กระทรวงพาณิชย์เผย 6 แนวทางการพัฒนาสินค้าอาหารจากพืช เพื่อตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

          สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ได้ดำเนินโครงการจัดทำภาพอนาคตสินค้าอาหารจากพืช (Plant-based Food) เพื่อศึกษา วิเคราะห์ศักยภาพ โอกาส แนวโน้มทิศทาง รวมถึงการจัดทำภาพอนาคต (Foresight) ผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย สำหรับการพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งทางการค้าของผลิตภัณฑ์อาหารจากพืช เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน เปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจ พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่

          คุณพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการจัดทำภาพอนาคตว่า ได้ภาพอนาคตสินค้าอาหารจากพืชของไทย 4 ฉากทัศน์ โดยฉากทัศน์ของอนาคตที่เป็นไปได้ (Probable Future) คือ ประเทศไทยเป็นแหล่งวัตถุดิบอาหารเพื่อสุขภาพของโลก ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบเพื่อผลิตและส่งออกอาหารสุขภาพ รวมถึงตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหาร

 

          นอกจากนี้ ยังมีอนาคตทางเลือก (Alternative Future) อีก 3 ฉากทัศน์ ได้แก่ 1) ฉากทัศน์ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงเทศกาล วัฒนธรรม และเกษตรยั่งยืน คือ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเทศกาลวัฒนธรรมและเกษตรยั่งยืนของคนไทยและชาวต่างชาติ 2) ฉากทัศน์ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ คือ ประเทศไทยเป็นแหล่งของธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ อีกทั้งยังมีการประยุกต์วัฒนธรรมอาหารและวัตถุดิบท้องถิ่นร่วมกับธุรกิจอาหารในทุกมุมของประเทศ และ 3) ฉากทัศน์ของสินค้าอาหารแปรรูป Plant-based Food ซึ่งเป็นภาพอนาคตที่เกษตรกรไทยพัฒนาศักยภาพเพื่อเป็นผู้นำในการผลิตและส่งออกสินค้าอาหารจากพืชที่มีคุณภาพและมูลค่าสูง เพื่อตอบรับความต้องการของตลาดโลก

 

          จากผลการศึกษามีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 6 ด้าน เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาสินค้าอาหารจากพืชของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และมีความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลก ดังนี้

1) ด้านการผลิตและแปรรูป ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม Plant-based Food ที่สำคัญของโลก ผ่านการส่งเสริมคุณภาพการผลิต พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเกษตร สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความพร้อมทางด้านทักษะต่างๆ

2) ด้านการตลาด ส่งเสริมการตลาดและการท่องเที่ยว เพื่อขยายโอกาสทางการค้า การส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่าสูง เพิ่มการเข้าถึงของลูกค้า และขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยวมูลค่าสูง อาทิ เชิงเทศกาลวัฒนธรรม เชิงเกษตรยั่งยืน และเชิงสุขภาพ รวมทั้งสร้างแบรนด์ โดยสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ให้โดดเด่นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน

3) ด้านวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพิ่มมูลค่าและยกระดับคุณภาพให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศด้าน Plant-based Food ระดับโลก ผ่านการวิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และเผยแพร่องค์ความรู้ รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการวิจัยพัฒนา

4) ด้านฐานข้อมูล ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลสินค้าเกษตรและ Plant-based Food เพื่อใช้วางแผนการพัฒนานโยบายที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการจัดทำฐานข้อมูลพืชที่มีศักยภาพในแต่ละท้องถิ่น รวมทั้งฐานข้อมูลทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรม Plant-based Food ตลอดห่วงโซ่อุปทาน

5) ด้านการลงทุน ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ยกระดับคุณภาพสินค้า และสร้างความยั่งยืนในกระบวนการผลิตและการใช้ทรัพยากร อาทิ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรและอีคอมเมิร์ซ ส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรม Plant-based Food สร้างสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ เพื่อดึงดูดการลงทุนที่มีศักยภาพ และการสนับสนุนด้านเงินทุนและการวิจัยพัฒนาให้กับ SMEs ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี

6) ด้านกฎหมาย ส่งเสริมให้มีการปรับปรุงพัฒนากฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตร และ Plant-based Food เพื่อสร้างกรอบที่ชัดเจน ทันสมัย สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และตอบสนองความต้องการของตลาด อาทิ การจัดทำข้อกำหนดฉลากอาหารจากพืชของไทยเพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้บริโภค และพิจารณาทบทวนการปรับลดหรือยกเว้นภาษีนำเข้าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งพิจารณาทบทวนกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยี GMO

          นอกจากนี้ คุณพูนพงษ์ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า สนค. ได้จัดทำแผนที่นำทางหรือโรดแมป (Road Map) สำหรับการพัฒนาสินค้าอาหารจากพืชของไทย พ.ศ. 2567 – 2576 ที่สอดคล้องกับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่กล่าวมาข้างต้น โดยแบ่งเป็นระยะเริ่มต้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อส่งมอบให้หน่วยงานภาครัฐและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง อาทิ คณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต หอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย รวมถึงหน่วยทุนและหน่วยสนับสนุนทางการค้า สตาร์ทอัป และ SMEs ใช้เป็นข้อมูลและแนวทางการดำเนินงาน เพื่อร่วมกันพัฒนาสานต่อการสร้างภาพอนาคตสินค้าอาหารจากพืช (Plant-based Food) และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางอาหารแห่งอนาคตระดับโลก ด้วยศักยภาพของประเทศไทย ซึ่งมีความพร้อม และความตั้งใจที่จะสร้างคุณภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนแก่คนไทยและพลเมืองโลก

