สถานทูตมาเลเซียโปรโมท ‘มูซังคิง’ ราชาแห่งทุเรียนมาเลเซีย ในงาน DURIAN FIESTA 2018

 

2 มิถุนายน 2561, กรุงเทพ

สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรของมาเลเซียโปรโมท “มูซังคิง” ทุเรียนอันดับหนึ่งของประเทศมาเลเซียในงาน Durian Fiesta 2018 โดยมี ฯพณฯ ดาโต๊ะ โจจี้ ซามูเอ็ล เอ็ม ซี ซามูเอ็ล เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย และ ฯพณฯ ดาโต๊ะ โมฮัมมัด ซัลเลห์ ฮัดดิน ฮัสซัน รองเลขาธิการด้านนโยบาย กระทรวงเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรมาเลเซีย ร่วมเป็นประธานเปิดงานเมื่อวันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา ณ ห้องนิทรรศการ สถานทูตมาเลเซีย

การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เป็นการส่งเสริมการขายทุเรียนของประเทศมาเลเซียที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ภายในงาน นอกจากมีการเลี้ยงอาหารค่ำด้วยอาหารมาเลเซียต้นตำรับและการแจกจ่ายทุเรียนมูซังคิงให้ผู้ร่วมงานได้ชิมแล้ว ยังมีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารจากประเทศมาเลเซียอีก 6 แบรนด์มานำเสนอผลิตภัณฑ์มากมาย เช่น เค้กจากซาราวัค ช็อคโกแลต เครื่องแกงซัมบาล และขนมกรุบกรอบ

ทุเรียนสายพันธุ์มูซังคิงส์ (Musang King) ของมาเลเซีย มีขนาดผลไม่ใหญ่มาก น้ำหนักผลเฉลี่ย 1.5-2.5 กิโลกรัม เนื้อเนียน สีแหลืองเข้ม รสชาติหวานมัน และมีกลิ่นเฉพาะตัว มีแหล่งเพาะปลูกมากที่สุดในเกาะบอเนียว และในรัฐเคดาร์พื้นที่ติดกับ อ.สะเดา จ.สงขลา อีกส่วนหนึ่งอยู่แถบชายแดนไทย-มาเเลเซีย ติดกับ อ.เบตง จ.ยะลาของไทยด้วย

ทุเรียนมูซังคิงส์กลายเป็นทุเรียนที่ราคาแพงที่สุดในตลาด ราคาต่อกิโลกรัมสามารถสูงถึงหลายพันบาท ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและความต้องการของตลาด ทุเรียนสายพันธุ์นี้ได้รับความนิยมมากในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน โดยเฉพาะประเทศจีนถือเป็นตลาดใหญ่และมีความต้องการสูงมาก รัฐบาลมาเลเซียได้สนับสนุนให้เกษตรกรปลูกทุเรียนมากขึ้นเพื่อเพิ่มการผลิตต่อปีถึง 303,000 ตัน

The Right Control Cabinet in a Matter of Minutes

Cabinet Guide Online is revolutionising the design of custom control cabinet solutions for water technology

From July 2018, engineers and designers working on water technology will be able to create purpose-built, ready-to-install control cabinets in record time – and make considerable savings compared to conventional custom-designed control cabinets. Cabinet Guide Online is the latest online tool from Festo and enables you to configure and order your new control cabinet solution in a smart and intuitive way.

It couldn’t be easier: the system designer describes the application, and the intelligent configurator creates a custom control cabinet solution. With the online tool, it only takes the designer a few minutes to configure a control cabinet that will control pneumatic process valves in water treatment plants. It only requires a few steps: enter the application, configure the cabinet, select and order.

These custom-designed control cabinets can actuate 4 to 20 pneumatic process valves and process IO signals. They can be installed either indoors or outdoors depending on how they are configured. Before it is shipped out, every control cabinet is thoroughly checked to make sure it meets high quality requirements. For ATEX solutions in zone 2/22 or 1/21, Festo will prepare a custom offer on request. Circuit and connection diagrams in EPLAN, CAD model data, CE operating instructions and a CE declaration of conformity are, of course, included.

