch functional foods products targeting brain health and cognition.

“The ability to include brain health and cognitive claims with Sharp-PS is exciting and creates a unique opportunity for IFF and for better-for-you food and beverage makers in Australia and New Zealand,” says Mr. Pinni Raveh, Sales Manager for IFF Health. “The benefits of PS consumption have been demonstrated in numerous clinical and pre-clinical studies, leading FSANZ to link its consumption to these benefits,” adds Itay Shafat, PhD, Product Manager for Cognitive Line, IFF Health. “As the interest in brain health and cognitive capabilities continues to rise within the aging global population, the timing of this approval could not have been better.”

“Phosphatidylserine is ideal for inclusion into food and beverage matrices, as it has no taste or smell and does not affect mouthfeel,” adds Shafat. “As part of the IFF family, we can now serve customers a complete set of solutions, from taste modulation systems, through natural colors, food protection, health ingredients, and more — all to create unique products that will answer consumers’ needs.”

With global trends such as the aging population and an increase in brain-health awareness, “pill-fatigued” consumers are actively seeking alternative delivery formats for their health ingredients. Sharp-PS is an excellent candidate for the Australian and New Zealand food industries.