 

อ่านข้อมูลฉบับเต็มได้ที่: https://tpso.go.th/news/2409-0000000001

ขับเคลื่อนประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตอาหารและเครื่องดื่มด้วย ‘เทคโนโลยีคลาวด์’ Drive Efficiencies in Food and Beverage Production Processes with ‘Cloud Technology’

          บริษัท อินฟอร์ ซอฟต์แวร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ระบบคลาวด์เพื่อธุรกิจสำหรับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ได้จัดงานสัมมนา Cloud Technology Tools: Drive Efficiencies and Productivity with Cloud for F&B Industry” เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี กรุงเทพ สุขุมวิท เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลที่ทันสมัย พร้อมกับแนวทางในการประยุกต์ใช้งานระบบคลาวด์สำหรับนำไปพัฒนาศักยภาพในกระบวนการผลิตอาหารและการจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทาน

 

          คุณพงษ์ศักดิ์ วรสายัณห์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย และเวียดนาม จากบริษัท อินฟอร์ ซอฟต์แวร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเปิดงานและต้อนรับผู้เข้าร่วมสัมมนาอย่างเป็นทางการ พร้อมกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ของบริษัทฯ ที่มีการออกแบบให้มีความเหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมโดยเฉพาะ การให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับธุรกิจ และโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ที่รองรับผู้เช่าหลายราย ซึ่งได้ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง AWS จึงช่วยให้ข้อมูลบนระบบคลาวด์มีความปลอดภัย ใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น และสอดคล้องตามข้อกำหนด อันจะช่วยผลักดันให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมในกระบวนการผลิตได้อย่างยั่งยืน

 

          รศ.ดร. ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการ จากสถาบันไอเอ็มซี ได้อัปเดตถึงเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลที่ทันสมัย จากการที่ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจอาหารจำเป็นต้องรับมือกับความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมากมาย จึงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านดิจิทัล (Digital Transformation) นำไปสู่การพัฒนากระบวนการผลิต รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการในรูปแบบใหม่อยู่เสมอ ทั้งนี้ระบบคลาวด์ถือเป็นส่วนหนึ่งของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สามารถนำมาผนวกใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างดีเยี่ยม เนื่องจากระบบสามารถควบรวมข้อมูลจากหลากหลายแหล่งและปรับแต่งข้อมูลได้ตามความต้องการด้วยพื้นฐานของระบบ ERP ซึ่งจะเข้ามาช่วยจัดการทั้งระบบการผลิตและระบบควบคุมคุณภาพ รวมถึงช่วยปรับขนาดของกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับทรัพยากรและความต้องการของตลาดได้อีกด้วย

 

          คุณพัทธ์ธีรา วชิรเชาวพงศ์ ที่ปรึกษาด้านโซลูชันอาวุโส บริษัท อินฟอร์ ซอฟต์แวร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงซอฟต์แวร์อัจฉริยะของบริษัทฯ อย่าง Infor CloudSuite F&B ที่ออกแบบมาพร้อมกับความสามารถในการวางแผนทรัพยากรขององค์กรสำหรับโรงงานอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ ขนมอบ เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์จากนม เนื้อสัตว์และสัตว์ปีก อาหารสำเร็จรูป อาหารแช่เย็นและแช่แข็ง รวมถึงส่วนผสมอาหาร ด้วยระบบคลาวด์ที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย สามารถกำหนดข้อมูลได้ตามประสบการณ์ของผู้ใช้งาน และหากใช้งานร่วมกับระบบ AI, IoT และ BI ก็สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมายพร้อมกรณีศึกษาต่างๆ อาทิ การตรวจสอบย้อนกลับ การวางแผนและควบคุมต้นทุนในการผลิต การจัดการระบบเอกสารระบบคุณภาพ การลดขั้นตอนในการออกใบเสร็จรับเงิน ซึ่งสามารถออกแบบการทำงานได้อย่างครอบคลุมในแต่ละแผนกของโรงงาน

          คุณกาญจนา ว่องพิสุทธิพงศ์ ที่ปรึกษาด้านโซลูชัน บริษัท อินฟอร์ ซอฟต์แวร์ (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอระบบ WMS Cloud Solution ซอฟต์แวร์ที่สามารถจัดการคลังสินค้าได้แบบครบวงจร ช่วยให้ผู้ใช้งานมองเห็นข้อมูลสินค้าคงคลัง คำสั่งซื้อ อุปกรณ์ และบุคลากรได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงช่วยเสริมความถูกต้องและแม่นยำในระบบคลังสินค้าอัตโนมัติได้ ทั้งนี้ ระบบ WMS รุ่นล่าสุดสามารถใช้งานร่วมกับระบบ ERP, OMS, TMS, WCS, MHE และ Robotics หรือผสานร่วมกับระบบที่มีอยู่เดิมได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น

 

          สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังเผชิญกับปัญหาและความท้าทายในการบูรณาการใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์เพื่อพัฒนาธุรกิจของคุณ สามารถเข้ามารับคำปรึกษาเพิ่มเติมกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท อินฟอร์ ซอฟต์แวร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.infor.com/th-th

          Continue reading “ขับเคลื่อนประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตอาหารและเครื่องดื่มด้วย ‘เทคโนโลยีคลาวด์’ Drive Efficiencies in Food and Beverage Production Processes with ‘Cloud Technology’”

Kerry’s new office and Customer Application Centre in Bangna, Bangkok will support innovation and co-creation partnerships.