Cabinet Guide Online opens up completely new horizons when it comes to custom control cabinet solutions and considerably reduces installation times. New standards also significantly shorten parameterisation and commissioning times. Machine builders can thus considerably reduce the time to market for installed control cabinets.

Thanks to this brand-new engineering tool, design engineers gain time and space for creativity in planning and project engineering processes for their companies’ core areas of technological expertise. Sifting through catalogues, tedious supplier RFQs, ordering individual components and creating time-consuming custom designs for control cabinets are thus a thing of the past forever.

Engineering costs are dramatically cut, and detailed product knowledge is not needed. This intuitive software with its structured data entry ensures that the right components are selected.
Easy-to-understand questions about the application take the user step by step through the configuration process. Detailed product knowledge is not required. With Cabinet Guide Online you get a tailor-made control cabinet solution. It saves engineering time and costs.

“พาณิชย์” มอบเกียรติบัตร “Thai SELECT” ให้กับผู้ผลิตอาหารไทยสำเร็จรูปรสชาติไทยแท้ สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

มิถุนายน 2561

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ประกาศความพร้อมสู่ความเป็นเลิศด้วยการมอบตราสัญลักษณ์ “Thai SELECT” ในงาน THAIFEX-World of food Asia 2018 งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกของไทย เพื่อตอกย้ำความอร่อยของอาหารไทย สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดอาหาร พัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ ให้มีความสามารถในการแข่งขันสูง สามารถยกระดับธุรกิจไปสู่ตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพและเข้มแข็ง
นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบเกียรติบัตร Thai SELECT ให้กับบริษัทผู้ผลิตอาหารไทยสำเร็จรูปที่ใช้วัตถุดิบไทย เพื่อเป็นการการันตีให้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือก เป็นการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพด้านอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล
“การจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อส่งเสริมอาหารไทยและผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูปที่ได้รับตรา Thai SELECT ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยการนำผลิตภัณฑ์ที่ได้รับตรา Thai SELECT ที่อยู่ภายในงาน THAIFEX 2018 มาจัดแสดงในคูหานิทรรศการฯ เป็นการอำนวยความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าให้กับผู้นำเข้าและผู้บริโภคในต่างประเทศที่เข้าชมงาน ทำให้ตัดสินใจซื้อสินค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการประชาสัมพันธ์ให้กับร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกซึ่งคาดหวังว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าวจะส่งผลให้มีข้อมูลค่าการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป และสิ่งปรุงไทยเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ตรา Thai SELECT ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นด้วย ทั้งนี้ ภายในนิทรรศการได้จัดแสดงความเป็นมา ขั้นตอนการขอรับตรา หลักเกณฑ์/คุณสมบัติของผู้ขอรับ ประเภท ระดับ และเว็บไซต์ www.thaiselect.com รวมทั้งจัดให้พิธีมอบเกียรติบัตรแก่บริษัทผู้ผลิตสินค้าอาหารไทยสำเร็จรูป ที่ผ่านการพิจารณาได้รับตรา Thai SELECT จำนวน 30 บริษัท และมีการสาธิตทำอาหารไทย โดยเชฟบุ๊ค บุญสมิทธิ์
พุกกะณะสุต และทีมผู้ช่วยเชฟจากมหาวิทยาลัยรังสิตด้วย” นางจันทิรากล่าว
โดยในปีนี้กรมฯ ได้รับเกียรติรองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติในพิธีมอบ และนายสุพพัต อ่องแสงคุณ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาการพาณิชย์ และรองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ให้เกียรติมอบเกียรติบัตร และมีบริษัทที่ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 30 บริษัท เช่น บจก.อำพลฟูดส์ โพรเซสซิ่ง บจก.เพ็นต้า อิมเพ็ก บจก.การบินไทย (มหาชน) บจก.เทพผดุงพรมะพร้าว บจก.เอส แอนด์ พี ซินดิเคท (มหาชน) บจก.บลูสไปซ์ บจก.ไทยอารีย์ ฟู้ดแอนด์ เฟรนด์ เป็นต้น

พาณิชย์เดินหน้าขับเคลื่อน Creative Economy เผยเตรียมเยือนสหราชอาณาจักร แสวงหาความร่วมมือ เชื่อมโยงโอกาสธุรกิจ

สหราชอาณาจักร, 10 – 15 เมษายน 2561

 

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรในระหว่างวันที่ 10 – 15 เมษายน 2561 ที่ผ่านมานี้ว่า การเดินทางดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแสวงหาความร่วมมือด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์หรือ Creative Economy โดยจะพบหารือกับหน่วยงานของ สหราชอาณาจักรที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการด้านองค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม ตลอดจนการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

“ภาคธุรกิจสร้างสรรค์ของสหราชอาณาจักรถือได้ว่าประสบความสำเร็จ ก่อให้เกิดการจ้างงาน การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ รวมถึงการพัฒนาด้านนวัตกรรม การเยือนสหราชอาณาจักรในครั้งนี้ จะเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการขับเคลื่อน Creative Economy ของทั้งสองประเทศ โดยมุ่งหวังให้เกิดความร่วมมือและเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรม นำไปสู่การพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการของไทย ตลอดจนเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในชุมชนฐานราก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว

 

นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะผู้รับผิดชอบการดำเนินการตามนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์หรือ Creative Economy ของกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หน่วยงานสำคัญที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มีกำหนดเข้าพบและหารือ ประกอบด้วย ผู้จัดงาน London Craft Week ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร จัดงานแสดงผลงานด้านหัตถรรมที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์จากสหราชอาณาจักรและประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวมกว่า 200 ราย โดยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในปีนี้เป็นครั้งที่ 4 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 13 พฤษภาคม 2561 ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศอยู่ระหว่างหารือกับผู้จัดงาน London Craft Week ถึงความร่วมมือในการจัดงานลักษณะเดียวกันในประเทศไทย

 

หน่วยงานที่สองได้แก่ Creative England  เป็นหน่วยงานสนับสนุนด้านเงินทุนให้กับผู้ประกอบการ โดยร่วมกับพันธมิตรและนักลงทุนจากบริษัทเอกชนต่างๆ ให้บริการและสนับสนุนด้านเทคนิค สร้างเครือข่าย เชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่นในระดับประเทศและนานาชาติ หน่วยงานที่สามได้แก่  Cockpit Arts เป็นศูนย์บ่มเพาะทางธุรกิจสำหรับนักสร้างสรรค์งานหัตถศิลป์แห่งเดียวในสหราชอาณาจักร ทำหน้าที่สนับสนุนผู้ที่เริ่มต้นอาชีพและผู้ที่ได้จัดตั้งธุรกิจแล้วให้ประกอบธุรกิจได้ทั้งในและต่างประเทศ และหน่วยงานที่สี่ ได้แก่ Nesta เป็นองค์กรการกุศลด้านนวัตกรรม ทำหน้าที่แสวงหาแนวทางและแก้ไขปัญหาความท้าทายในปัจจุบัน เช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การบริการสาธารณะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกำหนดเยือนเมืองคาร์ดีฟซึ่งเป็นเมือง Creative City ที่สำคัญของสหราชอาณาจักร เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ในภูมิภาคของไทยสู่การเป็นเมืองสร้างสรรค์ต่อไป

 

สำหรับการค้าระหว่างประเทศของไทยกับสหราชอาณาจักรในปี 2560 มีมูลค่ารวม 7,019.90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 4,079.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการนำเข้ามูลค่า 2,940.69 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ช่วง 2 เดือนแรกของปี 2561 (มกราคม – กุมภาพันธ์) ไทยส่งออกไปยังสหราชอาณาจักรมูลค่า 676.13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าส่งออกสำคัญได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ และแผงวงจรไฟฟ้า ด้านการนำเข้ามีมูลค่า 469.63 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้านำเข้าสำคัญได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลมและสุรา เครื่องจักรไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม

 

 

 

สสว.จับมือสถาบันอาหาร หนุนเครือข่าย SME กลุ่มมะพร้าวและกล้วย คาดสร้างมูลค่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจกว่า 50 ล้านบาท

กรุงเทพฯ, 23 เมษายน 2561

 