         Kerry’s new office and Customer Application Centre in Bangkok was officially opened on 19 August. 

          Featuring a beverage lab facility for dairy, refreshing, and carbonated beverages applications, collaborative spaces, and ergonomic furniture, the 749 sq.m. Customer Application Centre is designed to enhance customer engagement while fostering creativity, innovation, and productivity.

   

 

          The new facility enables Kerry Thailand to better serve its customers and drive growth in Thailand’s high potential market.

    

เบอร์เคิท (ประเทศไทย) เปิดตัวสำนักงานแห่งแรกประจำประเทศไทย ด้วยวิสัยทัศน์ในการสร้างความสัมพันธ์และความสำเร็จที่ยั่งยืน

Bürkert (Thailand) Co., Ltd. Grand Opening Launches Its First Office in Thailand with a Vision to Build Sustainable and Successful Relationships

          บริษัท เบอร์เคิท (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำด้านระบบการวัดและระบบควบคุมของเหลวและแก๊ส ได้ฤกษ์ดีเปิดตัวสำนักงานแห่งแรกประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ อาคาร RASA ONE พหลโยธิน กรุงเทพฯ

          งานนี้ได้รับเกียรติจากคุณเอกชัย องค์วงศ์สกุล ผู้จัดการทั่วไป จากบริษัท เบอร์เคิท (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต้อนรับและตัดริบบิ้นในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ร่วมกับคุณ Chris Hoey, Director Global Service จาก Bürkert Fluid Control Systems พร้อมด้วยผู้บริหารและพันธมิตรทางธุรกิจ ที่มาร่วมแสดงความยินดีในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการและทำบุญสำนักงาน เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลและสร้างขวัญกำลังใจกับพนักงานในองค์กร

          ภายในสำนักงานแห่งนี้ได้รับการตกแต่งที่ทันสมัยพร้อมพื้นที่อำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นห้องทดสอบทางวิศวกรรม ห้องฝึกอบรม และพื้นที่คลังสินค้า ทั้งนี้คุณเอกชัย องค์วงศ์สกุล ได้แสดงวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ พร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนและบริการลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีการวัดของเหลวและแก๊สที่ผ่านมาตรฐานด้านสุขอนามัย ซึ่งจะช่วยเสริมความแม่นยำและประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต นอกจากนี้ยังได้มีการสนับสนุนการทำวิจัยและร่วมพัฒนากระบวนการผลิตกับลูกค้าอีกด้วย

 

          นิตยสารฟู้ด โฟกัส ไทยแลนด์ ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จอีกก้าวของบริษัท เบอร์เคิท (ประเทศไทย) จำกัด มา ณ โอกาสนี้ หากท่านใดสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทฯ สามารถเยี่ยมชมรายละเอียดได้ที่ info.th@burkert.com หรือติดต่อ www.burkert.co.th

 


 

          Bürkert (Thailand) Co., Ltd., one of the leading manufacturers of measurement and control systems for liquids and gases, grand opening launched its first office in Thailand as part of its business expansion in ASEAN on Thursday, August 1st, 2024, at the RASA ONE Building, Phaholyothin area, Bangkok.

 

          The event was honored by Mr. Ekachai Ongwongsakul, General Manager of Bürkert (Thailand) Limited., who gave a welcoming speech. A ribbon-cutting ceremony was held together with Mr. Chris Hoey, Director of Global Service from Bürkert Fluid Control Systems, along with executives and business alliances who witnessed the official opening ceremony and joined the merit-making to enhance auspiciousness and encouragement for employees in the organization.

 

          Bürkert Thailand’s modern interior office is equipped with facilities such as an engineering test and assembly area, a training room, and warehousing reinforces. Mr. Ekachai Ongwongsakul expressed the company’s vision of bringing innovative and state-of-the-art technologies, along with a commitment to provide full support and service to customers with innovative solutions in liquid and gas measurement and control systems with the assurance of the highest hygienic standards, precision, and efficiency, as well as supporting research and development covering the entire production process with customers.