สสว. ผนึกสถาบันอาหาร ขับเคลื่อนโครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ปี 2561 หนุนรวมกลุ่มธุรกิจเกษตรมะพร้าวต่อเนื่องจากปี 2560 หลังสร้างยอดขายได้ไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท เพิ่มเครือข่ายใหม่กลุ่มธุรกิจเกษตรกล้วย ตั้งเป้ารวม 17 เครือข่าย มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรม ช่วยพัฒนาคุณภาพการผลิต การแปรรูป การเก็บรักษา สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ มั่นใจ SME ได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 2,300 ราย  คาดเกิดการลงทุน และการจ้างงานเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 10 เชื่อช่วยลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจได้ถึง 70 ล้านบาท และเกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท

 

สำหรับกลุ่มเครือข่ายมะพร้าว เป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากปี 2560 ซึ่งมีเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการเข้าร่วมเป็นสมาชิกแล้ว 3,300 ราย สร้างการรวมกลุ่มได้ 26 เครือข่าย พัฒนาผู้ประสานงานเครือข่าย 80 ราย เพิ่มพื้นที่ปลูกใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ ส่งเสริมการทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ สร้างยอดขายเบื้องต้นได้ไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์มะพร้าวแปรรูป ซึ่งในปี 2561 นี้จะเป็นการต่อยอดขยายผล โดยการคัดเลือกเครือข่ายกลุ่มมะพร้าวเดิมบางส่วนมาเข้าร่วมกิจกรรมกับเครือข่ายรายใหม่ เพื่อเพิ่มพื้นที่ปลูกใหม่ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามแผนต่อไป

 

ส่วนกลุ่มเครือข่ายกล้วย เป็นการดำเนินการปีแรก  โดยกล้วยที่เกษตรกรนิยมปลูก ได้แก่ กล้วยหอม กล้วยไข่ และกล้วยน้ำว้า มีผลผลิตรวมกันมากกว่า 1.5 ล้านตันต่อปี เพื่อรองรับความต้องการบริโภคกล้วยสดของตลาดต่างประเทศ โดยพบว่าในปี 2560 ที่ผ่านมา ไทยมีมูลค่าส่งออกกล้วยสดราว  467 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 41 เป็นการส่งออกไปจีนสูงสุดที่มูลค่า 340 ล้านบาท รองลงมาคือ ญี่ปุ่น 65 ล้านบาท และฮ่องกง 44 ล้านบาท ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จากกล้วยในลักษณะของสินค้าโอทอปประจำท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อการบริโภคในประเทศเป็นหลัก

ทั้งนี้โครงการฯ จะเข้าไปส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการเพาะปลูกกล้วย เพื่อรักษาคุณภาพผลผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด ตามมาตรฐานการส่งออก การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการเก็บรักษา การยืดอายุ การดูแลบรรจุภัณฑ์ โดยส่งเสริมให้เกษตรกรมีการปลูกกล้วยโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม(GAP) มีการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์กล้วยให้ได้คุณภาพมากขึ้น ตลอดจนการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ทั้งในมิติของขนมขบเคี้ยว อาหารหวาน เป็นต้น

 

สถาบันอาหารได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานดำเนินการโครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ในกลุ่มอุตสาหกรรมมะพร้าวและกล้วย ปี 2561 ขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดรับสมัครและคัดเลือกผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการจำนวน 2,300 ราย เพื่อให้เกิดการรวมกลุ่ม  17 เครือข่ายตามเป้าหมาย แบ่งเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมมะพร้าว 1,350 ราย และอุตสาหกรรมกล้วย 950 ราย  โดยสถาบันอาหารจะนำผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการที่เกี่ยวข้องไปจัดอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพการดำเนินการธุรกิจให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ อาทิ จัดอบรมหลักสูตรมาตรฐานการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การพัฒนาคลัสเตอร์ การตลาดและการสร้างแบรนด์เชิงสร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังให้การส่งเสริมขยายช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ได้แก่ การนำสินค้าไปจำหน่ายในงานแสดงสินค้าต่างประเทศ หรือจัดให้มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ เป็นต้น

 

ผู้ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ทาง www.nfi.or.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณโกสีย์ และคุณภาสกร โทรศัพท์  02 422 8688 ต่อ 9206-7  E-mail : khosee@nfi.or.th , patsakorn.ball@gmail.com