 

          Food Focus Thailand Magazine would like to express our heartfelt congratulations on another step of success for Bürkert (Thailand) Co., Ltd. If anyone is interested in more information about the company, you can visit the details a info.th@burkert.com or www.burkert.com

FOODPOLIS has brought the 14 food and beverage entrepreneurs to exhibit their products in Korea Pavilion at THAIFEX – Anuga Asia 2024

ครั้งแรกของ The Food Industry Promotional Agency of Korea (Foodpolis) กับการนำทัพผู้ประกอบการอาหารและเครื่องดื่มจากประเทศเกาหลีเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าภายในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2024 ที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา

 

          โครงการเมืองอาหารหรือ Foodpolis ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางเครือข่ายด้านอาหารของประเทศเกาหลีและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอาหารแก่ภาคเอกชน ภายใต้การทำงานของสำนักงานคลัสเตอร์อาหารแห่งชาติ (Agency for Korea National Food Cluster) โดยให้การสนับสนุนผู้ประกอบการในเครือข่ายที่มีมากกว่า 156 บริษัท อย่างครบวงจรตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาภายใต้การอำนวยความสะดวกของ 12 ศูนย์วิจัยจนถึงการจำหน่ายออกสู่ตลาด

         โดยคุณ Oh Nana, Team leader of Business Support Department เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ Foodpolis ได้พาผู้ประกอบการอาหารและเครื่องดื่มกว่า 14 บริษัทในเครือข่ายมาร่วมจัดแสดงสินค้าภายในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2024 ด้วยมุ่งหวังที่จะเปิดตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่กำลังมีความสนใจในผลิตภัณฑ์อาหารเกาหลีมากขึ้นจากอิทธิพลด้านดนตรีและวัฒนธรรม (K-Pop) ซึ่งจะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ จาก 14 บริษัทที่มาร่วมจัดแสดงในครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในปัจจุบันที่เน้นความสะดวกรวดเร็ว ประหยัดเวลาในการประกอบอาหาร แต่ยังรักษาคุณภาพและรสชาติของอาหารได้ดีดังเดิม จากโดยปกติที่อาหารเกาหลีแบบดั้งเดิมจะต้องใช้เวลาในการปรุงนานกว่า 1-2 ชั่วโมง นวัตกรรมเหล่านี้ก็ทำให้ลดเวลาในการทำอาหารลงเหลือเพียง 10-20 นาทีเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ผงกิมจิอัดก้อน ซอสพาสต้าวีแกน รวมถึง ‘Cup Greens Lunchbox’ บ็อกซ์เซ็ตผัก 10 ชนิดที่อบแห้งด้วยเทคโนโลยีฟรีซดราย และ ‘Kimchi Juice’ เครื่องดื่มจากการหมักกิมจิขาวที่เป็น 2 ผลิตภัณฑ์จากเกาหลีที่ได้รับรางวัล tasteInnovation Show Finalists จากงาน THAIFEX – Anuga Asia ปีนี้ด้วย

          นอกจากนี้ คุณ Oh Nana ยังเสริมว่า แม้ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารเกาหลีอาจจะยังมีความท้าทายในด้านราคาที่ผู้บริโภคแต่ละประเทศจะมีการยอมรับที่ไม่เท่ากัน แต่เราก็ยังพยายามปรับต้นทุนทางวัตถุดิบเพื่อให้ราคาสินค้าสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ และตอนนี้ก็กำลังศึกษาความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะวัยทำงานด้วยมุ่งหวังที่จะช่วยผู้ประกอบการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ เพื่อขยายการเติบโตในตลาดเอเชียให้สูงขึ้นอีกด้วย

 


          The Food Industry Promotional Agency of Korea (Foodpolis) brought Korean food and beverage entrepreneurs to exhibit their products at THAIFEX – Anuga Asia 2024, held in Thailand from May 28–to June 1, 2024, for the first time.

          The establishment of Foodpolis is a testament to its commitment to serve as the hub of Korea’s food network, facilitating the research and development of innovative food products in the private sector. Under the unwavering support of the Agency for Korea National Food Cluster, Foodpolis offers comprehensive assistance to entrepreneurs within the network of 156 companies, ranging from research and development, aided by 12 research centers, to commercialization.

 

          Ms. Oh Nana, Team leader of the Business Support Department, revealed that this is the first time that Foodpolis has brought food and beverage operators from more than 14 companies in the network to exhibit their products at THAIFEX – Anuga Asia 2024 with the aim of opening more foreign markets. Thailand, in particular, is becoming more interested in Korean food products due to the influence of music and culture (K-Pop). This time, 14 companies showcased a diverse range of products. Most of them are innovations that meet the lifestyle needs of today’s consumers, who emphasize convenience and cooking time-saving, while still maintaining the quality and taste of the traditional food. Since traditional Korean food usually takes more than 1-2 hours to cook, these innovations have reduced the cooking time to only 10–20 minutes, for example, kimchi cube and vegan pasta sauce. These included the ‘Cup Greens Lunchbox’, a box set of 10 types of freeze-drying vegetables, and ‘Kimchi Juice’, a drink made from the white kimchi fermentation, which are two products from Korea that have also been get Taste Innovation Show Finalists Rewards from this year’s THAIFEX – Anuga event.

 

         Furthermore, Ms. Oh Nana added that although Korean food products may still face price challenges since consumers in each country will have different acceptances. However, we still try to adjust the cost of raw materials so that the product price is affordable to various consumers. Currently, we are studying the needs of Thai consumers, especially working people, with the aim of helping entrepreneurs develop products to meet their lifestyle needs and attempt to enhance our expansion in the Asian market.

Below are the company lists that have been participated in this event.

Bongdong Ginger Village

SallyCook Co., Ltd.

Songsi Village Co., Ltd.

DAMCCOT

Lactokorea Co., Ltd.

BTC Corporation

KFOOD

BORAM BIO CO., LTD.

KOREA NATURAL FOOD CO., LTD.

JEION CO., LTD.