                                                                                   

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ

กรุงเทพฯ, เมษายน 2561
ด้วยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย

ผู้สนใจ สามารถติดต่อขอรับแบบฟอร์มและยื่นใบสมัคร พร้อมเอกสารหลักฐานประกอบการสมัคร ตามที่คณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการกำหนด จำนวน 8 ชุด (ต้นฉบับ 1 ชุด พร้อมรับรองสำเนา 7 ชุด) โดยแยกเป็น 2 ซอง คือ ซองใบสมัครและหลักฐานประกอบการสมัคร และซองเอกสารแสดงวิสัยทัศน์ปิดผนึกจ่าหน้าซองถึงประธานคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ยื่นใบสมัครด้วยตนเอง หรือมอบอำนาจเป็นหนังสือให้ผู้อื่นซึ่งเป็นผู้บรรลุนิติภาวะตามกฎหมายแล้วมายื่นแทนได้ที่ สำนักผู้ว่าการ ชั้น 5 อาคารถ่ายทอดเทคโนโลยี สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เลขที่ 35 หมู่ 3 เทคโนธานี ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120 โทรศัพท์ 0 2577 9185 ในวันทำการตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน– 16 พฤษภาคม 2561 เวลา 8.30-16.30 น. ดาวน์โหลดแบบฟอร์มและรายละเอียดการรับสมัครได้ที่ www.tistr.or.th

ผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาไม่ตํ่ากว่าระดับปริญญาโทและมีคุณวุฒิทางด้านวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยีในระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโท มีอายุไม่เกิน 58 ปี และมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2518 และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2550 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักผู้ว่าการ โทร 0 2577 9185

HKTDC จับมือ WORLDEX เดินหน้าชูโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเติบโตสู่ตลาดสากลผ่านฮ่องกง

กรุงเทพฯ, 26 มีนาคม 2561
องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) ร่วมกับ บริษัท เวิลด์เด็กซ์ จี. อี. ซี. จำกัด จัดงานสัมมนาสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มขนาดกลางและขนาดย่อม ภายใต้หัวข้อ “ฮ่องกง ประตูสู่เวทีนานาชาติ และโอกาสทางการค้าสู่ตลาดจีน สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทย” ขึ้น ณ ห้อง Auditorium ชั้น 10 C-ASEAN อาคารไซเบอร์เวิลด์ โดยครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และ นางสาวรพีพร สุทาธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์ และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและข้อมูล สถาบันอาหาร ร่วมให้ข้อมูลสถานการณ์และแนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารไทย รวมถึงช่องทางการให้การสนับสนุนผู้ประกอบการของหน่วยงานภาครัฐและความสำคัญของการวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมเพื่อต่อยอดธุรกิจ

นอกจากนี้ ภายในงาน HKTDC ยังได้ร่วมให้ข้อมูลด้านงานแสดงสินค้าในฮ่องกงที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการไทยให้สามารถขยายตลาดสู่สากลได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกหลายงาน ซึ่งหนึ่งในงานที่น่าสนใจก็คือ HKTDC Food Expo 2018 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 สิงหาคม 2561 สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-664-6488 ต่อ 402

Purextract ร่วมกับ JJING จัดสัมมนา “Oligopin Pine Bark Extract”

Purextract ร่วมกับ JJING จัดสัมมนา “Oligopin Pine Bark Extract”
กรุงเทพฯ, 28 มีนาคม 2561
Purextract ร่วมกับ Jebsen & Jessen Ingredients (Thailand) จัดสัมมนาให้ความรู้ด้านส่วนผสมอาหารจากเปลือกสนธรรมชาติ ภายใต้หัวข้อ “Oligopin Pine Bark Extract” โดยการจัดงานครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก H.E. Mr Gilles Garanchon เอกอัคราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย เป็นประประธานเปิดงาน ณ สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย

ทั้งนี้ สารสกัดธรรมชาติจากเปลือกสนฝรั่งเศส (French Maritime Pine) มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่โดดเด่น สามารถกระตุ้นการสร้างและเพิ่มอัตราการสังเคราะห์คอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งเป็นสาระสำคัญและจำเป็นในร่างกายที่มีอยู่ในผิวหนัง หลอดเลือด กล้ามเนื้อ หัวใจ และ กระดูก

 

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดตัวโปรแกรม Agrifuture Insights ร่วมกับองค์กรการเกษตรแห่งเยอรมัน ในงาน AGRITECHNICA ASIA 2018

กรุงเทพฯ, 2561

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พัฒนาวงการเกษตรอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมเปิดตัวโปรแกรม Agrifuture Insights งานสัมมนาเพื่อสร้างองค์ความรู้ให้เกษตรกรอย่างเจาะลึก นำมาเปิดตัวที่ประเทศไทยเป็นที่แรกของโลก โดยร่วมมือกับองค์กรการเกษตรแห่งเยอรมัน (ดีแอลจี) ผู้จัดงานแสดงสินค้าและนวัตกรรมด้านเครื่องจักรกลการเกษตรอันดับหนึ่งอย่าง AGRITECHNICA ภายใต้ชื่อ AGRITECHNICA ASIA 2018 ระหว่างวันที่ 22-24 สิงหาคม 2561 ณ ไบเทค กรุงเทพฯ

ภายใต้โปรแกรม Agrifuture Insights ผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้รับองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคนิคการผลิตสินค้าเกษตรที่น่าสนใจสำหรับภาคเกษตรกรรมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทางกระทรวงเกษตรฯ มุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับหัวข้อสัมมนาเป็นอย่างมาก พร้อมเสนอแนวทางการแก้ปัญหาและวิธีการต่างๆ ที่เหมาะสมกับเกษตรกรท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น

ที่มาของโปรแกรม Agrifuture Insights เกิดจากวิสัยทัศน์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางสาวชุติมา บุณยประภัศร ซึ่งในขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยนำผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเกษตรจากกระทรวงเกษตรฯ และอัครทูตฝ่ายการเกษตร สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซลส์ – อัครราชทูต ชุมเจตน์ กาญจนเกษร ศึกษาดูงาน AGRITECHNICA 2017 ณ ประเทศเยอรมนี และร่วมหารือกับองค์การเกษตรเยอรมัน ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคและนวัตกรรมด้านเครื่องจักรกลการเกษตร เพื่อหาแนวทางพัฒนาภาคเกษตรกรของไทยให้ก้าวขึ้นไปแข่งขันในระดับสากล มุ่งเน้นการกำหนดมาตรฐานใหม่ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ผ่านงานสัมมนาเชิงลึกสำหรับเกษตรกรยุค 4.0 โดยเฉพาะ

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้กล่าวคำปราศรัย ภายในงานประชุม AgriMachinery International Conference ในงาน AGRITECHNICA 2017 ภายใต้หัวข้อ “เครื่องจักรกลการเกษตรสัญชาติยุโรปจะตอบโจทย์ต่อการเกษตรในภูมิภาคอาเซียนได้หรือไม่? ว่า “บริษัทชั้นนำจากทวีปฝั่งตะวันตกหลายแบรนด์ได้เข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว โดยมีงาน AGRITECHNICA ASIA เป็นตลาดแห่งแรก แสดงให้เห็นถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและการลงทุนใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย”

“ความร่วมมือกันในครั้งนี้ สอดคล้องกับเป้าหมายและนโยบายการพัฒนาของประเทศไทย เพื่อก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 โดยกระทรวงฯ มุ่งเน้นการปรับโครงสร้าง เพื่อปรับปรุงคุณภาพผลผลิตทางการเกษตร ลดความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ และสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืนด้านการลงทุนในภาคเกษตรกรรมของไทย โดยมีแผนดำเนินงานและส่งเสริมองค์ความรู้ให้เกษตรกรผ่านศูนย์เรียนรู้และโครงการริเริ่มต่างๆ รวมถึงการส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลทางการเกษตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดการพึ่งพาแรงงานในภาคการเกษตร”

อนึ่ง Agrifuture Insights เป็นโปรแกรมนำร่องขององค์กรการเกษตรแห่งเยอรมนี ในการสำรวจความคิดเห็นจากเกษตรกรในระดับนานาชาติ ซึ่งประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกที่ได้เข้าร่วมและเปิดตัวโปรแกรม

“ความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยกับทางองค์กรการเกษตรแห่งเยอรมัน นับเป็นการผลักดันและส่งเสริมให้พันธกิจระหว่างประเทศเกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม งานสัมมนาในครั้งนี้จะนำมาซึ่งการถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ๆ ตลอดจนการเรียนรู้แนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง เพื่อให้เกษตรกรได้เข้าใจและนำความรู้ดังกล่าวไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกของโลกสำหรับโปรแกรม Agrifuture Insights เพราะเรามีความมั่นใจในการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย และเห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมผ่านเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อยกระดับเกษตรเกษตรอย่างยั่งยืน” เจน เครเมอร์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีแอลจี เซอร์วิส กล่าว

เครือข่ายลดบริโภคเค็มเปิดตัวเว็บไซต์เพื่อผู้บริโภค www.lowsaltthai.com

กรุงเทพฯ, 2561

ผศ. นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม เปิดเผยว่า เครือข่ายลดบริโภคเค็มและสมาคมโรคไตได้เปิดตัวเว็บไซต์เพื่อผู้บริโภคให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยใช้ชื่อว่า www.lowsaltthai.com เพื่อเป็นช่องทางแสวงหาความรู้พื้นฐานและเป็นการส่งเสริมพัฒนาให้สังคมไทยได้ตระหนักถึงการลดการบริโภคเค็ม ภายในรายละเอียดของเว็บไซต์ได้มีการวางเนื้อหาที่หลากหลายให้มีความน่าสนใจในแต่ละด้าน เริ่มต้นจากที่มาของเครือข่ายลดบริโภคเค็ม รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่เครือข่ายลดบริโภคเค็มได้ทำการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่หรือการเข้าไปมีส่วนร่วมกับสังคม มีการแนะนำความรู้เกี่ยวกับโครงการงานวิจัยต่างๆ อาทิ โครงการขับเคลื่อนเพื่อลดการบริโภคโซเดียมของคนไทยผ่านการอ่านฉลาก โครงการ Food Safety Forum: ลดเกลือโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป โครงการการผลิตเครื่องตรวจความเค็มในตัวอย่างอาหารและปัสสาวะเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพของประชาชนทั่วไป เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีสื่อต่างๆ ที่เป็นอาร์ตเวิร์คด้านการรณรงค์ลดการบริโภคเค็มและสื่อ TVC ต่างๆ อาทิ เพลง”ลดเค็มครึ่งหนึ่ง” ของมนต์สิทธิ์ คำสร้อย หรือโฆษณาลดเค็มครึ่งหนึ่งในเวอร์ชั่นรูปแบบต่างๆ ซึ่งผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถเก็บข้อมูลหรือดาวน์โหลดนำไปใช้งานในด้านการศึกษาหรือนำไปใช้ในกิจกรรมของโรงเรียน สถานศึกษา หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นวิทยาทานการใช้เนื้อหาร่วมกันและเป็นการรณรงค์เพื่อพัฒนาสื่อการเรียนการสอนอย่างสร้างสรรค์ให้เข้าถึงสังคมและเป็นการช่วยรณรงค์ลดการบริโภคเค็มด้วยอีกทางหนึ่ง

ผศ. นพ.สุรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ผู้เข้าชมเว็บไซต์ยังสามารถดาวน์โหลดข้อมูลได้ทั้งไฟล์ภาพและเสียง ผ่านหน้าหลัก Less Salt Youtube Channel หรือผ่านคอลัมน์สื่อ TVC ในเว็บไซต์ หรือต้องการนำสูตรเมนูอาหารลดเค็ม (โซเดียม) ก็มีให้เลือกหลายสูตร หลากหลายเมนูอาหาร หรือจะเลือกใช้งานพูดคุย สนทนา หรือแสดงความคิดเห็น แนะนำ ผ่านโซเชียลมีเดียช่องทางอื่นๆ ก็สามารถทำได้ เช่น ผ่านเฟสบุ๊กได้ที่ ลดเค็มครึ่งหนึ่งห่างไกลโรค หรือ ไลน์ได้ที่ @Lowsaltthailand