Sunnyday

BAD CARROT

NARICHAN

Maeil Foods

Find out more about their innovative products at www.fbiz.or.kr

เมทเล่อร์-โทเลโด Open house เชิญเรียนรู้ระบบตรวจสอบผลิตภัณฑ์ในวันที่ 23 สิงหาคม 2567

เปิดบ้านรู้จักกับเมทเล่อร์-โทเลโดให้มากยิ่งขึ้น ในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 ขอเชิญผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารทุกท่านไปร่วมสำรวจและเรียนรู้ถึงระบบตรวจสอบผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมอาหารโดยเฉพาะ ได้แก่ เครื่องเอกซเรย์ เครื่องตรวจจับโลหะ และเครื่องตรวจสอบน้ำหนักบนสายพาน เพื่อช่วยป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่อาจจะปนเปื้อนไปถึงผู้บริโภค

ในงานนี้จัดเต็มด้วยโปรแกรมเต็มวันไม่ว่าจะเป็น การอบรมทฤษฎีเรื่องระบบตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ กิจกรรมเวิร์กชอป และปิดท้ายงานด้วยทัวร์เยี่ยมชมเครื่องมือต่างๆ รวมไปถึงกลุ่มเครื่องมือในห้องปฏิบัติการ และเครื่องชั่งในอุตสาหกรรม เพื่อให้ผู้ประกอบการทุกท่านมั่นใจและไว้วางใจเลือกเมทเล่อร์-โทเลโดเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจในอนาคตต่อไป และสามารถนำเทคโนโลยีไปต่อยอดกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตได้

 

หากผู้ประกอบการท่านใดสนใจเกี่ยวกับระบบตรวจสอบผลิตภัณฑ์ สามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและเงื่อนไขในการลงทะเบียนได้ตามช่องทาง LINE Official Account “@mtth” หรือทางเว็บไซต์ www.mt.com และทุกช่องทางของ Food Focus Thailand

ร่วมเฟ้นหาไอเดียแสนอร่อยและแรงบันดาลใจใหม่สำหรับธุรกิจอาหารกับงาน HKTDC Food Expo PRO & HKTDC Hong Kong International Tea Fair 2024

Let’s find Delicious Ideas and New Inspiration for your Food Business at the HKTDC Food Expo PRO & HKTDC Hong Kong International Tea Fair

 

โอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ ผู้นำเข้าอาหารและเครื่องดื่ม ผู้ค้าส่งและปลีก รวมถึงผู้ค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ กับการเปิดโลกธุรกิจด้านอาหารและผลิตภัณฑ์ชาจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งจัดขึ้นโดยองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade Development Council; HKTDC) โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 15-17 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ณ ศูนย์ประชุมและนิทรรศการฮ่องกง (Hong Kong Convention and Exhibition Centre) 

ซึ่งภายในงานได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน  ดังนี้

HKTDC Food Expo PRO นิทรรศการจัดแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มแห่งเอเชีย

ภายในงานพบกับโซนจัดแสดงสินค้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อนำเสนออาหารทางเลือกและกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเพื่ออนาคต รวมไปถึงผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารพร้อมทานและผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล ซึ่งในปีนี้ได้รวบรวมผู้จัดแสดงสินค้าจากทั่วทุกมุมโลก อาทิเช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เม็กซิโก ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ยังมากไปด้วยหัวข้อสัมมนาที่น่าสนใจจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญที่ได้มาร่วมแบ่งปันข้อมูลในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของอุตสาหกรรมอาหาร อาหารเพื่ออนาคต รวมไปถึงแนวโน้มและความท้าทายของผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลอีกด้วย

Hong Kong International Tea Fair: เทศกาลชานานาชาติฮ่องกง

งานในปีนี้ได้รวบรวมผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับชามากมายไม่ว่าจะเป็น ชา อุปกรณ์ชงชา เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการดื่มชาและขับเคลื่อนการพัฒนาของอุตสาหกรรมชาระหว่างประเทศ ได้แก่ งานแข่งขันออกแบบพื้นที่สำหรับดื่มชาครั้งที่ 1 (The 1st International Tea Event Space Design Competition 2024) งานประกวดใบชาสากล (Hong Kong International Tea Competition) ทั้งในด้านกลิ่นหอมและรสชาติของชา งานประกวดชานมสไตล์ฮ่องกงระหว่างประเทศและพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ (International and Greater Bay Area KamCha Competition) และงานสัมมนาในหัวข้อวัฒนธรรมชาระหว่างประเทศครั้งที่ 1 (The 1st Hong Kong International Tea Culture Forum 2024)

นอกจากนี้ยังมีการประชุมนานาชาติการแพทย์จีนสมัยใหม่และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมการแพทย์จีนสมัยใหม่ (MCMIA) ร่วมกับองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) สถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์และสมาคมอุตสาหกรรมรวม 11 สถาบัน เพื่อถ่ายทอดข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการแพทย์แผนจีนแก่อุตสาหกรรม

Mark Your Dates: HKTDC Food Expo PRO & HKTDC Hong Kong International Tea Fair 2024

Dates: 15-17 สิงหาคม 2567

Venue: ศูนย์ประชุมและนิทรรศการฮ่องกง (Hong Kong Convention and Exhibition Centre) 

 

ลงทะเบียนเพื่อรับ e-Badge ได้ที่ https://rb.gy/0oaotn

สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

อีเมล thunchanok.jarungkiattikajorn@hktdc.org

โทร 02-343-9000

 


Opportunities for food and beverage importers, wholesalers, retailers, and traders on online platforms are opening the business world of food and tea products from around the world, organized by the Hong Kong Trade Development Council (HKTDC). The Food Expo PRO and Hong Kong International Tea Fair will be held on August 15–17, 2024, at the Hong Kong Convention and Exhibition Centre. The event was divided into two parts, as follows:

HKTDC Food Expo PRO: Asia’s Key Trade Event for Food and Beverage

At the event, the highlighted zone is “Food Science and Technology” to bring alternative food and future food products, including ready-to-eat meal products and Halal products. This year has gathered exhibitors from all over the world, such as China, Japan, Korea, Mexico, Thailand, Indonesia, and the Philippines. There are also a variety of seminars from expert speakers who come to share information on technology and innovation in the food industry, as well as food for the future, including the trends and challenges of Halal food products.

Hong Kong International Tea Fair: Brewing opportunities in tea business

The concurrent Hong Kong International Tea Fair brings together various products, including tea and tea-related products and teaware. Important highlights of this event to create an international platform for communication, promote tea culture, and drive the global development of the tea industry are the 1st International Tea Event Space Design Competition 2024, the Hong Kong International Tea Competition in terms of aroma and taste of tea, the International and Greater Bay Area KamCha Competition, and the 1st Hong Kong International Tea Culture Forum 2024.

In addition, the International Conference of the Modernization of Chinese Medicine and Health Products (ICMCM), organized by the Modernized Chinese Medicine International Association (MCMIA), together with the HKTDC and eleven scientific research institutions and industry associations, delivered professional traditional Chinese medicine insights into the industry.

 

Mark Your Dates: HKTDC Food Expo PRO & HKTDC Hong Kong International Tea Fair 2024

Dates: August 15-17, 2024

Venue: Hong Kong Convention and Exhibition Centre, Hong Kong

 

Dairy & Dairy Products Edition: The Changing Landscape of Dairy Industry

 

          เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา บริษัท บี มีเดีย โฟกัส (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดงานสัมมนา Roadmap 2024: Dairy & Dairy Products Edition ภายใต้ธีม Dairy Innovations: The Changing Landscape of Dairy Industry” ณ ห้องจูปิเตอร์ 5-7 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่ออัปเดตการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมนม ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากความต้องการของผู้บริโภค ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการค้าโลก ในงานนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรมากฝีมือและผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์มาร่วมแชร์ความรู้ พร้อมอัปเดตข้อมูลทั้งทางด้านแนวโน้มและนวัตกรรมล่าสุดในอุตสาหกรรมนม รวมถึงการเติบโตของผลิตภัณฑ์นมทางเลือก เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนมสู่ความยั่งยืนต่อไป

 

            เปิดสัมมนาช่วงแรกมาด้วย คุณวรางคณา โตรส เศรษฐกรชำนาญการพิเศษ กองส่งเสริมและการพัฒนาปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ ได้กล่าวถึงภาพรวมในอุตสาหกรรมนมและผลิตภัณฑ์จากนมของประเทศไทยและทั่วโลก โดยอุปสงค์และอุปทานของโลกและประเทศไทยใน 10 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตที่เพิ่มขึ้น และในปี พ.ศ. 2567 นี้มีการคาดการณ์จากหลายประเทศว่าผลผลิตน้ำนมดิบจะลดลง เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่แพงขึ้น ปัญหาภัยแล้งและหนี้สินของฟาร์มจากภาวะเงินเฟ้อ รวมไปถึงค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงในบางประเทศ ส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ในปี พ.ศ.2566 มูลค่าการค้าของอุตสาหกรรมนมและผลิตภัณฑ์นมในประเทศไทยนั้นขาดดุลการค้าถึง 13,452.38 ล้านบาท และสถานการณ์ในช่วงไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2567 พบว่ามูลค่าการค้าผลิตภัณฑ์นมขาดดุลการค้าอยู่ที่ 2,704.04 ล้านบาท ซึ่งทางกรมปศุสัตว์ได้มีแผนปฏิบัติการด้านโคนมและผลิตภัณฑ์นมระยะที่ 1 เพื่อสร้างความมั่นคงและความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม รวมถึงพัฒนาระบบอุตสาหกรรมนมของประเทศไทยให้ยั่งยืน

 

            ด้าน คุณอังกูร รุจิพงศ์วาที Key Account Manager – Food & Beverage จากบริษัท วีก้า อินสตรูเมนท์ จำกัด ได้นำเสนอโซลูชันต่างๆ จากบริษัทฯ ที่มาช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้ผลิตในอุตสาหกรรมนมโดยเฉพาะ เพื่อนำมาใช้ในการยกระดับกระบวนการผลิตนมให้มีความปลอดภัยและมีคุณภาพซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้บริโภค ด้วยอุปกรณ์การวัดที่มีความจำเพาะกับนมและผลิตภัณฑ์นม รวมถึงให้ความสำคัญกับการนำอุปกรณ์การวัดมาใช้ในแต่ละขั้นตอนการควบคุมคุณภาพ ตั้งแต่การรับวัตถุดิบ การผสม รวมไปถึงการบรรจุ เช่น ถังผสมสำหรับการผลิตชีส ถังกวนและผสมโยเกิร์ต เป็นต้น

 

            ส่วน คุณเสรี ธรรมเสริมสุข ผู้อำนวยการด้านวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์วิกฤตน้ำนมดิบขาดตลาดซึ่งมาจากหลายสาเหตุ อาทิเช่น เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศไทยได้ปิดกิจการลงและเปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่น สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ผลกระทบจากสงครามอันยาวนานของรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารสัตว์เนื่องจากวัตถุดิบหลักในอาหารสัตว์จะนำเข้าจากประเทศยูเครน จึงส่งผลให้ราคาน้ำนมดิบสูงขึ้น อีกทั้งราคาส่วนผสมต่างๆ ก็ต่างปรับราคาขึ้นราสูงขึ้นเช่นกัน เช่น กาแฟ และโกโก้ นอกจากนี้ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงจากคู่ค้า การควบรวมกิจการ การขยายสาขา รวมไปถึงแบรนด์ต่างชาติที่เข้ามาขยายสาขาในประเทศไทยมากขึ้น แม้กระทั่งซีพี-เมจิซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ครองส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์นมยังได้รับผลกระทบจากวิกฤตเหล่านี้ จึงต้องมีการปรับตัวให้เท่าทันสถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงคาดการณ์เทรนด์ของผู้บริโภค และเตรียมรับมือกับผลกระทบต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น

 

            ผศ.ดร. อุลิสาณ์ พาชีครีพาพล สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์การเกษตร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้มาแบ่งปันความรู้เชิงลึกรวมถึงเทคโนโลยีเกี่ยวกับนมและผลิตภัณฑ์นม โดยประชากรร้อยละ 70 ของโลกนั้นมีอาการแพ้น้ำตาลแลคโตสในนม (Lactose intolerance) ซึ่งจะไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสได้เนื่องจากขาดหรือมีปริมาณเอนไซม์แลคเตสน้อย จึงทำให้ท้องอืด ท้องเสีย ส่วนโปรตีนในนมนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วน ได้แก่ เคซีนและเวย์โปรตีน ซึ่งเคซีนนั้นมีส่วนประกอบของโปรตีนเบต้าเคซีน ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าหากดื่มนมวัวแล้วมีอาการปวดท้อง ท้องเสีย อาจจะไม่ได้มาจากการแพ้น้ำตาลแลคโตส แต่อาจจะมาจากการได้รับเปปไทด์ BCM-7 (Beta-Casomorphin-7) ซึ่งได้มาจากการย่อยนมวัวในกลุ่มเอวัน (A1) นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงผลิตภัณฑ์นมในกลุ่มอื่นๆ เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต รวมไปถึงหลักการกล่าวอ้างทางสุขภาพเพื่อการโฆษณาสินค้าอีกด้วย

 

            รศ.ดร. อินทาวุธ สรรพวรสถิตย์ ภาควิชาเทคโนโลยีทางอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวถึงเทรนด์ผลิตภัณฑ์แพลนท์เบสเพื่อประโยชน์ทางด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม คือ นมจากโปรตีนของพืช ทั้งจากถั่วเหลือง ถั่วเขียว อัลมอนด์ ธัญพืชต่างๆ แต่ก็ยังมีความท้าทายในด้านกลิ่นรสและเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ เช่น กลิ่นเหม็นเขียวหรือกลิ่นหญ้า เนื่องจากในนมประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลขนาดใหญ่ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต หรือไขมัน ดังนั้นการเติมกลิ่นรสซึ่งเป็นสารเคมีจะทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีและสร้างพันธะทางเคมีซึ่งส่งผลต่อกลิ่นรสของผลิตภัณฑ์ กล่าวคืออาจจะไม่ได้กลิ่นที่ตั้งใจจะเติมลงไป หรืออาจได้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์กลับมาแทนนั่นเอง โดยหนึ่งในวิธีแก้ไข คือ การใช้ Masking agent เพื่อส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์มีกลิ่นรสที่ต้องการ นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงงานวิจัยในเรื่องกลิ่นรสจากพืชอีกด้วย

 

            ปิดท้ายด้วย คุณนภนีรา รักษาสุข ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ยินดีดีไซน์ จำกัด ได้มาร่วมแชร์ไอเดียในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์นมให้ตรงโจทย์และตรงใจผู้บริโภค โดยกล่าวถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่กับเทรนด์ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก (Organic) และผลิตภัณฑ์แพลนท์เบส (Plant based) รวมถึงการใส่ใจสุขภาพและหลีกเลี่ยงสารเคมี ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ซึ่งผู้บริโภคจะยอมจ่ายเงินที่สูงขึ้นให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีแนวคิดและจุดยืนเดียวกันกับตนเองและบุคคลสำคัญ พร้อมคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อโลก เช่น ในกลุ่มผู้บริโภคสีเขียว (Green consumer) จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายหรือรีไซเคิลได้ (Green packaging) แม้จะมีราคาที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันก็ตาม ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวหรือสร้างจุดยืนให้แบรนด์ รวมถึงสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ฉลากสะอาด (Clean labels) ต้องมีการระบุรายละเอียดอย่างโปร่งใส และการระบุจุดยืนของแบรนด์ให้ชัดเจนหรือสร้างเรื่องราว (Story telling) ที่สามารถปฏิบัติได้จริงเพื่อให้ผู้บริโภครับรู้และสามารถเข้าถึงได้ เป็นต้น

 


สำหรับงาน Roadmap ครั้งถัดไป พบกับงานสัมมนาสำหรับชาวอุตสาหกรรมอาหารแช่เย็นและแช่แข็ง ในวันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ณ ห้องจูปิเตอร์ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

Kerry Group Launches Digital Innovation Hub for Supplements

Kerry, a leader in taste and nutrition for the food, beverage, and pharmaceutical markets, today unveiled its new digital innovation hub for supplements. A one-stop-shop for customers, the hub will feature:

• Expert interview videos with Kerry’s leading scientists and subject matter experts

• New proprietary global research, including consumer preferences in supplements and across key health platforms.

• Insights into consumer taste preferences in supplements, in categories like gummies and functional beverages.

• Clinical study data on Kerry’s ingredients.

• Solutions tools, including videos, sell sheets, and brochures for each of Kerry’s proactive health ingredients.

“With this convenient all-in-one digital innovation hub, brands and manufacturers can quickly and easily access resources such as credible Kerry expert insights, proprietary market and research reports, and useful tools about Kerry science-backed proactive health ingredients,” said Olivier De Salmiech, Vice President, Nutritional Supplements, Kerry Asia Pacific, Middle East, and Africa. “The hub is part of our goal to make it easier and more valuable for our customers to do business with us as they innovate to create nutritious, sustainable food, beverages, and supplements that support the diverse, complex needs of consumers of all ages.”

Clinically unique in addressing consumer wellness needs and easy to formulate across foods, beverages, and supplements, the Kerry proactive health portfolio covers need states including:

        • Digestive Health:ingredients that support the gut microbiome, impacting overall wellness.

        • Immune Health:solutions that allow consumers to be and stay well, including Wellmune®.

        • Cognitive Health:naturally derived, scientifically backed ingredients to aid in stress management, healthy sleep, brain function, and more, including Sensoril® and Eupoly-3®.

        • Women’s and Infant Health: supporting all stages of life, from hormonal balance and fertility to breastfeeding, menopause, and beyond, with Caronositol® Fertility, LC40® Breastcare and Infant, and Luprenol®.

“We have the resources and expertise to quickly bring innovation to market by pairing science and insights with our global reach,” commented Dr. Alexandra Boelrijk, Global Senior Director, R&D, ProActive Health at Kerry. “We’re committed to our mission to make a global impact by combining our portfolio of science-backed wellness ingredients with world-class research capabilities to address consumers’ most pressing needs in digestive health, immune health, cognitive health, and women’s and infant health.”

For more information: www.kerry.com

ร่วมสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยระดับพรีเมียมจากอิตาลีแบบจัดเต็มที่ อิตาเลียนพาวิลเลียน งาน THAIFEX-Anuga Asia 2024

สำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน (www.ice.it) ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย (https://ambbangkok.esteri.it/en/) ขนทัพบริษัทชั้นนำด้านอาหารและเครื่องดื่มจากอิตาลีกว่า 31 บริษัทมาที่บูธอิตาเลียนพาวิลเลียน ณ ฮอลล์ 8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ผู้เข้าชมงานจะได้ร่วมดื่มด่ำกับรสชาติสไตล์อิตาเลียนผ่านกิจกรรมไฮไลท์ตลอดงานทั้ง 5 วัน ไม่ว่าจะเป็นการสาธิตการทำอาหารโดยเชฟชื่อดังจากสถาบันสอนการทำอาหารระดับโลก ALMA, The Food School และร้านอาหารอิตาเลียนที่มีชื่อเสียงอีกหลายแห่งที่จะนำเชฟมารังสรรค์อาหารอิตาเลียนแบบต้นตำรับโดยใช้ผลิตภัณฑ์ “Made in Italy” สุดพรีเมียมจากบริษัทอิตาเลียนที่จัดแสดงสินค้าในงาน Thaifex รวมทั้งกิจกรรมชิมไวน์สุดพิเศษโดยซอมเมอลิเยร์มืออาชีพที่คนรักไวน์ไม่ควรพลาด

โดยในวันที่ 29 พฤษภาคม ที่อิตาเลียนพาวิเลียนยังได้จัดกิจกรรมสุดพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟ โดยแขกรับเชิญระดับโลกอย่าง ลูกา โตนี่ แอมบาสเดอร์ของลีก Serie A อดีตนักฟุตบอลทีมชาติอิตาลีที่คว้าแชมป์โลกปี 2006 และเคยเล่นให้กับบาเยิร์น มิวนิค พร้อมด้วยคุณภราดร ศรีชาพันธุ์ นักเทนนิสชาวไทย ที่จะมาร่วมกิจกรรมสาธิตการทำอาหารและและพบปะแฟนๆ ในกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่อิตาเลียนพาวิลเลียนเท่านั้น

แล้วพบกันที่ อิตาเลียน พาวิลเลียน ฮอลล์ 8 บูธหมายเลข W01-37, V02-40, THAIFEX-Anuga Asia 2024

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page: ITA Bangkok